‘คลัง-ธนารักษ์’ มอบสัญญาเช่าที่ราชฯ 7 พันไร่ – เร่งพิสูจน์ที่ดินถูกบุกรุก! หวังนำประโยชน์ใช้เต็มศักยภาพ

คลัง” เดินหน้า “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” มอบสัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน 9 จังหวัด 1,900 ราย 7,000 ไร่ ใน 6 เดือน ด้าน “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” ย้ำ! ที่ราชพัสดุต้องใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าและเต็มศักยภาพ พร้อมเร่งพิสูจน์สิทธิ์ที่ดินถูกบุกรุก หวังนำมาใช้ประโยชน์ทั้งเชิงสังคมและเชิงพาณิชย์ เผย! ผลตอบแทนให้เช่าที่หลวงในเชิงพาณิชย์ต้องไม่ต่ำกว่า 3% ของราคาที่ดิน ขณะที่ อธิบดีกรมธนารักษ์ แจงแจกสัญญาเช่าไปแล้วเกือบ 3.4 แสนไร่ เหลืออีกราว 3 แสนไร่ที่จะต้องเร่งพิสูจน์สิทธิ์ มั่นใจจัดเก็บรายได้ปีนี้ทะลุเป้า 1 หมื่นล้านบาท

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างข่าว โครงการ “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์  มอบสัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน” ว่า กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ ต้องการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินให้แก่ประชาชน และต้องการบริหารจัดการที่ดินราชพัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยนำที่ดินราชพัสดุ ในความครอบครองของส่วนราชการ แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า มาแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยให้แก่พี่น้องประชาชน เพื่อความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต ทำให้เข้าถึงด้านสาธารณูปโภค ระบบสาธารณูปการ และบริการสาธารณะของภาครัฐ ด้วยอัตราค่าเช่าต่ำและผ่อนปรน

โดยการมอบสัญญาเช่าที่ดินจะเกิดขึ้นใน 9 จังหวัด กว่า 1,900 ราย คิดเป็นพื้นที่รวมกว่า 7,000 ไร่ ภายใน 6 เดือน ประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา 248 ไร่ เชียงราย 273 ไร่ เชียงใหม่ 281 ไร่ นครสวรรค์ 1,120 ไร่ นครพนม 661 ไร่ กาฬสินธุ์ 1,174 ไร่ ปัตตานี 29 ไร่ ราชบุรี 1,500 ไร่ และสุราษฎร์ธานี 2,100 ไร่ ทั้งหมดนี้ได้สั่งการให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน

ทั้งนี้ คิดอัตรา “ค่าเช่าต่ำและผ่อนปรน” ดังนี้ ที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย หากไม่เกิน 100 ตารางวา อัตราเช่า 0.25 บาท/ตารางวา/เดือน หากเกิน 100 ตารางวา อัตราเช่า 0.50 บาท/ตารางวา/เดือน และหากเป็นที่ดินเพื่อประกอบการเกษตร เนื้อที่ไม่เกิน 50 ไร่ อัตราเช่า 20 บาท/ไร่/ปี และหากเกิน 50 ไร่ อัตราเช่า 30 บาท/ไร่/ปี เป็นสัญญาเช่าครั้งละ 3 ปี เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการเช่าของกรมที่ดินให้กับประชาชน แต่สามารถขอเป็นสัญญาเช่า 30 ปีได้ หากผู้เช่าประสงค์เป็นอีกหนึ่งโครงการที่กระทรวงการคลังต้องการพลิกชีวิต พลิกคุณภาพชีวิตของประชาชน

อย่างไรก็ตาม เกณฑ์การพิจารณามอบหรือไม่มอบหนังสือสัญญาเช่าฯดังกล่าว ขึ้นกับว่าประชาชนนั้นๆ ได้ครอบครองที่ราชพัสดุมาก่อนวันที่ 4 ตุลาคม 2546 หรือ ถ้าครอบครองมาก่อน กรมธนารักษ์พร้อมจะออกหนังสือสัญญาเช่าให้ แต่หากครอบครองภายหลังวันดังกล่าว ก็จะต้องพิสูจน์ว่าบุกรุกที่ราชพัสดุหรือไม่ หากพบว่ามีการบุกรุกก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

“สำหรับที่ราชพัสดุอื่นๆ ทั้งที่อยู่ในความดูแลของหน่วยงานราชการ รวมถึงพื้นที่ที่เคยนำไปดำเนินโครงการร่วมกับภาคเอกชน ซึ่งปัจจุบันถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า หรือไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ หรือใช้ประโยชน์แต่ไม่เต็มศักยภาพของที่ดินนั้นๆ ก็จะต้องกลับมาทบทวนถึงวัตถุประสงค์ของการขอใช้ที่ราชพัสดุดังกล่าวว่าตรงตามที่ได้แจ้งไว้หรือไม่ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทรวงการคลังและกรมธนารักษ์จะต้องคำนึงถึง  เบื้องต้นคิดว่าอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) ไม่ควรจะต่ำกว่าร้อยละ 3” รมช.คลัง ย้ำ

ด้าน นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวเสริมว่า ตั้งแต่ดำเนินโครงการ “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” กรมธนารักษ์ ได้แจกหนังสือสัญญาเช่าไปแล้ว 134,728 ราย รวมเนื้อที่ทั้งหมด 338,539 ไร่ โดยยังเหลือที่ดินที่ถูกบุกอีกกว่า 300,000 ไร่ และจะต้องเร่งไปพิสูจน์สิทธิ์ความเป็นเจ้าของเพื่อที่กรมธนารักษ์จะได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป

สำหรับ เป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมธนารักษ์ในปี 2567 ราว 10,000 ล้านบาทนั้น ถึงตอนนี้ ยังคงเป็นไปตามประมาณการที่ได้รับมอบหมาย คาดว่าสิ้นปีนี้ การจัดเก็บรายได้จริงน่าจะมากกว่าประมาณการเล็กน้อย โดย รายได้กว่าร้อยละ 97 เป็นการให้เช่าที่ราชพัสดุในเชิงพาณิชย์ ส่วนรายได้จากการให้ประชาชนเช่าเพื่อการอยู่อาศัยและทำกิน (เกษตรกรรม) มีเพียงร้อยละ 3 หรือตกราวปีละกว่า 100 ล้านบาท เท่านั้น เนื่องจากกรมธนารักษ์ไม่มีวัตถุประสงค์ในการหารายได้จากการให้ประชาชนเช่าที่ราชพัสดุนั่นเอง.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password