โลกรับฟัง – หนุนไทย!!??

สถานการณ์ “ไทย-กัมพูชา” ยามนี้ เข้าใกล้ภาวะสุ่มเสี่ยง…นำสู่การ “ปะทะ” ในทางการทหาร เริ่มปรากฏให้เห็นเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ
นับแต่…เกิดประเด็น ข้อพิพาท เรื่องพรมแดน ระหว่าง…ไทยกับกัมพูชา เมื่อ พ.ค.2568 ที่ผ่านมา ระหว่างทาง…ดันมีคลิปเสียง “Uncle ฮุนเซน” จงใจปล่อยหลุด! พัฒนากลายเป็น “วิวาทะ” ระหว่าง…เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด! “ทักษิณ ชินวัตร – ฮุน เซน”
จนถึงเหตุการณ์ในปัจจุบัน…ที่เพิ่งเกิดเหตุสดๆ ร้อนๆ ในวันนี้ (15 ก.ค.2568) หลังมีเหตุการณ์ ทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย กรูเข้าฝั่งไทย บริเวณ “ปราสาทตาเมือนธม” ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ระหว่างเหตุการณ์ชุลมุน…มีการผลักอกกัน…มีเสียงดังโวยวาย ตะโกนตอบโต้ไปมา
ทำให้ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและกัมพูชา ต่างอยู่ในอาการ…ระทึกขวัญ สั่นประสาทสุดๆ!!! ฝั่งไทย…ทหารพานักท่องเที่ยวชาวไทยเข้าไปหลบในบังเกอร์ ป้องกันเหตุร้ายที่อาจคาดไม่ถึง
ต้นเรื่อง! เกิดจาก…หญิงชาวกัมพูชา ตะโกนใส่ทหารไทย ว่า “ล้ำเส้น” เข้าไปในเขตประเทศกัมพูชา นำสู่การทะเลาะด้วยน้ำเสียงที่ดังลั่น ทำให้ทหารไทยและทหารกัมพูชาที่อยู่ในจุดนั้น…ต้องเข้ามาห้ามกันวุ่นวาย ก่อนจะพาหญิงชาวกัมพูชารายนั้น ออกไปจากจุดเกิดเหตุ
ที่กรุงเทพฯ ณ กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี “โฆษกกองทัพบก” ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่า “อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล”
ด้าน “เจ้าของพื้นที่” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แจ้งในเวลาต่อมาว่า “ปราสาทตาเมือนธม เหตุการณ์ปกติ ไม่มีอะไร ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตกใจ”
อีกด้านหนึ่ง วันเดียวกัน (15) ทาง กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) หรือ “ตำรวจไซเบอร์” ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้ทำการ รวบรวมพยานหลักฐาน “คดีก๊ก อาน – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ”
เอาผิด! ผู้เกี่ยวข้อง ในข้อหา…จัดการระบบ “บัญชีม้า” และ “ขบวนการฟอกเงิน” ให้แก๊งคอลเซนเตอร์ข้ามชาติ
พร้อมยื่นศาลออกหมายจับ “เครือข่ายก๊กอาน” เพิ่มอีก 6 คน ประกอบด้วย…น.ส.จุรี หรือเชอร์รี่, น.ส.ภูเฌอหลิน และนายกิตติศักดิ์ ทั้งหมดล้วนเป็น…ลูกสาวและลูกชายของ นายก๊ก อาน “ผู้ต้องหาคนสำคัญ” ในคดีข้างต้น ที่เข้ามาใช้ชีวิตหรูหราอยู่ในประเทศไทย
ไม่เพียง มีชื่อไทย…หากแต่ ลูกๆ ของนายก๊ก อาน ยังใช้ นามสกุลไทย คือ “คล่องกิจกล” เสียอีก???
จากทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จนถึงเหตุการณ์ ณ ปัจจุบัน ทุกอย่างอาจกลายเป็น “ปัจจัยเสี่ยง” ต่อการจะพัฒนาไปสู่การ “ปะทะ” ในทางการทหาร
ทว่า…สิ่งนี้จะเกิดได้มากน้อยแค่ไหน? การยับยั้งไม่ให้เหตุการณ์บานปลายต้องทำอย่างไร? เรามาวิเคราะห์กัน…
ว่ากันว่า…เรื่องราวที่เกิดขึ้นครั้งนี้ มีปมลึกอยู่ที่ “ข้อตกลงลับ” เรื่องการแบ่งปันแผ่นดิน โดยเฉพาะ “เกาะกูด” ที่มีทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอยู่เป็นจำนวนมาก
เรื่องนี้…เมื่อมัน “ไม่คืบหน้า” อย่างที่บางคนในในฝั่งกัมพูชา…ต้องการ แถมยังมีข่าวในทำนองว่า…ใครบางคนที่ว่านี้ “ไปรับปากและรับเงิน” จาก บริษัทน้ำมันข้ามชาติ มาก่อนแล้ว ตัวเขา…จึงโดน “บีบสุดๆ”
ให้เอา “เงินต้น” ที่วาง “มัดจำ” ไว้ พร้อมดอกเบี้ย…คืนมา
ไม่เพียง…ไม่แสดงความจริงใจและจริงจัง ต่อการ “แบ่งปัน – ทรัพยากรใต้ทะเล” หากอีกฝ่าย?…ยังไปพูดในหลายเวที บนท่วงทำนอง…จะประสานนานาชาติ ปราบแก๊งสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา
สิ่งนี้ จึงมิต่าง…ฟางเส้นสุดท้ายที่ “ขาดผึง!”
ทุกเรื่องจึงมาขมวดปมกับแค่ คนเพียง 2 ตระกูลใน 2 ประเทศ ที่ลามไปสู่ผลกระทบใน “3 มิติหลัก” ตามมา นั่นคือ…ผลกระทบทางด้านความมั่นคงชายแดน, อาชญากรรมข้ามชาติ, และความสัมพันธ์ทางการเมืองไทย-กัมพูชา
มีการประเมินกันว่า…ในเร็วๆ นี้ โอกาสที่ทหารของทั้ง 2 ฝ่ายจะ “ปะทะ” เหมือนเมื่อปี 2554 มีสูงมาก!!!
เพราะ หลายๆ เหตุการณ์ ได้ปูทาง “นำร่อง” เอาไว้ให้แล้ว
ตั้งแต่ระดับ “ชนชั้นนำ” ที่อยู่เบื้องหน้า (ผู้นำประเทศ) และ “คนชักใย” (พ่อของ 2 ผู้นำ) รวมถึงระดับ “ประชาชนกับประชาชน” และ “ประชาชนกับทหารของอีกฝ่าย”
สิ่งนี้ อาจนำไปสู่การ “ปะทะ” ของทหาร 2 ชาติ
ระดับการ “ปะทะ” บริเวณแนวตะเข็บชายแดน อาจไม่รุนแรงถึงขั้น “ก่อสงคราม”
คงเป็นเพียงการ “ปะทะ” เบื้องต้น ในระดับเล็กๆ แค่อาจเริ่มจากการ…ขว้างปาสิ่งของใส่กัน, ดันรั้ว, จับกุมตัวประกันทหาร ฯลฯ กระทั่ง ถึงขั้นใช้อาวุธเบา เช่น ปืนกล, M16 หรือ M60 สาดใส่กัน…
ต่อเมื่อมี เหตุยั่วยุ และ “ปะทะ” จนมีพลเรือนและทหาร “เสียชีวิต” นั่นแหละ เหตุการณ์ถึงจะพัฒนาไปสู่ “จุดชนวนขยายวง” เข้าสู่ภาวะสงคราม
ระหว่างที่ยังไม่เกิดเหตุร้าย…“คนชักใย” ทั้ง 2 ฝั่ง คงจะเปิดปฏิบัติการในเกมที่ตัวเองถนัด
ฝ่ายหนึ่ง… เดินเกมข่าวสาร (Information Warfare) ต่อเนื่อง กล่าวหาว่า…อีกฝ่ายอ่อนแอ, รัฐบาลฝั่งตรงข้ามทำคบค้ากับ ใครบางคน? ที่มีพฤติกรรมเข้าข่าย “ข.ช.” (แปลกันเอง)
อีกฝ่ายหนึ่ง…ใช้กลเกม “ล็อบบี้ยีสต์” ตีข่าว “ตัวพ่อธุรกิจสกปรก” (สแกมเมอร์, คอลเซ็นเตอร์ และค้ามนุษย์ รวมถึงสั่งจับและฆ่า “ผู้เห็นต่าง”) เพื่อให้…นานาชาติ โดยเฉพาะ รัฐบาลและองค์กรปราบธุรกิจผิดกฎหมาย มารวมตัวและไล่ล่า “ตัวพ่อ” รายดังกล่าว
มีข้อเสนอแนะที่น่าสนใจในการป้องกันปัญหาข้างต้น…ก่อนจะกลายเป็นเหตุ “ลุกลามบานปลาย” โดยเฉพาะ “ฝังไทย” กล่าวคือ…
ควรเตรียมการทูตเชิงรุก โดยต้องเร่งเจรจาผ่าน ช่องทางทหาร และทางการทูต และต้องไม่ปล่อยให้สถานการณ์การยั่วยุ และกระทบกระทั่งของ ประชาชนและทหารทั้ง 2 ฝั่ง…บานปลาย
ควบคุมข่าวสารภายในประเทศ ระวัง! อย่าให้ปลุกปั่น “กระแสชาตินิยมสุดโต่ง” เกิดขึ้นมาอย่างเด็ดขาด เพราะสิ่งนี้…จะถือเป็นปัจจัย “กดดัน” ให้กองทัพไทย นิ่งเฉย! ไม่ได้อีกต่อไป
หาก ฝั่งไทย (ที่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ หรือได้ทำหรือเปล่า? เพราะเคยมีโอกาสทำแล้ว…แต่ก็ไม่ทำ) ได้ทำและทำได้…โอกาสที่ทหารทั้ง 2 ฝ่ายจะ “ปะทะ” กระทั่ง กลายเป็น “สงคราม” เหมือนเมื่อ 14 ปีก่อน ก็คงไม่เกิดขึ้น!
ตรงกันข้าม…หากไม่ทำหรือทำแล้ว แต่ไม่สำเร็จ! ถึงตอนนั้น…ก็ต้องเชียร์ให้ทหารไทย (กองทัพ) บูรณาการครบทั้ง 3 เหล่า
สร้างการเปลี่ยนแปลงกับอีกฝั่ง!
ช่วยประชาคมโลก…ทำลายธุรกิจสกปรกให้พ้นจากมวลมนุษยชาติ!
สิ่งนี้…คงพอใช้เป็นข้ออ้างที่เชื่อว่า…หลายองค์กรระดับโลก และรัฐบาลหลายชาติ? จะรับฟังได้และพร้อมสนับสนุนฝั่งไทยอย่างเต็มที่!!!.