คลังจ่อชงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจให้บอร์ดใหญ่พิจารณา – เผย! มี.ค.นี้ ผุด Thai ESG 2 ดูดซับเงิน 1.8 แสนล.จาก LTF

“ปลัดคลัง” แจง! เตรียมเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ชงต่อให้ “บอร์ดใหญ่” ที่มี “นายกฯแพทองธาร” นั่งเป็นประธานพิจารณา เผย! เน้นทั้งแผนที่ใช้และไม่ใช้งบประมาณ โดยเฉพาะเร่งรัดทุนนอกที่ขอรับบีโอไอ ช่วยกระตุ้นจีดีพีไทย ย้ำ! ภาครัฐหวังดันจีดีพีปี 2568 ขยับจากคาดการณ์เดิม 2.8-3.0% เป็น 3.5% ระบุ! จ่อคลอดกองทุน Thai ESG 2 หวังดูดซับเงินก้อนที่เหลือจากกองทุน LTF ราว 1.8 แสนล้านบาท กันขาดทุน แถมถล่มซ้ำตลาดหุ้นไทย คาดก่อนสิ้นไตรมาส 1/2568 ได้เห็นแน่!
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลและกระทรวงการคลังเห็นตรงกันในการจะออกมาตรการใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เติบโตจากประมาณการเดิมในปี 2568 ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับ 2.8-3.0% เพื่อให้ขยับไปอยู่ที่ระดับ 3.5% ซึ่งแม้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เป็นความท้าทายที่ทุกฝ่ายอยากจะเห็น ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำแผนงานและมาตรการกระตุ้นเศษฐกิจในส่วนของกระทรวงการคลัง นอกเหนือจากที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยเตรียมจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานฯ ในการประชุมที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้
เบื้องต้น สศค.จะพิจารณามาตรการที่เกี่ยวข้องกับการใช้วงเงินงบประมาณและมาตรการอื่นที่ไม่ใช้เงินในการประตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ และการประสานกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนทุน (บีโอไอ) เพื่อผลักดันเอกชนที่ได้รับการส่งเสริมในปี 2567 เร่งรัดการลงทุนในไทย หลังพบยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปีดังกล่าวมากกว่า 3,100 โครงการ คิดเป็นมูลค่าสูงกว่า 1.13 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี ทั้งนี้ หากผลักดันให้เกิดการลงทุนได้จริงเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในปีนี้อย่างแน่นอน
ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายเป็นห่วงเกี่ยวกับ ตลาดทุนไทย โดยเฉพาะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่อาจได้รับผลกระทบจากการขายเงินกองทุนรวมระยะยาว หรือ LTF ส่วนที่เหลือ 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งครบกำหนดไปแล้วก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายลวรณ ระบุว่า กระทรวงการคลังเองก็รู้สึกเป็นห่วงในเรื่องนี้ และพยายามจะดูดซับเงินจำนวนดังกล่าว โดยเตรียมจัดตั้งกองทุนใหม่ขึ้นมาเพื่อรองรับเงินที่ลงทุนในกองทุน LTF ผ่านกองทุน Thai ESG 2 ซึ่งเป็นการจัดตั้งมาเพื่อภารกิจนี้โดยเฉพาะ และจะไม่เกี่ยวกับกองทุน Thai ESG เดิมที่มีอยู่ ส่วนเงื่อนไขหรือสิทธิประโยชน์ทางภาษี ที่จะสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ถือเงินในกองทุน LTF ย้ายมาลงทุนกับ กองทุน Thai ESG 2 มีอะไรบ้าง ยังอยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคมนี้
“ผลกระทบของผู้ถือที่ลงทุน กองทุน LTF ซึ่งครบกำหนดไปแล้ว แต่ยังไม่ถืออยู่ เพราะหากขายในตอนนี้ ก็น่าจะขาดทุนราว 5-10% และอาจส่งผลกระทบต่อดัชนีตลาดหุ้นของไทยได้ จำเป็นจะต้องดูดซับเม็ดเงินก้อนนี้มาไว้ในกองทุน Thai ESG 2 ซึ่งจัดตั้งมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ” ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุ.