‘อ้อย’ เข้ากองปราบ ยันไม่ได้ให้เงิน71ล. ด้วยเสน่หา ตร.เผยหลักฐานอื้อ แต่ยังไม่ออกหมายจับ
“มาดามอ้อย” เศรษฐินีหมื่นล้าน โร่ให้ปากคำเพิ่มเติมกองปราบอีกรอบคดีถูก “ทนายตั้ม” โกง 71 ล้าน ยืนยันไม่ได้ให้ด้วยความเสน่หา – รอง ผบช.ก.เผยคดียังไปไม่ถึงจุดที่จะออกหมายจับเนื่องจากอยู่ระหว่างพิจารณาข้อหา
วันที่ 1 พ.ย. 2567 ที่ กองปราบปราม น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ “มาดามอ้อย” เศรษฐินีหมื่นล้าน เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนกก.3.บก.ป. กรณีที่แจ้งความเอาผิด นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม หลังถูกหลอกลวงเงินไปลงทุนธุรกิจหวยออนไลน์ สูญเงิน 71 ล้าน ซึ่งในวันนี้เจ้าตัวใส่แว่นสีดำ และใส่หมวกสีดำเดินมาด้วยท่าทีที่สบายๆ ผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้เจ้าตัวมาทำอะไรที่บช.ก. เจ้าตัวก็ไม่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนแต่อย่างใด ก่อนรีบเดินขึ้นลิฟท์ เพื่อเข้าไปในห้องพนักงานสอบสวน
ด้านนายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความ เปิดเผยกับว่า ในวันนี้หลังจากที่ “มาดามอ้อย”ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนเสร็จก็จะลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยอยากให้สื่อมวลชนมีการจัดระเบียบให้เรียบร้อย และไม่ให้เกิดการรุมเหมือนเมื่อวานนี้ ยืนยันพร้อมที่จะให้สัมภาษณ์แต่จะให้สัมภาษณ์ในประเด็นใดบ้างนั้นขึ้นอยู่กับตัว “มาดามอ้อย” เอง
“เมื่อวานนี้ที่พี่อ้อยถูกสื่อมวลชนรุมล้อม ทำให้เกิดความมึนงง และตั้งตัวไม่ทัน ส่วนในวันนี้ที่เดินทางมาที่ บช.ก. ก็เพื่อที่จะให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมแต่จะให้ปากคำในประเด็นใดนั้นไม่ทราบ เนื่องจากเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน กับพี่อ้อย” นายสมชาติ กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวว่า วานนี้ น.ส.จตุพร ผู้เสียหาย ให้ปากคำด้วยท่าทีผ่อนคลายไม่ได้มีความเครียด และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี ให้ข้อมูลทุกประเด็นกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งในการสอบปากคำวานนี้ น.ส.จตุพร ยืนยันว่าเงิน 71 ล้านบาทไม่ได้ให้กับทางทนายชื่อดังโดยเสน่หา อย่างไรก็ตามในส่วนของคดียังไปไม่ถึงจุด ที่จะออกหมายจับเนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อหา และพยานหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งตอนนี้ในทางคดีจะมุ่งเน้นไปที่คดีฉ้อโกงที่ทาง น.ส.จตุพร แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งในการสอบปากคำเพิ่มเติม หรือ การรวบรวมพยานหลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่สืบสวนทำอยู่ตอนนี้ เพื่อเป็นการพิจารณาว่าจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนของกรอบระยะเวลานั้น ยังไม่สามารถที่จะตอบได้เนื่องจากจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานก่อน อีกประเด็นหนึ่ง คือจะเป็นความผิดในเรื่องอื่นหรือไม่ ทุกอย่างจะต้องทำด้วยความรอบคอบ จึงอยากจะขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานสอบสวนก่อน เนื่องจากคดีนี้มีพยานหลักฐานที่ค่อนข้างเยอะ จึงอยากขอเวลาทำงาน และภายในวันนี้พนักงานสืบสวนก็ยังคงทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ กันต่อไป.