‘กิตติรัตน์’ ผ่านฉลุย ได้ลุ้นนั่งเก้าอี้ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ขณะ อสส.เล็งรื้อคดีเก่าขวาง

“กิตติรัตน์” ผ่านฉลุย เข้ารอบคัดเลือก นั่งเก้าอี้ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ คณะกก.สรรหาเตรียมเคาะเลือกวันนี้(4พ.ย.)จาก 3 ตัวเลือก ท่ามกลางเสียคัดค้านจาก กลุ่มนักวิชาการและอดีตพนง.ธปท. ขณะอสส.เล็งอุทธรณ์คดีขายข้าวอินโดฯ หลังศาลฎีกาฯยกฟ้อง ส่อกระทบ หาก”กิตติรัตน์” ได้รับตำแหน่ง

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ประธานบอร์ด ธปท.คนใหม่ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสรรหาฯ จะมีการประชุมในวันจันทร์ที่ 4 พ.ย.นี้ เวลา 14.00 น.เพื่อประชุมลงมติว่าจะคัดเลือกบุคคลใดเป็นประธานบอร์ด ธปท.คนใหม่ ซึ่งกรรมการสรรหาฯ แต่ละคนมีความคิดเป็นอิสระของตัวเอง

นายสถิตย์ กล่าวว่า ยืนยันว่าการเลือกประธานบอร์ด ธปท.คนใหม่ ต้องเป็นไปตามหลักการ คือ บุคคลที่จะได้รับเลือกมีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ และมีลักษณะต้องห้ามหรือไม่ มีส่วนได้เสียอย่างมีนัยยะสำคัญกับ ธปท.หรือไม่ โดยลักษณะต้องห้ามก็เช่น ต้องไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ต้องไม่เป็นข้าราชการการเมือง ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือมีตำแหน่งในคณะทำงานของพรรคการเมือง

ส่วนเรื่องคุณสมบัติ ก็คือ ต้องมีความรู้ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับกิจการของ ธปท.และต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือขัดแย้งทางผลประโยชน์กับ ธปท.อันนี้คือหลักกฎหมาย ซึ่งกรรมการสรรหาทุกคนเป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ก็ขอให้เชื่อว่ากรรมการสรรหาฯ จะใช้วิจารญาณโดยอิสระในการคัดเลือกประธานบอร์ด ธปท.

ด้านแหล่งข่าวที่เป็นกรรมการสรรหาประธานบอร์ด ธปท.อีกคนหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า ในการลงมติบุคคลที่จะได้รับเลือกเป็นประธานบอร์ด ธปท.ต้องได้เสียงจากกรรมการที่เข้าประชุม คือ 5 คน จากกรรมการ 7 คน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา คณะกรรมการสรรหาฯ ได้มีการให้เจ้าหน้าที่และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาฯ ไปตรวจสอบหาข้อมูลคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 3 คน คือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ และอดีตรมว.คลัง ยุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร , นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน อดีตอธิบดีกรมศุลกากร อดีต ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อดีตผู้ตรวจกระทรวงการคลัง และ นายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนตอนนี้ได้ข้อมูลแต่ละคน ครบถ้วนหมดแล้วในการจะลงมติเลือกประธานบอร์ด ธปท.คนใหม่

ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามต่างๆ ถือว่าทั้ง 3 คน ผ่านไปได้ด้วยดี อย่าง นายกุลิศ ก็เคยเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ชุดเดียวกับนายกิตติรัตน์ หากไม่ผ่านก็ไม่ผ่านทั้งสองคน เพราะเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ คนเดียวกัน เพียงแต่นายกิตติรัตน์ เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ แต่นายกุลิศ เป็นที่ปรึกษาธรรมดา ในแง่ของการเมืองก็ถือว่าเท่ากัน

ซึ่งตรวจสอบแล้ว ทั้งนายกิตติรัตน์ และนายกุลิศ ไม่ขัดคุณสมบัติ เพราะเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ที่เป็นตำแหน่งที่ปรึกษาส่วนตัว ไม่มีเงินเดือน ไม่ได้เอาชื่อเข้า ครม. ไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน ไม่ได้เป็นข้าราชการการเมือง และทางพรรคเพื่อไทย แจ้งมาว่า นายกิตติรัตน์ ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ในพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้นแล้ว” แหล่งข่าว ระบุ

ส่วนที่ล่าสุด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้อุทธรณ์คดีขายข้าวอินโดนีเซีย หรือคดี BULOG อินโดนีเซีย ที่นายกิตติรัตน์ เคยตกเป็นจำเลย ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ แต่ศาลฎีกาฯ ยกฟ้องเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ ป.ป.ช.มีมติให้อุทธรณ์คดีนั้น เบื้องต้นเท่าที่กรรมการสรรหาฯ ได้รับรายงาน อัยการสูงสุดไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ ส่วนที่มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักวิชาการ กลุ่มอดีตพนักงาน ธปท.และกลุ่มประชาชนที่ร่วมกันลงชื่อคัดค้านนายกิตติรัตน์ ก็ถือเป็นความคิดเห็นที่แสดงออกมา ซึ่งกรรมการก็อาจต้องนำมาพิจารณาดูว่าเข้ากับหลักการและหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกประธานบอร์ด ธปท.วันจันทร์นี้หรือไม่ แต่ยังไงต้องยึดหลักการเป็นหลักในการลงมติ” แหล่งข่าวจากคณะกรรมการสรรหาฯ ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ป.ป.ช.มีมติให้ยื่นอุทธรณ์คดีขายข้าวอินโดนีเซีย ที่ศาลฎีกาฯ เคยยกฟ้องนายกิตติรัตน์ เมื่อเดือน ก.ค.67 ซึ่งเป็นมติหลังมีการเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ เข้าชิงประธานบอร์ด ธปท.และต่อมา นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนบางสำนัก ว่า ก่อนหน้านี้ นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อดีตอัยการสูงสุด (อสส.) ได้มีคำสั่งไม่อุทธรณ์ในคดีดังกล่าวไปแล้ว แต่เมื่อ ป.ป.ช.มีความเห็นว่าควรอุทธรณ์คดีดังกล่าว นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุดคนปัจจุบัน ต้องนำความเห็นของ ป.ป.ช.มาพิจารณาประกอบ จึงถือว่าความเห็นของ อสส.คนที่แล้ว จึงยังไม่ยุติ ซึ่งอัยการที่มีอำนาจหน้าที่ในคดีนี้ จะต้องยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จนกว่า อสส.คนปัจจุบัน จะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อเป็นไปตามนี้ จึงเท่ากับว่า คดีดังกล่าวต้องดูว่าอัยการสูงสุดคนปัจจุบัน คือ นายไพรัช จะยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลฎีกาฯ หรือไม่ และหากอัยการไม่ยื่น ทาง ป.ป.ช.จะยื่นอุทธรณ์เองหรือไม่ ซึ่งหากยื่นไปแล้ว ต้องดูว่า ศาลฎีกาฯ จะรับฟ้องหรือไม่ และหากรับฟ้อง ศาลฎีกาฯ จะสั่งให้นายกิตติรัตน์ หยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ หรือไม่ หากว่านายกิตติรัตน์ เกิดได้รับเลือกเป็นประธานบอร์ด ธปท.ในวันจันทร์นี้.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password