ฤา ‘อาชญากรรมกับการเมือง’ (จะ) กลายเป็นเรื่องเดียวกันไปแล้ว? ที่เมืองไทย!

ในเมืองไทย…การเมืองกำลังจะกลายเป็นเรื่องเดียวกับอาชญากรรมแล้วหรืออย่างไร?

จากนี้ไป…คำขู่ฆ่า หรือการฆาตรกรรม “เหยื่อ” อาจไม่จำกัดวงอยู่แค่เรื่องของการ…ปล้นฆ่า ขัดแย้งผลประโยชน์ หรือการหักหลังของคนในขบวนการ “ธุรกิจสีดำ” ไม่ว่าจะเป็น…ยาเสพติด น้ำมันเถื่อน บ่อนพนัน และของผิดกฎหมายทั่วไป อีกแล้ว

แต่มันกำลังลามเลียเข้าสู่ถนนการเมือง!!??

หากยังจำกันได้…คดียิง “สจ.โต้ง” หรือ นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ (ชื่อเดิม “เต็มพงษ์ ฤทธิ์เดช”) บุตรบุญธรรมของ “โกทร” สุนทร วิลาวัลย์ นายกอบจ.ปราจีนบุรี วัย 85 ปี เมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคม 2567

นั่นก็เป็นเรื่องของการขัดแย้งผลประโยชน์ในทางการเมือง!!!

ต่อมา…กับเคสท์ที่ “จ่าเอ็ม” หรือ พันจ่าเอก เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตนาวิกโยธิน สังกัดกองทัพเรือ ผู้ต้องหาก่อเหตุยิง นายลิม กิมยา อดีต สส. ฝ่ายค้านกัมพูชา บริเวณตรงข้ามวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 7 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา

ก็เป็นเรื่องการเมือง แถมเป็นการเมืองระหว่างประเทศ เนื่องจาก “เหยื่อ” เป็น…อดีตนักการเมืองฝ่ายค้านชาวกัมพูชา ที่หนีภัยการเมืองไปอยู่ฝรั่งเศส และได้สัญชาติฝรั่งเศสในเวลาต่อมา กระทั่ง ถูก “ใบสั่งฆ่า” จากใครบางคน? และเสียชีวิตตามตกเป็นข่าวดังไปทั่วโลก

ใครอยู่เบื้องหลัง? ใช่ผู้มีอำนาจคนดังในประเทศกัมพูชา เช่นที่ตกเป็นข่าวลือหรือไม่?

ทว่า…คงปฏิเสธไม่ได้ว่า มันคือ…ผลพวงของความขัดแย้งในทางการเมือง แม้ต้นทางจะเกิดขึ้นในประเทศกัมพูชา แต่ปลายทางของปัญหา กลับเกิดขึ้นที่ประเทศไทย

จนถูกมองจากคนทั่วโลกว่า…ประเทศไทย อาจไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยของ “ผู้ลี้ภัยทางการเมือง…ข้ามชาติ” อีกต่อไป

ก่อนหน้าที่ นายลิม กิมยา จะถูกยิงตาย ก็มี นักการเมืองฝ่ายค้านของกัมพูชา หลายคน ถูกสังหารหรือไม่ก็ถูกส่งตัวจากประเทศไทย กลับไปยังประเทศตัวเอง

ทั้งๆ ที่ ทางการไทยก็รู้อยู่เต็มอก! คนเหล่านั้น…ล้วนมีปัญหากับ “สมเด็จฮุนเซน” ดังนั้น โอกาสที่การส่งตัว “ผู้ลี้ภัยทางการเมือง” ชาวกัมพูชา กลับบ้าน โดยที่พวกเขาไม่เต็มใจ…

เรื่องอาจไม่จบลงแค่การติดคุกติดตาราง ก็เป็นได้…

อาชญากรรมกับการเมืองในประเทศไทย จึงยากจะแยกออกจากกันได้ง่ายๆ

ล่าสุด เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ก็มี “คำขู่ฆ่า” นักการเมืองคนดัง อย่าง…นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน หลังจากที่ตัวเขาและคณะฯ เดินทางมาช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.จันทบุรี

มีนักข่าวหยิบเอาเรื่องนี้ เอาไปถาม “บิ๊กอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คำตอบที่รับคือ….

เราได้เน้นย้ำในเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว ในการเลือกตั้งนายก อบจ.ที่จะเกิดขึ้น เช่นเดียวกับนโยบายปราบผู้มีอิทธิพล ซึ่งเรารู้ว่าปีนี้จะต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้มากขึ้น กรณีของนายวิโรจน์ ที่ขณะนี้ ตกเป็นผู้ถูกคุกคาม ดังนั้น การไปแจ้งความก็เป็นสิ่งที่เขาต้องดำเนินการ เราในฐานะที่รับรู้เรื่องราวและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องสืบสวนสอบสวนว่าเรื่องนี้มีข้อเท็จจริงอย่างไร? อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเรามีมาตรการชั้นต้นในการช่วยดูแลอยู่แล้ว ทั้งนี้ เมื่อมีการร้องเรียนเข้ามาเ ราก็รับฟัง มีทั้งที่เป็นเหตุการณ์จริง หลายๆ อย่างเกิดขึ้นได้หมด ต้องอยู่ที่ความเป็นจริง ส่วนตัวเชื่อว่า…เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้

กับข้อสงสัยที่ว่า…เรื่องทำนองนี้ มักเกิดเฉพาะกับฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชน และก่อนหน้านี้ คนของพรรคการเมืองนี้ เคยถูกตามประกบขณะลงพื้นที่หาเสียงแถวภาคเหนือ มาแล้ว นายภูมิธรรม ตอบว่า “ต้องไปดูข้อเท็จจริงว่าอะไรขัดกัน ไม่ใช่พรรคการเมือง แต่อะไรที่ขัดกันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ในข้อเท็จจริงของการก่ออาชญากรรม ไม่อยากให้แปลเป็นเรื่องการเมือง”

หากนับจากต้นทางของบทความชิ้นนี้…ใครที่อ่านจนถึงบรรทัดนี้ และได้ฟังคำตอบของ “บิ๊กอ้วน” ในฐานะ รองนายกฯที่ดูแลงานด้านความมั่นคง จะเชื่อได้อย่างสนิทใจได้หรือไม่ว่า…เรื่องคำขู่ฆ่าที่เกิดกับ นายวิโรจน์ ไม่ใช่เรื่องของการเมือง!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password