รมช.คลัง เผย! สัปดาห์หนี้ “รองฯพิชัย” จ่อถก “ผู้ว่าฯธปท.” หลังมองเศรษฐกิจคนละมุม ก่อนหารือจริงใน คกก.กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนแจกเงินหมื่น มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจได้แน่ หลังทำยอดกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม ธ.ก.ส.พุ่ง 18 เท่า ลั่นแจกเฟส 2 ยังเป็น 10,000 บาท แนะกลุ่มเปราะบางเกือบ 3 แสนคนยังไม่ได้รับโอน รีบผูกบัญชีกับพร้อมเพย์ด่วน!

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเตือนไปยังประชาชนกลุ่มเปราะบาง ใน โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ที่ยังมีอีกเกือบ 300,000 ราย ยังไม่ได้รับการเงิน 10,000 บาทเข้าบัญชี เนื่องจากบัญชีเหล่านี้ยังไม่ได้ผูกกับพร้อมเพย์ และบางส่วนยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นคนกลุ่มนี้ ว่า เนื่องจากวันนี้ (30) เป็นวันสุดท้าย โดยแนะนำให้รีบไปผูกบัญชีพร้อมเพย์ที่สาขาธนาคาร หรือตู้เอทีเอ็ม ก่อนที่รัฐบาลจะโอนให้ในอีก 3 ครั้ง ในวันที่ 22 ตุลาคม, 22 พฤศจิกายน และ 22 ธันวาคม 2567 ส่วนกลุ่มคนพิการบางส่วนที่ตกหล่นไม่ได้รับเงิน 10,000 บาท ต้องประสานกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อดำเนินการอัพเดตบัญชี ซึ่งยังมีเวลาอีก 3 เดือน

“เชื่อว่าการแจกเงิน 10,000 บาท ในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง เห็นได้จากยอดการกดเอทีเอ็มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มียอดการกดเอทีเอ็มเพิ่มขึ้นถึง 18 เท่า แสดงให้เห็นว่าสามารถช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางได้ ขณะที่ตามตลาดในชุมชนคึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด” นายเผ่าภูมิ ย้ำและว่า แม้จะตรวจสอบไม่ได้ว่าคนกลุ่มเปราะบางนำเงินไปซื้อสินค้าประเภทใด แต่จากสภาพปัญหาเชื่อได้ว่าสินค้าที่ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งการซื้อดังกล่าวของคนกลุ่มเปราะบางนี้ จะช่วยให้มีเงินหมุนอยู่ในระบบเศรษฐกิจได้มากกว่าคนกลุ่มอื่นๆ

รมช.คลัง ยืนยันถึงกระแสที่ระบุว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเฟส 2 รัฐบาลอาจพิจารณาปรับลดเหลือ 5,000 บาท นั้น ข้อเท็จจริงเป็นเพียงข้อเสนอที่ยังไม่มีข้อสรุป แต่มีแนวโน้มว่าเงินที่แจกในเฟสต่อไปน่าจะอยู่ที่ 10,000 บาท เนื่องจากรัฐบาลมีงบประมาณในส่วนนี้เพียงพอ อย่างไรก็ตาม จะต้องนำเข้าสู่ ที่ประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ตอนนี้ขออย่าเพิ่งด่วนสรุป คาดว่าจะมีการนัดประชุมในเร็วๆ นี้ โดยในที่ประชุมฯ ซึ่งมีหลายหน่วยงาน และมี ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมอยู่แล้ว ก็จะได้หารือถึงภาพรวมภาวะเศรษฐกิจ โดยประเมินผลจากมาตรการกระตุ้นเฟสแรก และพิจารณาว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจในเฟสต่อไป ควรจะกระตุ้นแบบไหน ช่วงไหน จำนวนเงินเท่าไร ถึงจะเหมาะสม รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ

“เบื้องต้นคาดว่าในสัปดาห์นี้ ท่าน รองนายกฯและรมว.คลัง (นายพิชัย ชุณหวชิร) จะได้หารือเป็นการส่วนตัวกับท่านผู้ว่า ธปท. เพื่อพิจารณาปัญหาค่าเงินบาทและกรอบของเงินเฟ้อ ซึ่งจะนำไปสู่การพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามมา เนื่องจากทุกวันนี้ โจทย์ใหญ่ คือ มุมมองในเรื่องเศรษฐกิจของหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธปท. สภาพัฒน์ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ ยังเห็นไม่ตรงกัน จำเป็นจะต้องหารือนอกรอบ ก่อนการประชุมในระดับคณะกรรมการในโอกาสต่อไป” นายเผ่าภูมิ ระบุ.