ยุทธศาสตร์แห่งโอกาส : ครม.เพื่อไทย –  ถูก “เซ็ท” ไว้เพื่อภารกิจแก้ปมเศรษฐกิจไทย

โฉมหน้าเก้าอี้ ครม.เศรษฐกิจ ซีก “เพื่อไทย” ใน “รัฐบาลเศรษฐา 1” ดูจะตรงปก! มากกว่าพรรคร่วมรัฐบาล? ภายใต้การนำของ “เศรษฐา ทวีสิน” กับภารกิจเร่งด่วน! และภารกิจต่อเนื่องที่ต้องวางกันยาวๆ ประสาน “ใน-นอกประเทศ” ดูเหมือนจะเป็นการ “เซ็ท” กลยุทธ์นำพามาซึ่งโอกาสอันดีของประเทศไทย แต่จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่? เราคงได้เห็น (ดี) กันในเร็ววันนี้!

โฉมหน้า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ของ “รัฐบาลเศรษฐา 1” ภายใต้การนำของ คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง หรือที่คนใกล้ชิดเรียกขาน “นายกฯนิด” แม้จะยังไม่สะเด็ดน้ำดีนัก! แต่ก็ลงตัวในกระทรวงหลักๆ โดยเฉพาะในฝั่งของ พรรคเพื่อไทย เหลือก็แต่บางกระทรวงรองๆ ที่ พรรคร่วมฝ่ายค้าน บางพรรค…ขอปรับเปลี่ยนตัวบุคคลเพื่อความเหมาะสม

คาดว่าบ่ายแก่ๆ ของวันนี้ (28 ส.ค.) ทุกอย่างจะเรียบร้อย พร้อมแล้วที่จะ ส่งรายชื่อ ครม.ทั้งคณะฯ ไปให้ สำนักเลขาธิการ ครม. ตรวจสอบคุณสมบัติ จากนั้นจะถึงขั้นตอนของ การทูลเกล้าฯ และเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ

หน้าตาของ “รัฐบาลเศรษฐา 1” ที่ปรากฏโฉมอย่างเป็นทางการ จะได้รับเสียงสะท้อนจากสังคมไทย ในระดับ “ยี้หรือไม่ยี้!” คงได้เห็นกัน และทันทีที่ได้ แถลงนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินต่อรัฐสภา แล้ว “รัฐบาลเศรษฐา 1” ก็พร้อมบริหารประเทศ…ขับเคลื่อนนโยบายทั้งที่เร่งและไม่เร่งด่วน! ต่อไป

เชื่อว่า…อย่างช้าไม่คงเกินปลายเดือน ก.ย.นี้

เฉพาะหน้าตา ครม.ในส่วนของพรรคเพื่อไทย กับ “8 ว่าการฯ” + “8 รมช.” + “1 รมต.ประจำสำนักนายกฯ” ใครเป็นใครนั้น คงได้เห็นหน้าค่าตากันแล้ว ส่วนตัว…แม้จะไม่ชอบวิธีการได้มาซึ่ง “อำนาจ” ของพรรคเพื่อไทย แต่ก็มองเห็นถึงความตั้งใจจริงในการบริหารราชการแผ่นดินและแก้ไขปัญหาหลักของชาติ

8 นโยบายเร่งด่วน! ที่ “คุณเศรษฐา” เคยประกาศจะทำทันที! หลังจากที่ได้เป็นรัฐบาลแล้วนั้น ดูท่าว่า…เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น คงเป็นเรื่องที่ถูกดึงให้ช้าที่สุด! อันนี้…พอเข้าใจได้ เพราะยังมีเครื่องกีดขวางอันเป็นอุปสรรคสำคัญขวางกั้นอยู่

ไม่เฉพาะ 250 ส.ว. แม้แต่ ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลเอง ส่วนใหญ่ก็คงไม่เห็นด้วย หากต้องแก้รัฐธรรมนูญ ให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น พวกเขาทำการ “บวกลบคูณหาร” แล้ว…การคงรัฐธรรมนูญเดิมเอาไว้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับประโยชน์มากกว่า

ในส่วนของ “คุณเศรษฐา” ที่ต้องนั่งควบ “นายกฯและรมว.คลัง” ถือเป็นภาพเดียวกับการยอมยก “กระทรวงเกรด A” อย่าง…“มหาดไทย” แลกกับ “คมนาคม” และเป็นภาพเดียวกับที่จะต้องควบอีกในบางกระทรวงหลักสำคัญ นั่นคือ…กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงกีฬาและการท่องเที่ยว รวมถึงกระทรวงดีอีเอส

เป้าหมาย…เน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติเป็นสำคัญ!

โฟกันกันชัดๆ อีกที…คุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯควบเก้าอี้ รมว.พาณิชย์, คุณปานปรีย์ พหิทธานุกร คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย นั่งควบ…รองนายกฯด้านเศรษฐกิจและรมว.ต่างประเทศ, คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ หวนคืนเก้าอี้ตัวเก่า “รมว.คมนาคม”, คุณประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาฯพรรคเพื่อไทย นั่งเก้าอี้ รมว.ดีอีเอส

โดยมี คุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ จากพรรคเพื่อไทย และ “ปลัดฯตู่” คุณกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย.นี้  นั่งเก้าอี้ “รมช.คลัง” คอยสานต่อนโยบายจาก  “นายกฯและรมว.คลัง” ที่คงสั่งงานจากทำเนียบรัฐบาลเป็นหลัก ยกเว้น! วันแรกที่คงต้องเข้ามาดูที่ทางในกระทรวงการคลัง…พอเป็นพิธี!

ภารกิจเร่งด่วน! ของ “รัฐบาลเศรษฐา 1” ที่น่าจะดำเนินการทันที โดยเฉพาะในซีกของ นโยบายเศรษฐกิจ ที่ได้ “ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล” ทั้งจาก…กระทรวงเศรษฐกิจที่อยู่ในมือพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งจะต้องขับเคลื่อนและบูรณาการทำงานร่วมกัน และยังต้องร่วมมือกับ กระทรวงการต่างประเทศ ที่ “เจ้ากระทรวง” ก็มีอีกตำแหน่งสำคัญ…เป็นถึง “รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ”

สำหรับ นโยบายทางด้านเศรษฐกิจ นั้น พูดได้ว่า…“รัฐบาลเศรษฐา 1” พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนและสร้างโอกาสใหม่ๆ เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย “นอก-ใน (ประเทศ) ประสานกัน” อย่างมีนัยสำคัญทีเดียว

ต้องไม่ลืมว่า…เศรษฐกิจไทยวันนี้ มีเครื่องจักร “ภาคบริการและการท่องเที่ยว” เพียงตัวเดียวที่ยังคงทำงานได้อย่างแข็งขัน ขณะที่ตัวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น…ภาคการส่งออก การลงทุนภาครัฐและเอกชน รวมถึงการลงทุนจากต่างประเทศ ดูเหมือนจะช็อตเอาดื้อๆ

ครั้นจะพูดว่า…ภาคบริการและการท่องเที่ยว นี่แหละคือ “พระเอกตัวจริง” ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยามนี้ ก็คงไม่ผิดอะไรนัก!

ล่าสุด! “ทีมโฆษกกระทรวงการคลัง” เพิ่งแถลงตัวเลขเศรษฐกิจไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา โดย “โฆษกกระทรวงการคลัง” คุณพรชัย ฐีระเวช ยอมรับว่า…เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังคงประสบกับปัญหาจากความผันผวนของปัจจัยแวดล้อมทั้งในและนอกประเทศ จนกระทรวงการคลังต้องปรับลดประมาณการตัวเลขจีดีพีจากเดิม 3.6% เหลือ 3.5%

หันดู…กลยุทธ์การบริหารประเทศ โดยเฉพาะ การบริหารนโยบายเศรษฐกิจ ในรอบนี้ คุณเศรษฐา ได้วางเกมไว้ตั้งแต่ต้น นั่นคือ การเดินเครื่องแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับ…กว่า 50 ล้านคนไทย วัย 16 ปีขึ้นไป ผ่านโครงการ “ดิจิทัล วอลเลต” แม้จะถูกทัดทานและคัดค้านจากกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วย แต่ดูเหมือนเรื่องนี้…จะเป็น “สิ่งจำเป็น!” สำหรับภารกิจเร่งด่วนที่ได้ชื่อว่าเป็น…โครงการระยะสั้นมากๆ

ส่วนใครที่เป็นห่วง…เรื่องงบประมาณที่จะนำมาใช้ไม่ต่ำกว่า 5.5 แสนล้านบาท นั้น เชื่อว่า…คุณเศรษฐา และ “ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย” รู้ดีว่า…มันจะมีเม็ดเงินที่รัฐบาลชุดก่อนๆ แอบซุกซ่อนเอาไว้ตรงจุดไหนกันบ้าง???

ยิ่งได้ “ปลัดฯตู่” มาช่วยงาน…ระหว่างที่ยังคง นั่งควบ 2 ตำแหน่ง “รมช.คลัง – ปลัดกระทรวงการคลัง” ด้วยแล้ว คนนี้…ชี้เป้าได้ครบ อะไรอยู่ตรงไหน? จะดึงออกมาใช้ในภารกิจ “เฉพาะกิจเร่งด่วน” ได้อย่างไร?

นั่นคือ…นโยบายเฉพาะกิจ-ระยะสั้น! แต่กับ นโยบายระยะยาว แล้ว จำเป็นเหลือเกินที่ “รัฐบาลเศรษฐา 1” จะต้องเร่งดำเนินการต่อเนื่องและคงต้องเริ่มเสียแต่บัดนี้ หนึ่งในนั้น ก็คือ…การขับเคลื่อนนโยบายด้านการท่องเที่ยวและภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกัน

นับเป็นเรื่องที่ยินดีสำหรับ คนในแวดวงอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยวและภาคบริการฯ เมื่อ คุณเศรษฐา และทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันตก! ทันที่ได้รับ พระบรมราชโอการโปรดเกล้าฯให้ปฏิบัติหน้าที่เป็น “นายกฯคนที่ 30” และได้ประกาศความพร้อมในการเดินหน้าสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวและภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกัน

นับตั้งแต่…สนามบินสุวรรณภูมิ จนถึงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ไม่เฉพาะ…บริเวณด้ามขวานทองของไทย

วันนี้เศรษฐกิจตกต่ำมาก เราต้องเพิ่มรายได้ ที่ชัดเจนคือ เรื่องการท่องเที่ยว เรารับฟังการสร้างสนามบินใหม่ขอให้มั่นใจสนามบินใหม่รับเที่ยวบินขนาดใหญ่ได้แน่นอน และโครงการต่างๆ ที่มีการพูดถึง แม้หากดูรายโครงการอาจคุ้มทุนช้า แต่ถ้าดูองค์รวมผลตอบแทนน่าจะคุ้ม” คุณเศรษฐา กล่าวเอาไว้ ก่อนจะย้ำอีกว่า..

“ถ้ารัฐบาลเพื่อไทย ผ่านการถวายสัตย์แล้วจะไม่ดูแยกโปรเจค แต่จะดูองค์รวมทั้งหมด ไม่ใช่แค่พังงา ภูเก็ต จะไปดูถึงระนอง รวมถึงดูเรื่องหลังบ้าน เรื่องสิ่งแวดล้อมต้องทำควบคู่ไปกับการเติบโตของเศรษฐกิจ

ในฐานะ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ ที่สนใจงานการเมือง และพร้อมจะเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ ไม่แปลก! หาก คุณเศรษฐา จะมองโอกาสของประเทศในยามนี้ ออกว่า…มันคืออะไร? และจะต้องทำอะไรก่อนหลัง?

เรื่องภาคบริการและการท่องเที่ยว ที่จำเป็นจะต้องเชื่อมโยงการทำงานทั้งภายในประเทศและการต่างประเทศเข้าไว้ด้วยกัน เนื่องจากปีนี้…รัฐบาลไทยคาดหวังจะเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 25-30 ล้านคน เข้ามาท่องเที่ยวและนำเงินตราต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 2 ล้านล้านบาท เข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทย

สิ่งนี้…ทุกอย่างได้รับการ “เซ็ต” เอาไว้หมดแล้ว จาก เก้าอี้ ครม.ในส่วนของพรรคเพื่อไทย และเป็น นายกฯคนที่ 30 ที่มองได้ลึกกว่านั้น…แยกแยะได้ว่า ในส่วนของการท่องเที่ยวและการบริการเอง ก็มีหลายมิติที่ทับซ้อนกันอยู่ ดังนั้น การวางกลยุทธ์เพื่อจัดการกับภารกิจนี้ จึงต้องรัดกุมและชัดเจน

“การดึงดูดนักท่องเที่ยวใหม่ก็สำคัญเช่นกัน สำหรับการท่องเที่ยวด้านสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่จะพักอาศัยระยะยาวและมีค่าใช้จ่ายที่ดี แต่ถ้าหลายจังหวัดเปิดพร้อมกันอาจขาดแคลนบุคลากร รัฐบาลก็จะให้ความสำคัญในส่วนนี้ด้วย” สิ่งนี้…สะท้อนวิสัยทัศน์ของผู้นำคนใหม่ของไทย ได้เป็นอย่างดี

ถึงนาทีนี้…ผมมองเห็น ยุทธศาสตร์แห่งโอกาสของประเทศไทย ของธุรกิจไทย และของคนไทย จากการเข้ามาบริหารประเทศของ “รัฐบาลเศรษฐา 1” ภายใต้การนำของ คุณเศรษฐา หรือ “นายกฯนิด” บ้างแล้ว แต่ก็อย่างที่เรียนในเบื้องต้น…ผมไม่ชอบวิธีการได้มาซึ่งอำนาจของพรรคเพื่อไทย ทว่า…คงเพราะวลี “วีรบุรุษ…จำต้องสร้างสถานการณ์ขึ้นมาได้ใหญ่” เรื่องราวมันจึงได้บานปลายมาจนถึงวันนี้…

คงต้องให้โอกาส รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ได้แสดงฝีมือ…ผ่านการนำของ “นายกฯนิด” ว่าที่สุดแล้ว…พวกเขาสามารถจะนำพามาซึ่งโอกาสอันดีต่อบ้านเมืองนี้ได้อย่างไร? แค่ไหนกัน?

แต่หากเข้ามาเพื่ออำนวยและดำรงไว้ซึ่งโอกาสให้เฉพาะแก่ “นายทุนพรรคการเมือง” ล่ะก็…อายุรัฐบาลชุดนี้ คงจะ “สั้น” ได้เร็วกว่าที่คาดคิดเอาไว้เป็นแน่!!!.

สุเมธ จันสุตะ

email : schansuta@gmail.com

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password