ถอดรหัส…คนพลังบวก ‘วีระ ตั้งวุทฒิไกรวิทย์’ – ไขความลับความสำเร็จ…ของหวานแบรนด์ ‘แม่ละมาย’

“ทัศนคติ+พลังคิดบวก” ของ “วีระ ตั้งวุทฒิไกรวิทย์” เอ็มดี. สุพรรณคิวฟู้ดส์ “เอสเอ็มอีเลื่องชื่อ” ที่ยังสวมหมวกอีกใบในฐานะ “ปธ.หอการค้าสุพรรณบุรี” คือ ต้นทางแห่งความสำเร็จของแบรนด์ “แม่ละมาย” ของหวานชื่อดังคู่ร้านเซเว่นฯ จากยอดขาย 0 สู่ 100 ล้านบาท ภายใต้วิสัยทัศน์และพันธกิจ “โตไกลไปด้วยกัน” ก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

ทัศนคติที่ดี…มีส่วนสัมพันธ์กับความสำเร็จที่เกิดขึ้น! ทั้งต่อ…ชีวิตส่วนตัว, ครอบครัว, หน้าที่การงาน ไม่เว้นแม้กระทั่ง การดำเนินธุรกิจ!

สิ่งนี้…พิสูจน์ได้จาก “ทัศนคติเชิงบวก” ของ นายวีระ ตั้งวุทฒิไกรวิทย์ ผู้ที่ “สวมหมวก 2 ใบ” ในภาคธุรกิจ และสวมในเวลาเดียวกัน นั่นคือ ใบหนึ่ง…กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุพรรณคิวฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตของหวานแบรนด์ “แม่ละมาย” ที่วางจำหน่ายผ่าน ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และอีกใบหนึ่ง…ประธานหอการค้าจังหวัดสุพรรณบุรี โดยตัวเขามีมุมมองที่น่าเคารพอย่างยิ่ง…

“กำไรเป็นแค่องค์ประกอบของธุรกิจ แต่ไม่ใช่ Key Success ของการทำธุรกิจ การทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเติบโตไปพร้อมกับเราต่างหากถึงจะเรียกได้ว่า ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จและสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน”

เพราะสิ่งนี้…ไม่เพียงทำให้ธุรกิจขนมหวานแบรนด์ “แม่ละมาย” ประสบความสำเร็จ ทั้งใน เชิงปริมาณ นั่นคือ มียอดขายที่เพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี และใน เชิงคุณภาพ ที่ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะ…รางวัล SME ยั่งยืน จากเวที เซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอียั่งยืน 2023

ประสบการณ์จากความล้มเหลวในธุรกิจโรงพิมพ์ ด้วยเหตุที่ธุรกิจของลูกค้าต่างก็รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ “ต้มยำกุ้ง” เมื่อปี 2540 เป็นต้นมา ส่งผลอย่างแรงต่อธุรกิจดั้งเดิมของเขา ที่ต้องแบกรับภาระ “เช็คเด้ง” จำนวนมหาศาล ทำให้เขาและครอบครัวต้องกลับมาทบทวนถึงชีวิตในวันข้างหน้า…ควรจะไปในทิศทางใด?

จังหวัดสุพรรณบุรี…บ้านเกิดของภรรยา คือ ปลายทางของ “จุดเริ่มต้น” ครั้งใหม่

เริ่มจาก ร้านขายไก่ย่างเล็กๆ ที่อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของเป้าหมายรอบนี้ กระทั่ง ได้ค้นพบในสิ่งที่มันมีอยู่ก่อนแล้ว นั่นคือ…วัตถุดิบจากธรรมชาติ อันเกิดจากผลผลิตของเกษตรกรในพื้นที่ โดยเฉพาะ “วุ้นน้ำมะพร้าว” ซึ่งนำมาสู่ “ธุรกิจใหม่” ของครอบครัว

เพราะมี “ทัศนคติเชิงบวก” เป็นทุนเดิม บวกกับ ประสบการณ์จากความล้มเหลว และ ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ นำไปสู่แนวคิดในการผลิตและจำหน่ายของหวานแบรนด์“แม่ละมาย” ที่เขาเอง ยอมรับว่า…องค์ความรู้เกี่ยวกับสิ่งนี้เป็น “ศูนย์”

ทว่า…คนเราสามารถจะเรียนรู้ (ในสิ่งที่ไม่เคยรู้) กันได้ ไม่มีคำสายสำหรับการเริ่มต้นใหม่ และนั้น…ทำให้ยอดขายในปีนี้ ใกล้แตะระดับ 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีเพียง 170 ล้านบาท และในปีหน้า รวมถึงปีต่อๆ ไป คงจะทะลุ 300 – 400 ล้านบาท และมากกว่านั้น…

ตราบใดที่ยังไม่หยุดการพัฒนา!!!

นายวีระ เท้าความถึงที่มาของขนมหวานแบรนด์“แม่ละมาย” อีกหนึ่ง SME ตัวอย่างสำเร็จที่ขายสินค้าผ่านร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ว่า เขาและภรรยามองหาโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ๆ และ วุ้นน้ำมะพร้าว ก็เป็นคำตอบ เพราะเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยม แต่ความรู้ด้านการทำธุรกิจอาหารเป็นศูนย์ จึงต้องศึกษาหาความรู้ให้มากขึ้น พบว่า วุ้นน้ำมะพร้าว NATA de coco ใช้แบคทีเรียกรดน้ำส้ม Acetobacter xylinum ที่พบได้ทั่วไปในการทำน้ำส้มสายชูหมักตามธรรมชาติ มาหมักน้ำมะพร้าว จนได้ออกมาเป็นวุ้นที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและมีไฟเบอร์สูง ถูกจัดให้อยู่ในหมวดสารอาหารประเภทเส้นใย ไม่มีการใช้สารฟอกสี ทำให้สีของวุ้นจะขุ่นกว่าวุ้นปกติ จึงเหมาะกับผู้รักสุขภาพ

เมื่อได้ วัตถุดิบหลัก แล้ว ก็มาคิดต่อว่าหากขายแต่ วุ้นน้ำมะพร้าว อย่างเดียวก็จะไม่มีความแตกต่าง จึงต้องหาสินค้าทางการเกษตรตัวอื่นมาใส่ และมองว่า เม็ดแมงลัก น่าจะเข้ากับตัววุ้นน้ำมะพร้าวดีที่สุด แต่ปัญหาสำคัญของแมงลัก คือ การปนเปื้อนสารอะฟลาทอกซิน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง จึงได้นำนวัตกรรมเครื่องนวดฝัดเม็ดแมงลักแบบแห้งของสถาบันวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาใช้ เพื่อให้เม็ดแมงลักปราศจากสารปนเปื้อน จนออกมาได้เป็นวุ้นน้ำมะพร้าวผสมเม็ดแมงลักแบบถ้วย วางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เมื่อปี 2541 เพียง 20 สาขา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนถึงปัจจุบันนับเป็นเวลา 26 ปี

เดินหน้ายกระดับ “สินค้าเกษตร” สู่ร้านค้าเซเว่นฯ : หลังจากผลิตภัณฑ์ วุ้นน้ำมะพร้าวผสมเม็ดแมงลัก ประสบความสำเร็จ เขาได้เดินหน้าพัฒนาสินค้าอื่นอย่างต่อเนื่อง ภายใต้หลักแนวคิด “การส่งต่อสินค้าดีๆ ให้ผู้บริโภค” ส่งผลให้ปัจจุบันแบรนด์ “แม่ละมาย” มีสินค้าวางจำหน่ายใน ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทั้งหมด 10 รายการ แบ่งเป็น ขนมหวาน 7 รายการ เครื่องดื่ม 2 รายการ และธัญพืช (แห้ว) 1 รายการ ซึ่ง แห้วถือเป็นสินค้าใหม่ที่เพิ่งวางจำหน่ายไปเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2567 และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค เนื่องจากมีรสชาติหวาน กรอบ อร่อย ดีต่อสุขภาพ และเป็นธัญพืชที่หาทานค่อนข้างยาก เพราะแห้วที่ดีคือ แห้วที่เป็นผลผลิตจาก จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นพืชที่ได้รับเครื่องหมายสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)

ทั้งนี้ แม่ละมาย ยังมุ่งมั่นยกระดับพืชผลทางการเกษตรชนิดอื่นให้มีคุณภาพ พร้อมส่งต่อสู่ผู้บริโภค อาทิ ลูกตาล ลูกลาน ใบเตย โดยเลือกรับซื้อสินค้าทางการเกษตรจากเกษตรกรที่เพาะปลูกแบบไร้สารเคมี ผ่านการตรวจสอบจากทางบริษัทก่อนจัดเก็บ เพื่อนำมาแปรรูปเป็นสินค้าจำหน่ายให้กับผู้บริโภค

“โตไกลไปด้วยกันคาถาโตยั่งยืน : แม้ปัจจุบันบริษัทจะมีสินค้าที่วางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เพียง 10 รายการ ในราคาขายต่อชิ้นเพียงหลักสิบบาท แต่บริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละประมาณ 20-40% ทุกปี โดยในปี 2567 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 300 ล้านบาท แต่เพราะวัตถุดิบบางอย่างมีไม่เพียงพอ ทำให้ยอดขายในปีนี้ หลุดกรอบไปเล็กน้อย กระนั้น ก็ยังจะเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มียอดขายราว 170 ล้านบาท

เหตุใด “แม่ละมาย” ที่จำหน่ายสินค้าในราคาหลักสิบ จึงสามารถสร้างรายได้สูงถึงหลัก 100 ล้านบาท? เป็นคำถามที่หลายคนคงอยากจะฟังคำตอบ และเป็น นายวีระ ที่ได้เฉลยว่า…

บริษัทจะประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืนได้นั้น จะต้องมี ทีมที่ดี ทีมที่แข็งแกร่ง ซึ่งทีมในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง ทีมภายในบริษัท แต่หมายถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริษัทในทุกมิติ ตั้งแต่ ต้นทางไปจนถึงปลายทาง

“ทีมต้นทาง” อย่าง เกษตรกรและซัพพลายเออร์ ก็ต้อง ดูแลผลผลิตให้ได้คุณภาพตามความต้องการ “ทีมกลางทาง” อย่าง บริษัท ก็ต้องมี ระบบบริหารจัดการที่ดีมีคุณภาพ ตั้งแต่ระบบการคัดเลือกวัตถุดิบ โดยทางบริษัทจะมีการบันทึกแหล่งที่มาของวัตถุดิบ เพื่อเวลามีปัญหาบริษัทจะได้เข้าไปแก้ไขได้ตรงจุด  เป็นต้น มี “ทีมปลายทาง” คือ พันธมิตรที่คอยสนับสนุนและประสานงานในทุกด้าน และ เซเว่น อีเลฟเว่น ถือเป็นพันธมิตรที่อยู่เคียงข้างมาตลอด พร้อมมอบความรู้และคำแนะนำดีๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งการอบรม การหาพันธมิตรในการเชื่อมโยงเครือข่ายในการต่อยอดสินค้า เป็นต้น

ทำให้ บริษัท สามารถส่งต่อความรู้เหล่านั้น สู่ ทีมต้นทาง” เพื่อผลิตวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ พร้อมส่งต่อไปยังผู้บริโภค เมื่อผู้บริโภคได้รับสินค้าที่ดีมีคุณภาพ ก็จะเกิดการซื้อซ้ำและบอกต่อ เรียกว่า…เป็นการ สร้างการเติบโตไปด้วยกันในทุกมิติ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง

กำไรหรือเรื่องเงินเป็นแค่องค์ประกอบของการทำธุรกิจ แต่ไม่ใช่ Key Success ของธุรกิจ ถ้าทำธุรกิจได้แบบนี้ ยังไงก็ประสบความสำเร็จและเติบโตยั่งยืน ปัจจุบัน บริษัทรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรทั่วประเทศและสร้างรายได้กลับสู่ชุมชนปีละหลาย 10 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50% ของยอดขาย

อย่างที่เกริ่นในตอนต้นว่า…นายวีระ ถือเป็นคนที่มี “ทัศนคติเชิงบวก” จึงให้ “พลังบวก” ในตัวเขามีสูงมาก…มากจนต้องแบ่งปันให้คนอื่นๆ ที่ไม่ได้มองว่าเป็น “คู่แข่งทางธุรกิจ” หากแต่เป็นมิตรที่จะร่วมเดินบนถนนธุรกิจที่ไม่เพียงจะช่วยส่งเสริมกันและกัน หากแต่ยังจะช่วยส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรไทย ไม่เฉพาะในเขตจังหวัดสุพรรณบุรีเท่านั้น หากยังรวมถึงจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศไทยอีกด้วย

เขาเล่าว่า…ไม่เพียงคำแนะในการดำเนินธุรกิจขนมหวานและธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ หากยังช่วยแนะนำตั้งแต่ จุดเริ่มต้นของการดำเนินธุรกิจ ไปจนถึงแนะนำให้ได้เข้าไปพูดคุยกับทางเซเว่น อีเลฟเว่น จนวันนี้…มีเจ้าของแบรนด์สินค้ามากกว่า 1 รายได้เข้าไปวางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นแล้ว บางรายมียอดขายเกินกว่า 100 ล้านบาทด้วยซ้ำไป และ อนาคตอันใกล้ ก็จะมีเจ้าของแบรนด์สินค้าอีกหลายราย จะได้มีโอกาสรับฟังคำแนะนำจากเขา ปูทางไปสู่การเจรจากับทางเซเว่น อีเลฟเว่น ต่อไป

ส่วนยอดขายในปีนี้ ที่ได้ตั้งเป้าจากปีก่อนไว้สูงมากนั้น เขาให้เหตุผลว่า…ต่อให้เศรษฐกิจ (จีดีพี) เติบโตช้า และสินค้าอุตสาหกรรมหลายๆ ถูกประเทศคู่แข่งเข้ามาตีตลาด เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าไทยมาก ทว่าในเรื่องของอาหารการกินแล้ว ยากจะหาชาติใดจะบุกเข้ามาตีตลาดในบ้านเรา หรือแม้แต่ในเวทีโลกได้

สินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่มจากธรรมชาติ…ยังไงก็ขายได้และขายได้ดี ส่วนหนึ่งเพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติชื่นชอบสินค้าไทย และมีหลายคนที่มาเที่ยวในเมืองไทย เพียงเพราะอยากมาซื้อสินค้าในร้านเซเว่นฯ นั่นจึงทำให้เรามองเห็นโอกาสในการพัฒนาสินค้าและแตกไลน์สินค้าใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ โดยในวันนี้ เรามีแล้ว 10 รายการ อนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะในปีหน้า ก็คงจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงตั้งยอดขายปีนี้สูงกว่าปีก่อน และปีหน้าก็จะสูงกว่าปีนี้ ด้วยเหตุผลเดียวกัน” นายวีระ ย้ำ

ถึงตรงนี้ ก็ต้องบอกว่า…ไม่เพียง “ทัศนคติเชิงบวก” ของ นายวีระ ตั้งวุทฒิไกรวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุพรรณคิวฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตของหวานแบรนด์“แม่ละมาย” ที่ได้สร้างต้นทุนทางความคิด ในลักษณะ “พลังบวก” จนมี “แต้มต่อ” เหนือกว่าคนอื่นๆ

ทว่า ตัวแบรนด์ “แม่ละมาย” ก็ถือเป็นอีก “หนึ่งแบบอย่าง” ของผู้ประกอบการ SME ที่น่าเรียนรู้ถึงกลยุทธ์และวิธีการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน  

เพราะการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มยอดขายในระยะสั้น แต่เป็นการพัฒนาสมดุลระหว่างธุรกิจ คู่ค้า และผู้บริโภคแบบระยะยาว สอดคล้องกับ นโยบายความยั่งยืนของซีพี ออลล์ ในเรื่อง การสร้างอาชีพ ตามปณิธานองค์กร Giving and Sharing.

#ซีพีออลล์สร้างอาชีพ   #เอสเอ็มอีโตไกลไปด้วยกัน

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password