คนไทยรู้อยู่แล้ว? รอแค่เหตุผล ‘รัฐบาลแพทองธาร’ ใช้อ้าง…เลื่อนแจกเงินหมื่นไม่มีกำหนด!

อันที่จริง…สังคมไทย คาดการณ์ล่วงหน้ากันไว้อยู่แล้วว่า…การประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2568 เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (19 พ.ค.2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล
ยังไงเสีย…“รัฐบาลแพทองธาร” คงต้องชะลอโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ออกไปก่อน
แต่จะถึงขั้น เลิกล้มโครงการฯหรือเปล่า? คงต้องรอฟังคำตอบจาก นายกฯแพทองธาร ชินวัตร หรือ คนที่ได้รับมอบหมายให้มาพูดแทน…
ประเด็นที่คนอยากฟังไม่ต่างกัน ก็คือ…เหตุผลที่รัฐบาลจะใช้อ้างอิงมากกว่า
แม้ นายกฯแพทองธาร จะให้สัมภาษณ์สั้นๆ หลังเสร็จสิ้นการประชุมที่มี คนเป็น “บอร์ด” ระดับ “บิ๊กเบิ้ม” ตั้งแต่คนเป็นรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ยันผู้ว่าแบงก์ชาติ ในทำนอง…
เป็นเรื่องจริง! มีการเลื่อนโครงการแจกเงินหมื่นในเฟส 3 (คนระดับอายุ 16-20 ปี) และเฟส 4 คนอายุมากกว่า 20 ปีแต่ไม่ถึง 60 ปี ดิจิทัลวอลเล็ต โดยจะต้องทบทวนเรื่อง ส่วนรายละเอียด มอบหมายให้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและรมว.คลัง ผู้ชี้แจง…
ฟังเหตุผลที่ รองนายกฯพิชัย บอกกับผู้สื่อข่าว…
“รัฐบางจำเป็นต้องทบทวนงบเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงินจำนวน 1.57 แสนล้านบาท โดยจะพิจารณาแก้ปัญหาเรื่องที่เราเห็นแบบชัดเจนก่อน ซึ่งทาง สภาพัฒน์ และแบงก์ชาติ อยากเห็นการทบทวนโครงการดิจิทัลฯ วันนี้จึงมีการประชุมเพื่อดูว่าจะทบทวนอย่างไร โดยข้อสรุปคือ เราจะนำงบจำนวนนี้ ไปใช้เพื่อการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเกี่ยวกับเรื่องน้ำอุปโภคบริโภค และการเกษตร รวมถึงการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับระบบคมนาคม รถไฟความเร็งสูง รถไฟรางคู่ ถนนต่างๆ และการท่องเที่ยวว่าอะไรที่เป็นปัญหา ซึ่งสิ่งต่างๆอยู่ในแผน แต่อะไรเร่งด่วนจะหยิบขึ้นมาดูเลย รวมถึง ปัญหาเฉพาะหน้าของเอสเอ็มอี ทบทวนโครงการที่จะสามารถสร้างงานได้ทั้งหมด โดยจะเน้นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน การจ้างงาน…”
รองฯพิชัย ย้ำด้วยว่า…ที่ประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจได้อนุมัติสิ่งเหล่านี้เป็นกรอบเอาไว้ โดยมี คณะกรรมการกลั่นกรองโครงการแผนงาน รวมถึงมี คณะกรรมการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณ คอยช่วยดูแลอีกชั้นหนึ่ง
แน่นอนว่า เมื่อรัฐบาลเลื่อนโครงการแจกเงินหมื่นในเฟส 3 และเฟส 4 ออกไป ย่อมต้องมีคำถามตามมา…“โครงการไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนใช่ไหม?” “เงินไม่พอหรือไม่?” คำตอบที่ได้รับจาก ตัวแทนรัฐบาล ก็คือ…
“รัฐบาลจำเป็นจะต้องชะลอโครงการดิจิทัลวอลเล็ตออกไปก่อน ยืนยันว่าไม่ได้ยกเลิกโครงการฯ และไม่ใช่เพราะเงินไม่มี เนื่องจากมีวงเงิน 1.57 แสนล้านบาทอยู่แล้ว เพียงแต่สถานการณ์วันนี้มันเปลี่ยนไป และมีข้อจำกัดมากขึ้น จึงต้องปรับแผนการใช้เงิน แต่ไม่เกี่ยวกับการไม่มีเงิน”
รองนายกฯพิชัย ย้ำอีกว่า…อย่าเรียกว่าเป็นการ “ซื้อเวลา” เพราะถ้าสถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น รัฐบาลก็พร้อมจะหยิบโครงการดิจิทัลวอลเล็ต กลับมาพิจารณาใหม่ได้ เพราะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรง เพียงแต่วันนี้ รัฐบาลอยากให้เกิดการจ้างงานก่อน จึงต้องปรับการใช้งบประมาณที่เหมาะสมตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ชัดเจน! “รัฐบาลแพทองธาร” มิอาจจะทำตามคำมั่นสัญญาว่าจะ “แจกเงินหมื่น” ให้กับคนไทยอายุ 16 ปีเต็มขึ้นไป ราว 40-50 ล้านคนได้…ตามที่เคยประกาศเป็นสัญญาประชาคมเอาไว้ก่อนหน้านี้
แม้ ทั้งตัว นายกฯแพทองธาร และ รองนายกฯพิชัย จะออกมาตอบคำถาม ถึงเหตุผลและความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องชะลอโครงการแจกเงินหมื่น ออกไปไม่มีกำหนด ว่าเป็นเพราะ…สถานการณ์เศรษฐกิจเปลี่ยน! เป้าหมายการใช้งบประมาณแผ่นดินเปลี่ยน!
ทว่า สิ่งนี้ มันได้สะท้อนถึงความ “ละอ่อน” ในทางการเมืองและการบริหารนโยบายของรัฐบาลแพทองธาร ชนิดที่…คนไทยมีคำตอบในใจกันอยู่แล้ว
อย่าได้ถามว่า…อะไรคือคำตอบ และผลสะเทือนที่จะมีตามมากับรัฐบาลแพทองธาร และพรรคเพื่อไทย แกนหลักผู้เลือกจะทำลายปรัชญาการเมือง ด้วยการพลิกข้าง…สลับขั้ว…เลือกจะจัดตั้งรัฐบาล โดยละทิ้งสิ่งที่ตัวเองก็หาเสียงกันไว้ กระทั่ง สามารถจัด “รัฐบาลละอ่อน” ได้ในวันนี้…
คำตอบทั้งหมด…จะมีให้เห็นในวันที่ “อำนาจ” กลับมาเป็นของประชาชนคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มคนกว่า 20 ล้านคน ที่แทบจะหมดโอกาสได้รับแจกเงินหมื่นจากรัฐบาลชุดนี้!!!
คงอีกนาน…กว่าจะได้เห็น “คนไทย…อยู่ดี มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี…” อย่างน้อย…ก็คงไม่ได้เห็นจากรัฐบาลชุดนี้ และไม่แน่ว่า…ตัวรัฐบาลเอง จะได้อยู่บริหารประเทศจนครบวาระได้หรือไม่? อย่างไร?.