กรมพัฒนาธุรกิจการค้าผนึก DSI ไล่ล่าต่างด้าวผุด ‘นอมินี’ – ชี้! คนไทยอย่า ‘สวมตอ – ธุรกิจเสี่ยง’ ท่องเที่ยวยันโลจิสติกส์
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดินหน้าประสาน DSI สกัดต่างชาติสร้าง “นอมินี” ผิดกฎหมาย เข้ามาหาผลประโยชน์ในไทย ล่าสุด ลงพื้นภูเก็ตจับต่างชาติ “บุคคล/นิติบุคคล” 23 ราย ปรับรายละ 2 แสน รอจำคุก 2 ปี พร้อมบีบจดทะเบียนเลิกบริษัท เตือนคนไทยอย่าช่วยต่างชาติทำผิดกฎหมาย เผย! ธุรกิจท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก อสังหาฯ และโลจิสติกส์ เสี่ยงถูกสวมตอมากสุด ชี้! อาจโดนร่างแหทั้งปรับและจำคุก
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในแต่ละปี กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะดำเนินการตรวจสอบธุรกิจที่เข้าข่ายมีความเสี่ยงเป็น “นอมินี” ตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 โดยจะมีการคัดกรองกลุ่มเป้าหมายและร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบเชิงลึกกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องปรามและนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา เน้นการติดตามกรณีคนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าวหรือสนับสนุนการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ในธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง อาทิ ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ท อสังหาริมทรัพย์ และโลจิสติกส์ โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวของไทย เช่น ภูเก็ต ชลบุรี กรุงเทพมหานคร และเชียงใหม่
ทั้งนี้ ล่าสุด จากการติดตามผลการดำเนินคดีกับ “นอมินี” กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตที่ กรมฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้นและส่งต่อให้ DSI ขยายผล พบว่า ศาลอาญาได้มีคำพิพากษา ตามคดีหมายเลขแดงที่ อ.2812/2567 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 ลงโทษผู้กระทำความผิดตามบทกำหนดโทษแห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 23 ราย ซึ่งมีโทษปรับรายละ 200,000 บาท รอการลงโทษจำคุก 2 ปี โดยให้คุมความประพฤติ 1 ปี และสั่งให้จดทะเบียนเลิกบริษัท
ซึ่งคดีนี้เริ่มต้นจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ตรวจสอบและพบความผิดปกติการถือครองหุ้นของนิติบุคคลจากการลงพื้นที่เข้าตรวจสอบและคัดกรองกลุ่มเสี่ยง “นอมินี” ที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในจังหวัดภูเก็ต พบว่า มีกลุ่มสำนักงานกฎหมายและสำนักงานบัญชีที่มีพฤติกรรมรับจ้างจดทะเบียนนิติบุคคล หรือรับทำบัญชี โดยใช้ชื่อคนไทย (นอมินี) เข้าเป็นกรรมการหรือผู้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในหลายบริษัทเป็นผลเอื้อให้บุคคลต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายในประเทศไทย จึงได้ส่งเรื่องต่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ขยายผลการตรวจสอบเป็นคดีพิเศษ
โดย กรมฯ สนับสนุนข้อมูลและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมลงพื้นที่เข้าตรวจค้นธุรกิจเป้าหมายร่วมกับ DSI พบว่า มีพฤติกรรมในลักษณะ “นอมินี” จริง มีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือเพียงพอนำไปสู่การส่งเรื่องให้พนักงานอัยการฟ้องต่อศาล ซึ่งในที่สุดศาลอาญาได้มีคำพิพากษาหมายเลขแดงที่ อ.2812/2567 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 ลงโทษผู้กระทำผิดตามพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ถือเป็นคดีตัวอย่างที่ได้ลงโทษตามกฎหมายกับผู้ที่ให้การสนับสนุนต่างด้าวประกอบธุรกิจในไทยโดยหลีกเลี่ยงกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบ “นอมินี” และที่ผ่านมาได้ร่วมปฏิบัติการเชิงลึกกับหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ซึ่งบางเรื่องอาจใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานเพื่อส่งฟ้องต่อศาล แต่ถือเป็นพันธกิจหนึ่งของกรมฯ ที่ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลและส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทยเพื่อแก้ไขปัญหา “นอมินี” อย่างเป็นรูปธรรม
“ขอเตือนคนไทยที่มีพฤติกรรมให้ความช่วยเหลือกับบุคคลต่างชาติที่เข้าข่าย “นอมินี” ให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะเป็นการทำร้ายผู้ประกอบการไทยและทำลายธุรกิจของคนไทย ซึ่งจะมีความผิดต้องรับโทษตามกฎหมายคือโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยหากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลต้องระวางโทษปรับรายวัน วันละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืนต่อไป” อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ย้ำ.