สีส้ม…สุดแสน ‘หอมหวาน!’

ทฤษฎีแม่สี…3 สีหลัก “แดง เหลือง น้ำเงิน” ส่วน สีขั้นที่ 2 เกิดจากการผสมแม่สี หนึ่งในนั้น มี “สีส้ม” เป็นผลพวงของการผสมรวมระหว่าง “แดงกับเหลือง” ในทางการเมืองไทยวันนี้ “สีส้ม” กลายเป็นสีหลัก และเป็นสีที่ทั้งฝั่งแดงและน้ำเงิน…ขาดไม่ได้!

กับ “สีแดง” ยามนี้และวันข้างหน้า คงยากจะผสมเข้าด้วยกันกับ “สีส้ม” เพราะวลีเดียว! “ตระบัดสัตย์” แต่กับ “สีน้ำเงิน” หากรวมกันได้ ก็ไม่ใช่วันนี้ แต่เป็น…การเมืองสมัยหน้า หลังการเลือกตั้งใหญ่ เช็คตามกรอบเวลาการเมืองปกติ ก็โน่นเลย ราวกลางปี 2570

ยกเว้น! เกิดอุบัติในทางการเมือง ทั้งลางดีและร้าย???

ลางดีนายกรัฐมนตรี ทั้งตัวจริงที่โดยสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ และรักษาราชการแทนฯ ต่างก็มีสิทธิ์ใช้ “อำนาจ” ความเป็น…นายกรัฐมนตรี ณ ขณะนั้น คืนอำนาจให้กลับไปอยู่ในมือของประชาชน

ถึงเวลา…ก็เลือกตั้ง หา “ผู้นำประเทศ” และรัฐบาลชุดใหม่ เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย เหมือนนานาอารยประเทศ

ส่วน ลางร้ายนายกรัฐมนตรี ไม่เหลือเวทีแห่งอำนาจในทางการเมือง เพราะมี “อำนาจพิเศษ” ยึดเอาไปครอง!!!

ถึงตอนนั้น…การเลือกตั้งตามกรอบเวลาการเมืองเดิม คงจะยังไม่เกิดขึ้น? ส่วนคนไทยและนักการเมืองไทย จะได้สัมผัสลางร้ายที่ว่านี้หรือไม่?

ตอบยาก…แม้วันนี้ เรายังเห็นภาพ “แม่ทัพ”  ในกองทัพไทย มีประชาธิปไตยเต็มหัวใจ

แต่วันข้างหน้า…อะไรๆ ก็ไม่แน่นอน และพร้อมจะแปรเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ของบ้านเมืองและของโลก

ที่แน่ๆ การเมืองในวันข้างหน้า ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้กรอบความเป็น…ลางดีหรือร้าย ประเทศไทย…จะไม่มี “นายกฯอ่อนหัด” ใช้ทำเนียบรัฐบาล เป็นที่ฝึกงาน…ลองผิดลองถูก!!! อีกแล้ว

สำหรับ “สีส้ม” พรรคประชาชน ที่แม้วันนี้…พวกเขาจะ ประกาศชัด! ไม่ขอเป็น “รัฐบาล” ในสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ แต่ถึงอยากจะเป็น? ก็คงเป็นไม่ได้ “อำนาจเก่า” ที่ครอบงำประเทศไทย คงไม่ยอม

แต่สำนวน “น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน!” และหากในวันข้างหน้า…นโยบายใดๆ ที่ “ฝ่ายอนุรักษ์นิยม” ไม่อยากเห็น พรรคสีส้มเอง…ก็ไม่คิดนำเสนอ แต่มุ่งไปยังการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งระดับมหภาค จุลภาค และลงลึกถึงระดับ…ปากท้องและวิถีชีวิตของคนไทย

พุ่งเป้า…ดันจีดีพี ให้เติบโตเกินระดับ 5% และเดินหน้า ลดสัดส่วน…ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน ที่แม้ระดับจะลดลงจากเดิมที่เคยเกิน “90%” เหลือราว 88.4% เมื่อเทียบกับจีดีพีในปัจจุบัน แต่หากคิดเป็นวงเงินเต็มๆ ก็สูงกว่า 16 ล้านล้านบาท

ทุกๆ 1% ของจีดีพีที่เติบโต จะทำให้เศรษฐกิจไทย มีเงินไหลเข้าสู่ระบบเพิ่มจากปกติอีกราว 1.8 – 1.9 แสนล้านบาท หากเศรษฐกิจไทย หรือจีดีพี โตเกิน 5% นั่นก็หมายความว่า…เงินใหม่ที่งอกเพิ่มขึ้นมา จะแตะระดับ 9 แสนล้าน – 1 ล้านล้านบาทเศษในทุกๆ ปี

ลองคิดดู…เศรษฐกิจโดยรวมของไทยจะเป็นอย่างไร? ภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรมจะกลับมาอู่ฟู่ได้แค่ไหน? ภาวะหนี้สินและปากท้องของคนหาเช้ากินค่ำ จะกลับมาดีได้ใกล้เคียงกับจุดที่เคยดีที่สุดแค่ไหน?

แม้ในทางการเมือง… มิอาจนำ “บัญญัติไตรยางศ์” ทางคณิตศาสตร์ มาเปรียบเทียบได้มากนัก

และถึง…ผลงานในสภาผู้แทนราษฎรที่ “พรรคสีส้ม” ได้สร้างมาตรฐานใหม่เอาไว้หลายมิติ แต่กับภารกิจบนหน้าที่ “ฝ่ายบริหาร” แล้ว ก็ใช่ว่า…พรรคแห่งนี้ จะนำพาเอาเศรษฐกิจไทยก้าวไปสู่มุ่งหมายได้ง่ายๆ

ยกเว้น! “กลุ่มอำนาจเก่า-อนุรักษ์นิยม” จะยอมรับในเงื่อนไขใหม่ และ “พรรคสีส้ม” ที่มีฐานเสียงคอยเชียร์อยู่นอกสภาฯ จำนวนมหาศาล…ยอมรับและทำตามเงื่อนไขระหว่างกันได้

ไม่แน่ว่า…โอกาสในวันข้างหน้าของพรรคสีผสมขั้นที่ 2 ค่ายนี้ จะไร้หนทางไปเสียทีเดียว!!!

กระนั้น การเมืองไทยในวันนี้…จะยังไม่มี พรรคประชาชน อยู่ใน “สมการการเมือง” นำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ อย่างแน่นอน

แต่ถึงจะไม่ได้อยู่ใน “สมการการเมือง” ของการผสมรวมเป็นรัฐบาลชุดใหม่ แต่หากพรรคใด? หรือ “แคนดิเดท – นายกฯ” คนไหน? ได้เสียงสนับสนุนจาก “พรรคสีส้ม” ล่ะก็

โอกาสจะจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ก็มีสูง! แต่อายุรัฐบาลอาจจะไม่ยืนยาว? และต้องแบก 2 เงื่อนไขสำคัญของ “พรรคสีส้ม” ซึ่ง “ทีมข่าวยุทธศาสตร์” เขียนเรื่องราวทำนองนี้ ไปเมื่อวันก่อน (หาอ่านได้ที่…นายกฯรอบเดือน? https://yutthasartonline.com/political/130800)

ล่าสุด วันนี้ (4 ก.ค.2568) สอดรับกับที่ สภาผู้แทนราษฎรเปิดประชุมฯมาได้ 2-3 วันแล้ว ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสปะหน้าและสอบถามเอากับ “หัวหน้าเท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ถึง “จุดยืน 7 ข้อ” ของพรรคฯ หากจะต้องโหวตเลือก…นายกรัฐมนตรีชั่วคราว

เขายืนยันว่า…พรรคฯไม่ได้เจาะจงใครเป็นพิเศษ ไม่ได้หมายถึงพรรคหนึ่งพรรคใด วัตถุประสงค์ของการแสดงจุดยืนเมื่อวานนี้ (3 ก.ค.) เป็นเพราะต้องการสื่อสารไปถึงประชาชน ว่า ประเทศไม่มีวันไปถึงทางตัน

ถ้าสถานการณ์ไปถึงขั้นที่ไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้จริงๆ พรรคประชาชนยินดีและจะใช้ 142 เสียง ในการฝ่าทางตันให้กับประเทศ แต่ต้องมีเงื่อนไขบางอย่างที่ “ปลดล็อก” การเลือกนายกรัฐมนตรี เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ

“เราพร้อมจะใช้ 142 เสียงหาทางออกให้กับประเทศโดยไม่ยึดติดกับตัวบุคคล” นั่นคือคำยืนยัน แลกกับการผ่าทางตัน ท่ามกลางสภาวะ นิติสงคราม ที่อาจนำไปสู่การเรียกร้อง “นายกฯนอกระบบ ซึ่งไม่เป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย

และ “พรรคสีส้ม” ก็ไม่ต้องการจะเห็น!!!

นาทีนี้ ยังไงเสีย…โอกาสของคนเป็น “แคนดิเดต – นายกฯ” จะยังไม่ถูกปิดกั้น ดังนั้น โอกาสที่ใครบางคน? จะแหวกม่านการเมือง ไปเป็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” (พรรคเล็ก) ก็ยังไม่สูญไปเสียทีเดียว!

แต่ต้อง เกาะ “พรรคสีส้ม” ให้ติด! และหากเป็น…พรรคเล็ก ต้องเพิ่ม “พรรคสีน้ำเงิน” ไปอีกพรรค…แม้จะต้องแลกด้วยเก้าอี้ตัวใหญ่ ก็ตาม…

ทฤษฎีแม่สี…อาจแตกต่างไปจาก “สีในทางการเมือง” กระนั้น “สีส้ม” นาทีนี้ ก็ดูจะหอมหวานที่สุด!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password