ททท. จับมือ อาลีเพย์พลัส เปิดตัวโปรแกรมสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ ผ่านนวัตกรรมดิจิทัล

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และอาลีเพย์พลัส (Alipay+) ผู้ให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดนบนมือถือและผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลโซลูชั่น ภายใต้ แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประกาศขยายความร่วมมือผ่านการเปิดตัวโปรแกรมสนับสนุน และส่งเสริมการท่องเที่ยวตอบรับกระแสความสนใจการท่องเที่ยวเมืองไทยของนักเดินทางทั่วโลก

นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา, รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “ความร่วมมือกับ อาลีเพย์พลัส มีส่วนช่วยผลักดันการท่องเที่ยวในประเทศเป็นอย่างมากเนื่องจากนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบไทยได้อย่างแท้จริง ส่งผลให้เป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวที่เราตั้งไว้สำหรับปี 2024  เป็นไปตามที่กำหนด เรามีความยินดีที่ได้เห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของจำนวนการใช้จ่ายผ่านอาลีเพย์พลัส และการมีเครือข่ายร้านค้าที่รองรับการใช้งานเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองรองต่างๆ ทั่วประเทศไทย อันมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มร้านค้ารายย่อย และในวันนี้ก็เป็นอีกก้าวสำคัญในการสานต่อความสัมพันธ์ผ่านการใช้เทคโนโลยีเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของประเทศให้เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย”

เสริมความแข็งแกร่งให้การท่องเที่ยวประเทศไทยด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายอันดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมา โดยข้อมูลจาก ททท. รายงานว่า จากเดือนมกราคม – เมษายน ปี 2024 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่เดินทางมาเยือนประเทศไทยแล้วกว่า 2,351,909 คนสอดคล้องกับข้อมูลจากอาลีเพย์พลัส ที่รายงานสถิติจำนวนครั้งของการใช้จ่ายผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลหรือ e-wallet ในเครือข่ายของอาลีเพย์พลัส จากช่วงเทศกาลวันแรงงานที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 161% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยยอดการเติบโตดังกล่าวยังสูงกว่าช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดของโควิดในปี 2019 อีกด้วย

เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวยุคดิจิทัลในปัจจุบัน ททท. ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Alipay+ D-hub และบัตรดิจิทัล Amazing Thailand e-Card บนแอปอาลีเพย์ (Alipay) ที่ใช้งานในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน และยังวางแผนที่จะขยายการให้บริการในกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ที่ใช้จ่ายผ่านเครือข่ายของอาลีเพย์พลัส ต่อไปในอนาคต

ททท. คือหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวจากภาครัฐหน่วยงานแรกของโลกที่ใช้งาน Alipay+ D-hub ซึ่งเป็นฟีเจอร์ในแอปอาลีเพย์ ที่จะรวมรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศไทย, ข้อมูลร้านค้า ร้านอาหารที่แนะนำ, คู่มือการท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ ข้อมูลด้านวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมไทย เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่สนใจเข้าไปศึกษาข้อมูลเพื่อการวางแผนการท่องเที่ยวในประเทศไทย

นอกจากนี้ ททท. ยังได้เปิดตัวบัตรดิจิทัล Amazing Thailand e-Card ที่จะช่วยผู้ประกอบการในประเทศให้สามารถเข้าถึงนักท่องเที่ยวได้มากขึ้นเพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ ทั้งยังช่วยสร้างการรับรู้เกี่ยวกับข้อเสนอ และโปรโมชั่นพิเศษเพื่อการท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวชาวจีน

นอกจากนี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา อาลีเพย์พลัส ได้เปิดบริการ Alipay+ D-Store ร้านค้าออนไลน์แบบ ออล-อิน-วัน ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานอาลีเพย์พลัส ในประเทศ และนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ สั่งซื้อสินค้า และชำระเงินผ่านมือถือด้วยการสแกน คิวอาร์ โค้ด โดยปัจจุบันมีร้านค้าที่เข้าร่วมทั้งแบรนด์ไทย และต่างประเทศ อาทิ Dairy Queen, Burger King, The Coffee Club, D’Oro และอื่นๆ

คุณเอ็ดเวิร์ด หยู, ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ , แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวถึงโครงการต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการว่า “ททท.เป็นหน่วยงานชั้นนำที่มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง และสำหรับ อาลีเพย์พลัส เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับผลลัพธ์ที่ได้จากการสนับสนุนการท่องเที่ยวผ่านแพลต์ฟอร์มของเราทั้งในการชำระเงินบนมือถือ, กิจกรรมส่งเสริมด้านการตลาดอื่น ๆ รวมถึงการสร้างการเข้าถึงผ่านการใช้งานเทคโนโลยี และเพื่อต่อยอดความร่วมมือกับ ททท. เราพร้อมนำเสนอนวัตกรรมทางดิจิทัลร่วมกันกับ ททท. เพื่อเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างมีเอกลักษณ์ให้แก่นักท่องเที่ยวในยุคดิจิทัลได้ดื่มด่ำไปกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ทั้งการช้อปปิ้ง ซื้ออาหาร ได้อย่างสะดวกผ่านสมาร์ทโฟน และเราหวังว่าจะได้สานต่อความร่วมมือกับ ททท.เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในปี 2024 และเสริมความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในฐานะประเทศเพื่อการท่องเที่ยวระดับโลก”

ทำให้การชำระเงินของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นเรื่องง่ายด้วยอาลีเพย์พลัส จากข้อมูล ระหว่างเดือนมกราคม – เมษายน 2024 พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยอยู่ที่ 12,127,447 คน

ข้อมูลจาก อาลีเพย์พลัส ยังพบว่า จำนวนครั้งของการใช้จ่ายในระหว่างเดือนมกราคม – เมษายน 2024เพิ่มขึ้น 70% เมื่อเปรียบเทียบกับ เดือนกันยายน – ธันวาคม 2023 โดยนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนครั้งการใช้จ่ายสูงสุดคือนักท่องเที่ยวจากจีนที่ใช้จ่ายผ่าน แอปอาลีเพย์ ตามมาด้วย แอปทัชแอนด์โก อีวอลเล็ต (Touch ‘n Go eWallet) จากมาเลเชีย, อาลีเพย์ ฮ่องกง (AlipayHK) จากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และคาเคา เพย์ (Kakao Pay) จากเกาหลีใต้ และกิจกรรมการตลาดซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ททท. และ อาลีเพย์พลัส ได้จัดทำขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมานั้นยังส่งผลให้จำนวนครั้งการใช้จ่ายผ่านอาลีเพย์พลัส ในช่วงสงกรานต์เพิ่มขึ้นถึง 52% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม

อาลีเพย์พลัส เดินหน้าขยายเครือข่ายร้านค้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินผ่าน 14 แอปชำระเงินระดับสากล โดยปัจจุบันมีร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านเครือข่ายของ อาลี เพย์พลัส ในประเทศไทยกว่า 400,000 ร้านค้า รวมถึงในจังหวัดที่เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวนอกเหนือจากจังหวัดยอดนิยม อาทิ นครพนม จันทบุรี และลำปาง เพื่อนักท่องเที่ยวจะมีโอกาสเข้าถึงประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบไทยที่แตกต่างไปจากเดิม

นอกจากนี้ร้านค้าที่เข้าร่วมยังรวมถึง ร้านอาหารและคาเฟ่ สถานบริการสุขภาพและสปา และสถานที่ท่องเที่ยว อาทิ โซนอาหาร foodwOrld ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นแหล่งรวมสตรีทฟู้ดส์ขึ้นชื่อ สปา Let’s Relax และ พระบรมมหาราชวัง ร้านขายของที่ระลึก นอกจากนี้เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่นักท่องเที่ยว การชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสจากระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จะเปิดให้ชำระได้ผ่านอาลีเพย์พลัส ในอนาคตอันใกล้นี้

ประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบ A Thailand+ Experience เพื่อส่งเสริมความร่วมมือที่เกิดขึ้น ททท. และ อาลีเพย์พลัส ได้เปิดตัวแคมเปญ “A Thailand+ Experience” เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในจังหวัดที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในหมู่นักท่องเที่ยวเพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่ ๆ สัมผัสการท่องเที่ยวเมืองไทยที่ต่างไปจากที่เคย

แคมเปญ A Thailand+ Experience นำเสนอสถานที่ และร้านค้าที่น่าสนใจในจังหวัดเมืองรองผ่านมุมมองของ KOL ที่ได้รับเลือกให้ร่วมแคมเปญ เพื่อเป็นข้อมูลให้นักท่องเที่ยวที่สนใจเที่ยวเมืองรองได้เรียนรู้ผ่าน Alipay+ D-hub และเว็บไซต์ของ ททท. โดยนอกเหนือจากความสะดวกที่นักท่องเที่ยวจะได้รับผ่านการชำระเงินผ่านเครือข่ายอาลีเพย์พลัสเมื่อไปเที่ยวเมืองรองเหล่านี้แล้ว นักท่องเที่ยวยังจะได้รับคูปองเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอีกด้วย

อาลีเพย์พลัส ซึ่งให้บริการภายใต้ แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ตั้งแต่ปี 2020 ให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดนบนมือถือสำหรับร้านค้ากว่า 88 ล้านแห่งใน 57 ประเทศและเขตการปกครองทั่วโลก โดยมีผู้ใช้งานกว่า 1.5 พันล้านบัญชี ผ่าน 25 ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลและแอปชำระเงินของธนาคาร เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินให้ผู้คนทั่วโลกในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว และเพื่ออำนวยความสะดวกให้ร้านค้าสามารถรับชำระเงินข้ามพรมแดน เพื่อเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าที่มากขึ้น และส่งเสริมการตลาดทางดิจิทัลแก่ร้านค้า.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password