วนเวียนเป็นวัฎจักร! ‘เทพไท’ ชี้เปรี้ยง ไม่มีกฎหมายใด สกัดการรัฐประหารได้
“เทพไท เสนพงศ์” อดีต สส.เมืองคอน ปชป. ชี้ไม่มีกฎหมายใด สกัดการรัฐประหารได้ ไทยผ่านมาแล้ว 13 ครั้ง ปฏิวัติสำเร็จ ก็ฉีกรัฐธรรมนูญ วนเวียนเป็นวัฏจักร ชี้เครื่องป้องกันรัฐประหารคือ รัฐบาลต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความความซื่อสัตย์สุจริต
วันที่ 10 ธันวาคม 2567 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส. นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ระบุว่า ไม่มีกฎหมายใด สกัดการรัฐประหารได้
จากกรณีที่นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) และคณะ เสนอให้การรับฟังความเห็นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่…) พ.ศ. … เขียนโดยให้อำนาจคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีหน้าที่และอำนาจพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล เพื่อสกัดการรัฐประหารนั้น ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แม้แต่พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ก็ออกมาคัดค้านแนวความคิดดังกล่าวด้วย
ในฐานะที่เป็นนักการเมืองมานานพอสมควร เห็นว่าการเขียนการร่างพรบ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เพื่อต้องการสกัดไม่ให้เกิดการประหารนั้น เป็นเพียงการสนองตัณหาความอยาก เพื่อหวังคะแนนจากพวกกลุ่มฮาร์ดคอร์ ที่มีแนวคิดการเมืองแบบสุดขั้วเท่านั้น ทั้งที่รู้อยู่ว่าในทางปฏิบัติไม่สามารถป้องกันรัฐประหารได้
การรัฐประหารในประเทศไทยที่ผ่านมาจำนวน 13 ครั้ง ก็ไม่มีอะไรสามารถสกัดกั้น หรือต่อต้านการรัฐประหารได้เลย เมื่อรัฐประหารทำสำเร็จ ก็ตั้งตนเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ ฉีกรัฐธรรมนูญ ยกเลิกกฎหมายได้ทุกฉบับ จึงเห็นว่าการออกพรบ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมครั้งนี้ เป็นการหวังผลทางการเมืองมากกว่าผลทางการปฎิบัติ
การที่ฝ่ายการเมืองเข้าไปจุ้นจ้านในกองทัพ ก็จะเกิดแรงต่อต้านจากนายทหารภายในกองทัพ และเป็นการแทรกแซงความมั่นคงของประเทศ ซึ่งฝ่ายทหารจะต่อต้านไม่ยอมรับ จะเห็นบทเรียนหลายครั้ง ที่ฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงการโยกย้ายแต่งตั้งทหารในอดีต จนเป็นเหตุให้เกิดการรัฐประหาร เหมือนสมัย รสช.ยึดอำนาจ ปี 2534
การป้องกันการรัฐประหารที่ดีที่สุด คือนักการเมืองไม่สร้างเงื่อนไข ให้ทหารใช้เป็นข้ออ้างในการปฏิวัติได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทุจริตคอรัปชั่นของรัฐบาล ซึ่งการรัฐประหารทุกครั้ง จะยกเหตุผลการทุจริตคอรัปชั่น มาทำการรัฐประหารทุกครั้ง ในสมัยการรัฐประหารรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ได้ยกเรื่องบุฟเฟ่ต์คาบิเนท มาเป็นข้ออ้าง และในยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร คณะรัฐประหาร คมช.ก็ยกเหตุผลการทุจริตเชิงนโยบาย และผลประโยชน์ทับซ้อน มาเป็นหนึ่งในเหตุผลของการรัฐประหารเช่นเดียวกัน
ถ้าหากรัฐบาลชุดนี้และนักการเมืองในสภาชุดนี้ จะป้องกันการรัฐประหารได้ดีที่สุด คือการทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก เพราะเบื้องหลังของการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลชุดนี้ และส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรที่ได้เข้ามา ส่วนใหญ่มาจากการซื้อเสียงทั้งนั้น พรรคการเมืองใช้เงินหลักพันล้านบาทถึงหมื่นล้านบาทในการซื้อเสียง เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลก็คิดจะถอนทุนคืน และสะสมทุนเพื่อนำไปซื้อเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพื่อเข้าสู่อำนาจเป็นรัฐบาลใหม่ วนเวียนเป็นวัฎจักรอย่างนี้ จึงทำให้เกิดวงจรอุบาทว์ในวงการเมือง มีผลให้เกิดวงจรอุบาทว์ของการรัฐประหารตามมา
เพราะฉะนั้นวงจรอุบาทว์ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะฝ่ายทหารและกองทัพเท่านั้น แต่เกิดขึ้นจากพรรคการเมือง นักการเมืองทุจริตคอรัปชั่นด้วย ไม่ต่างอะไรกับไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่.