นายกฯให้คะแนน ‘แจกเงินหมื่น’ เกิน ‘เต็ม 10’ – สั่งคลังแต่งตั้งโยกย้าย ขรก.ที่เป็นธรรม
“นายกฯเศรษฐา” สวมบท “รมว.คลัง” เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมมอบนโยบายและรับฟังปัญหาการทำงานของส่วนราชการ เผย! การแต่งตั้งโยกย้ายต้องเป็นธรรม หวังสร้างขวัญ-กำลังใจให้เพื่อนข้าราชการที่ทุ่มเททำงานหลายสิบปี มั่นสุดๆ ให้คะแนนแจกเงินหมื่น “ดิจิทัล วอลเล็ต” คะแนนเต็ม 10 ให้เว่อร์ 11 คะแนน
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 14 ก.ย.2566 กระทรวงการคลัง, นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แถลงข่าวภายหลังเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในกระทรวงการคลัง และมอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง โดยย้ำว่า การทำนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล จะต้องใช้เงินงบประมาณเยอะ ดังนั้น เรื่องของวินัยการเงินการคลังจึงเป็นสิ่งสำคัญจะต้องตอบคำถามของสังคมให้ได้ว่า รัฐบาลเอาเงินไปใช้อะไร ทำอะไร และในระยะยาวจะส่งผลต่อเนื่องกับจีดีพีอย่างไร ส่งผลต่อหนี้สาธารณะอย่างไร และสัดส่วนอย่างไรที่จะมีความเหมาะสม
เรื่องที่ 2 ที่ตนได้ให้นโยบายเอาไว้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก คือ เรื่องวิธีการทำงานและระบบการปูนบำเหน็จที่มีความเป็นธรรมในการโยกย้ายข้าราชการประจำ และไม่เฉพาะในกระทรวงการการคลังเพียงหน่วยงานเดียว แต่ในฐานะที่ตนเป็น รมว.คลัง จึงเน้นเป็นพิเศษกับหน่วยงานแห่งนี้ เนื่องจากกระทรวงการคลังมีบุคลากรที่ความมีสามารถเยอะ ทุกคนต่างทุ่มเทแรงกายและแรงใจในการทำงานมาตลอดหลายสิบปี หลายคนคาดหวังจะขึ้นตำแหน่งใหญ่ๆ การทำงานหากมีผลงานที่ดี ก็ควรจะได้รับการปูนบำเหน็จที่เหมาะสม โดยหากข้าราชการที่มีความสามารถและจะไปทำงานกับภาคเอกชน เมื่อได้ผลตอบแทนสูง ตนถือว่าเป็นการเสียสละมาทำงานเพื่อประเทศชาติ
ส่วนหากการโยกย้ายข้าราชการที่ไม่เป็นธรรม เพราะมีนักการเมืองใช้เส้นสาย หรือมีผู้มีอำนาจทั้งหลายเข้ามาใช้อิทธิพล ตนก็พร้อมจะช่วยเหลือข้าราชการกลุ่มนี้ เพื่อให้พวกเขาทั้งหลายได้ทำงานด้วยความสบายใจ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเมื่อมีผลงานก็จะต้องได้รับการปูนบำเหน็จอย่างเหมาะสมต่อไป
นอกจากนี้ ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องภาวะเศรษฐกิจโดยทั่วไปกับผู้บริหารของกระทรวงการคลังว่า สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง รวมถึงพูดถึงในเรื่องนโยบายรัฐหลายๆ เรื่องที่ออกมาแล้ว ต้องเจอปัญหาและอุปสรรค รวมถึงวิธีการที่จะแก้ไขปัญหา และมีการทำงานเป็นอย่างไรบ้าง
ในช่วงการถาม-ตอบ นายเศรษฐา กล่าวว่า หากเป็นเรื่องแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ตนยืนยันว่า โครงการนี้จะไม่มีการกู้ยืมเงิน ส่วนนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ถือเป็นเรื่องจำเป็นในสถานการณ์นี้ ซึ่งหากสามารถจะเพิ่มอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้ ก็จะทำให้จีดีพีเพิ่มสูงขึ้น และจะทำให้หนี้สาธารณะคงที่หรือไม่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นความตั้งใจของรัฐบาลชุดนี้
การกระตุ้นเศรษฐกิจมีทั้งระยะสั้นและระยะยาว อย่างเรื่องพักหนี้ แม้จะมีการพักหนี้มาแล้ว 13 หนภายใน 9 ปี แต่ก็ต้องดำเนินการกันต่อไปเรื่อยๆ เป็นเรื่องที่รัฐบาลตระหนักดี แต่การพักหนี้หากไม่เดินคู่ไปกับการเพิ่มรายได้ ก็ไม่เป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว เราเองอยากจะเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกร ซึ่งเป็นภาคส่วนที่ใหญ่มากที่จะต้องดูแล แต่นี่ก็เป็นเพียงมาตรการแรกที่รัฐบาลออกมาเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
“การแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกร รัฐบาล โดยเฉพาะ รมช.คลังทั้ง 2 คนนี้ ก็จะพยายามช่วยดูต่อไปว่า ในระยะเวลาอันใกล้ ซึ่งผมหวังว่าจะมีมาตรการใหม่ๆ ออกมาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในแง่ของการบรรเทาเรื่องหนี้สิน เพื่อให้มีขวัญและกำลังใจในการทำงานเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับทุกคน” นายกฯและรมว.คลัง ระบุ
ในส่วนของ หนี้สินภาคประชาชน จะมอบหมายให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จะเข้ามาดูแลและช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างไร โดยไม่ทำให้วินัยการเงินการคลังเสียไป ซึ่งจากนี้ไปก็จะได้พูดคุยในรายละเอียดกันต่อ
ทั้งนี้ อะไรที่ทำได้ก็อยากจะทำไปก่อน ไม่อยากคอยให้ครบทุกภาคส่วนแล้วค่อยมาดำเนินการ อะไรทำได้ ทำก่อน ประกาศก่อน บางภาคส่วนจะได้สบายใจ ส่วนหนี้อื่นๆ เดี๋ยวจะไปดูแล้วกลับมานำเสนอต่อไป ทั้งนี้ ตนเข้าใจและตระหนักถึงปัญหาของทุกๆ ภาคส่วนเป็นอย่างดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า โครงการแจกเงิน 10,000 บาทผ่าน “ดิจิทัล วอลเล็ต” มีแหล่งหรือไม่? มาเงินจากที่ไหน? และจะส่งผลกระทบสถาบันการเงินที่รัฐบาลไปกู้ยืมมาแค่ไหน? นายเศรษฐา ตอบว่า แหล่งเงินมีแน่ และโครงการนี้จะต้องเกิดขึ้นและทำได้อย่างแน่นอน แต่ขอเวลาสักระยะถึงแหล่งที่มาของเงินว่าจะมาจากไหน คาดว่าคงไม่เกิน 1 เดือนนับจากนี้ ซึ่งตนไม่อยากจะพูดในเวลานี้ ด้วยเกรงจะถูกกล่าวหาว่าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ขอให้ใจเย็นและอดใจรอเนื่องจากมีหลายออฟชั่น โดยรัฐบาลจะดูว่าออฟชั่นไหนที่เหมาะสมที่สุด และมีผลกระทบในวงกว้างน้อยที่สุด
ส่วน ระบบที่จะใช้ในโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เป็นการนำเอาข้อมูลดาต้าเบสจาก “แอปเป๋าตัง” มาใช้ เนื่องจากมีการยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว (KYC) และจะเขียนบล็อกเชนมากำกับ โดยจะเป็นการต่อยอดจากระบบเป๋าตังที่มี ผู้สื่อข่าวถามว่า หากจัดคะแนนความสำเร็จของโครงการแจกเงิน 10,000 บาท “เต็ม 10” รัฐบาลคาดหวังจะได้คะแนนสักเท่าไหร่ นายกฯและรมว.คลัง ตอบว่า 11 คะแนน
ส่วนเรื่องเงินเดือนข้าราชการ นั้น วันนี้ ตนมารับฟังปัญหาในเรื่องของการบริหารจัดการจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบางจุดก็สามารถดำเนินการต่อไปได้เลย บางจุดก็จะต้องนำไปพิจารณาและนำกลับมาเสนอใหม่ แต่ว่าเรื่องการจ่ายเงินเดือน เป็นเรื่องของออฟชั่นที่ข้าราชการสามารถจะพิจารณาเลือกได้ว่าจะรับเงินเดือนหนเดียวหรือ 2 หน ส่วนจะเป็นปัญหาของกรมบัญชีกลางหรือไม่นั้น ตนเชื่อว่าไม่มีปัญหา เพียงแต่จะต้องพัฒนาซอฟท์แวร์บ้างเล็กน้อย ปรับแก้ไขเรื่องไอที ซึ่งตนขอดูเรื่องการบริหารเวลานิดนึง คิดว่าคงจะเริ่มได้ในต้นปีหน้า
สำหรับการเดินทางมายังกระทรวงการคลังครั้งแรกของ นายเศรษฐา นี้ มี นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง พร้อมด้วย นายลวรณ แสงสนิท ว่าที่ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง ผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดฯ และข้าราชการกระทรวงการคลัง คอยให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ท่ามกลางการรอทำข่าวของสื่อมวลชนเป็นจำนวนมาก.