คลังวอนทุกฝ่ายร่วมภาครัฐ – ดันไทยสู่การพัฒนายั่งยืนในงานครบรอบ 30 ปี EXIM BANK

EXIM BANK จัดใหญ่ฉลองครบ 30 ปี ชู! กลยุทธ์ “Greenovation” สร้าง Green Supply Chain เปลี่ยนประเทศไทย สู่เศรษฐกิจสีเขียว รับมือเมกะเทรนด์โลกยุคใหม่ ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้าน รมช.คลัง “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” ระบุ! ไทยจะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ต้องอาศัยทุกฝ่ายร่วมมือกับภาครัฐ ขณะที่ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร เชื่อ! ภาคเอกชนลงทุนระยะยาวเดินหน้า ESG แค่ 3 ปีคืนทุนแล้ว มั่นใจ รายได้และผลกำไรเพิ่มเกินหน้าธุรกิจทั่วไป 2 เท่า

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ณ สำนักงานใหญ่ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ได้มี การจัดงานครบรอบ 30 ปี EXIM BANK โดยมี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึง อดีตกรรมการ และอดีตผู้บริหาร รวมถึง คณะกรรมการ และผู้บริหาร EXIM BANK ชุดปัจจุบัน  ตลอดจน แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน เข้าร่วมงานฯอย่างคับคั่ง

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในโอกาสดังกล่าว ว่า ปัจจุบันโลกขับเคลื่อนอยู่บนหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนตั้งแต่ระดับชุมชน และทุกภาคส่วนต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจึงเป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติของทุกประเทศทั่วโลก เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาสภาพอากาศสุดขั้ว ซึ่งเป็นภัยความเสี่ยงอันดับ 1 ของเศรษฐกิจโลกในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ รวมถึงเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ของประเทศไทยภายในปี 2593 และ 2608 ตามลำดับ รัฐบาลไทยมุ่งสนับสนุนกลไกและนโยบายต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เช่น ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 50% ส่งเสริมการทำเกษตรยั่งยืนและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ซึ่งเป็นแรงงานส่วนใหญ่ของประเทศ ด้วยการให้ความรู้เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต และหาแนวทางขยายตลาดต่างประเทศ ตลอดจนดึงดูดบริษัทชั้นนำของโลกในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตให้เข้ามาลงทุน เช่น ดาต้าเซนเตอร์ อุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อเพิ่มอุตสาหกรรมใหม่ที่ช่วยสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ ส่งเสริมให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี และเพิ่มพูนทักษะฝีมือแรงงานไทย

นายจุลพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า การที่ประเทศจะบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนได้สำเร็จ ไม่ได้เกิดขึ้นจากการออกกฎหมายหรือนโยบายจากภาครัฐเท่านั้น แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ตลอดจนผู้ประกอบการในชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ เช่น สินค้าหัตถกรรม สินค้าไลฟ์สไตล์ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการคลังจึงพร้อมสนับสนุนหน่วยงานในการกำกับดูแล รวมถึง EXIM BANK ให้ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ในการสร้างนักรบเศรษฐกิจไทยในเวทีโลกที่แข่งขันได้ ทั้งในรูปแบบการเป็นผู้ส่งออกเองหรือเป็นส่วนหนึ่งของ Supply Chain การส่งออก และในวันนี้ต้องเร่งยกระดับเป็น Green Supply Chain เพื่อให้เกิดระบบนิเวศสีเขียวที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการไทยโดยคำนึงถึง ESG สามารถส่งมอบสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ใหม่ ๆ ภายใต้กติกาการค้าของโลกยุคใหม่ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการส่งออกของไทยให้เติบโตและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังช่วยให้เศรษฐกิจไทยมีภูมิคุ้มกันต่อความผันผวนและความท้าทายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์ภายนอกในอนาคต เพื่อมุ่งสู่ความเป็น Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions ร่วมกัน

ด้าน ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า ปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อทุกภาคส่วนทุกวันนี้ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โลกเปลี่ยนผ่านจากภาวะโลกร้อน (Global Warming) เข้าสู่ภาวะโลกเดือด (Global Boiling) นำไปสู่การเกิดภัยธรรรมชาติบ่อยครั้งและรุนแรงขึ้นทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ดังนั้น จึงต้องเร่งเดินหน้าสร้างเศรษฐกิจสีเขียว พัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันอย่างสมดุลและยั่งยืน ตามเป้าหมาย SDGs และเป้าหมายประเทศไทยสู่ Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประเทศไทยยังปล่อยคาร์บอนสูงกว่าหลายประเทศในเอเชีย อยู่ในระดับ 3.78 ตันคาร์บอนต่อคนต่อปี สูงกว่าประเทศอื่นในอาเซียน อาทิ อินโดนีเซียและเวียดนาม โดยมูลค่าส่งออกของไทยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีไม่มากนัก อยู่ในสัดส่วนเพียง 7.6% ของการส่งออกทั้งหมด ทำให้ผู้ส่งออกไทยต้องเร่งปรับตัวรับมือกับมาตรการทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกที่มีมากถึง 18,000 ฉบับ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกและปรับตัวทางธุรกิจให้อยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ เนื่องจากธุรกิจที่คำนึงถึง ESG มีการเติบโตของรายได้และกำไรมากกว่าธุรกิจทั่วไปกว่า 2 เท่าตัว

ทั้งนี้ EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังจึงสานพลังกับภาครัฐและภาคเอกชนขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่ออนาคตของประเทศไทยและโลกที่ยั่งยืน ภายใต้บทบาท Green Development Bank ด้วยกลยุทธ์ “Greenovation” ที่จะสร้าง Green Supply Chain ขับเคลื่อนการค้าและการลงทุน เปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Greenomics)

“ผู้ประกอบการภาคเอกชนจะต้องมองเห็นเรื่องเหล่านี้ (ESG) เป็นเรื่องของการลงทุนระยะยาว ซึ่งอาจต้องเพิ่มงบดำเนินการมากขึ้น แต่สิ่งนี้จะช่วยให้ได้รับผลตอบกลับในรูปของรายได้และผลกำไรที่สูงกว่าธุรกิจที่ไม่คำนึงถึง ESG ส่วนตัวเชื่อว่า การลงทุนที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้คืนทุนภายใน 3 ปี จากนั้น ธุรกิจก็จะมีรายด้และผลกำไรที่เพิ่มขึ้น กลายเป็นความยั่งยืนทางเศรษฐกิจตลอดไปกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ระบุและย้ำว่า…

EXIM BANK พร้อมใช้จุดแข็งและความเชี่ยวชาญในการทำหน้าที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมาพัฒนา “Greenovation” นวัตกรรมการเงินสีเขียว ดูแลการปล่อยคาร์บอนขององค์กรและผู้ประกอบการไทยใน Scope 1-2-3 (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง ทางอ้อมที่เกิดจากการใช้พลังงาน และทางอ้อมอื่น ๆ จากการดำเนินงานขององค์กร) โดยต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพของไทย ประกอบด้วย อุตสาหกรรมเป้าหมายสู่อนาคต (Future Industries) อาทิ พลังงานหมุนเวียน EV เคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมเกษตรและประมงแปรรูป และธุรกิจบริการและ Soft Power อาทิ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต ควบคู่กับการสร้างผู้ส่งออกไทย โดยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ด้าน Climate Finance ได้แก่ EXIM Green Goal ส่งเสริมให้ SMEs ตั้งเป้าหมาย Green ให้ชัดเจนและพร้อมเข้าร่วม Green Supply Chain โดยเติมความรู้สีเขียว เติมโอกาสสีเขียว และเติมเงินทุนสีเขียว ด้วยผลิตภัณฑ์ประเภท Green ต่างๆ ของ EXIM BANK พร้อมสิทธิประโยชน์และโปรโมชันพิเศษ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.99% ต่อปี

ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดระบบนิเวศทางเศรษฐกิจที่ธุรกิจทุกระดับเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในตลาดการค้าโลก ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ผู้บริโภคและกติกาการค้าโลกยุคใหม่ โดย EXIM BANK ตั้งเป้าหมายสู่ Carbon Neutrality ในปี 2573 และ Net Zero Emissions ในปี 2593 เร็วกว่าเป้าหมายประเทศไทย 20 ปีและ 15 ปีตามลำดับ โดยปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กร ควบคู่กับการเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนให้เป็น 50% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดภายในปี 2571

“ตลอด 3 ทศวรรษ EXIM BANK ได้ทำหน้าที่ธนาคารเพื่อการพัฒนา นำผู้ประกอบการไทยปรับตัวและติดปีกไปสู่ตลาดโลก ในวันนี้เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกโฉม EXIM BANK พร้อมด้วยลูกค้าและหน่วยงานพันธมิตรจะเดินเคียงข้างกันนำพาประเทศไปสู่อนาคตที่ดีขึ้นและยั่งยืน โดยใช้จุดแข็งและความเชี่ยวชาญขององค์กรพัฒนานวัตกรรมการเงินสีเขียว (Greenovation) สร้างผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ Global Green Supply Chain ขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยเศรษฐกิจสีเขียว สร้างโลกที่เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเติบโตอย่างสมดุลไปด้วยกัน” ดร.รักษ์ กล่าว

อนึ่ง EXIM BANK จะเปิดดำเนินงานครบรอบ 30 ปีในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 จึงจัดงานครบรอบ 30 ปี EXIM BANK เชิญลูกค้า หน่วยงานพันธมิตรจากภาครัฐและภาคเอกชน ผู้ประกอบการ สื่อมวลชน และผู้สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาแลกเปลี่ยนมุมมองและทิศทางการพัฒนาประเทศไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน Thailand’s Green Future” ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 โดยได้รับเกียรติจาก นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Thailand Green Visionary สร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนจากชุมชนสู่เวทีโลก” พร้อม แถลงกลยุทธ์ Thailand Greenovation” โดย ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK

รวมถึงการจัด เสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองและทิศทางการพัฒนาประเทศไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน Thailand’s Green Future” โดย ดร.สันติธาร เสถียรไทย Future Economy Advisor สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) นายวรมน ขำขนิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพคท์ โซล่าร์ กรุ๊ป จำกัด และ ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ดำเนินรายการโดย นายพิภู พุ่มแก้วกล้า

ด้วยความมุ่งมั่นสู่การเป็น Green Development Bank ธนาคารผ่านการพิจารณาขึ้นทะเบียนฉลากคาร์บอนประเภท Carbon Neutral Event ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) สำหรับการจัดงานครบรอบ 30 ปี ในช่วงงานเสวนา “Thailand’s Green Future” ณ อาคารเอ็กซิม EXIM BANK สำนักงานใหญ่ รวมค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของงานอีเว้นท์ เพื่อขอการรับรองการจัดงาน เท่ากับ 16 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ในการนี้ EXIM BANK ได้รับการสนับสนุนคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากการจัดงานจำนวน 16 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากบริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจด้านความยั่งยืน.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password