พาณิชย์ เร่งเครื่องโค้งสุดท้าย ลุยแผนเร่งด่วน Quick Win 73 กิจกรรม ตั้งเป้าส่งออกไม่ต่ำกว่า 1.24 หมื่นล้านบาท “ภูมิธรรม” เตรียมเดินทางไปร่วมงานแสดงสินค้า China International Import Expo (CIIE 2023) ณ นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

การส่งออกไทยในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2566 ยังต้องลุ้นจากปัจจัยภายนอก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ยังคงยึดเป้าการส่งออกทั้งปีไว้ที่ 1-2 % ขณะที่ภาคเอกชนมั่นในว่าการส่งออกของไทยในปีหมดลุ้นเป็นบวกไปแล้ว โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้ติดตามสถานการณ์การส่งออกของไทย หลังจากเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์

เบื้องต้นพบว่าการค้าไทยกับอิสราเอล ไม่มีผลกระทบ แต่ให้ไปดูว่าจะมีผลกระทบต่อการค้าไทยกับประเทศอื่น ๆ หรือไม่ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อโลก จะได้เตรียมแผน เตรียมมาตรการรับมือ และหากมีปัญหาจะแก้ไขได้อย่างทันท่วงที เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในภาพรวม

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเร่งขยายตลาดเพื่อเพิ่มยอดการส่งออก พุ่งเป้าไปยังประเทศ จีน ตะวันออกกลาง โอเชียเนีย เอเชียใต้ เป็นต้น รวมทั้งเน้นขยายการค้าไปยังเมืองรองของประเทศต่าง ๆ และให้ใช้กลไกของทูตพาณิชย์ที่มีอยู่ไปตรวจสอบ ไปศึกษา และพิจารณาจัดทำ MOU กับเมืองรองต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อเปิดประตูการค้าให้กับไทย

การขับเคลื่อนการส่งออกในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ได้สั่งการให้ทำแผนเร่งด่วน (Quick Win) เพื่อผลักดันการส่งออก ทั้งการดำเนินกิจกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวม 73 กิจกรรม จะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้กว่า 12,400 ล้านบาท โดยมีกิจกรรมสําคัญ เช่น การจัดเจรจาธุรกิจออนไลน์ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า การจัดคณะผู้แทนการค้าไปเยือนงานแสดงสินค้า China International Import Expo (CIIE 2023) ณ นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน การนําผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เช่น Automechanika ดูไบ , American Film Market ที่สหรัฐฯ Anuga และ Medica ในเยอรมนี รวมทั้งจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้า TOP Thai บนแพลตฟอร์ม Shopee ในมาเลเซีย Rakuten ในญี่ปุ่น เป็นต้น

โดยนายภูมิธรรม มีกำหนดการไปเยือนจีนเพื่อสร้างสัมพันธ์ทางการค้า ซึ่งจะเป็นผู้นำคณะไปร่วมงานแสดงสินค้า China International Import Expo (CIIE 2023) ณ นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ในวันที่ 4-6 พ.ย.66 เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับผู้ส่งออกอีกทาง

ขณะที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย วิเคราะห์แนวโน้มการส่งออกไทยในไตรมาส 4 คาดว่า การส่งออกของไทยในไตรมาส 4 ปีนี้ จะสามารถพลิกกลับมาเป็นบวกได้ที่ 6.8% คิดเป็นมูลค่าราว 70,500 ล้านดอลลาร์ จากไตรมาส 3 ที่คาดว่าจะหดตัว3.2 % โดยไตรมาส 4 ยังมีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า, อัตราดอกเบี้ยในประเทศคู่ค้ายังอยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อการบริโภค การลงทุนทางธุรกิจที่ชะลอตัว ทำให้ภาคธุรกิจและครัวเรือนมีภาระหนี้เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ คาดว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 4 จากการลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก และความกังวลภาวะสงครามในอิสราเอล ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่าช่วงไตรมาส 4 ราคาน้ำมันดิบจะอยู่ในช่วง 88-93 ดอลลารต่อบาร์เรล นอกจากนี้ ยังเผชิญปัญหาเอลนีโญ ที่มีผลกระทบต่อผลผลิตสินค้าเกษตรของไทย ที่อาจจะลดลงราว 2.2-6.5% ขณะที่การส่งออกไทยทั้งปี 66 คาดว่าจะติดลบ 2 % ที่มูลค่าประมาณ 281,500 ล้านดอลลาร์

การส่งออกในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของไทยยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงในหลายๆด้าน ล่าสุดเกิดสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาส ก็ยิ่งสร้างความกังวลต่อการค้าโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาน้ำมัน ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ย่อมส่งผลกระต่อการส่งออกของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้.