ดึง ‘4 พันนักธุรกิจจีนโลก’ ถกการค้าการลงทุนในไทย – คาดเงินทุนสะพัดนับหมื่นล้าน

หอการค้าไทย-จีน ผนึกความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน จัดประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก (WCEC) ครั้งที่ 16 ณ ศูนย์ฯประชุมสิริกิติ์ กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 24-26 มิ.ย.66 ด้าน “ประธานฯณรงค์ศักดิ์” คาดเฉพาะห้วงจัดงานฯ เงินสะพัด 500 ล้านบาท ส่วนเม็ดเงินลงทุนพุ่งนับหมื่นล้านบาทตามมา พร้อมประกาศ “ร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยภูมิปัญญานักธุรกิจจีน”

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 หอการค้าไทย-จีน โดย นายณรงค์ศักดิ์  พุทธพรมงคล ประธานกรรมการฯ พร้อมคณะกรรมการหอการค้าไทย-จีน จัดแถลงข่าวความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก (World Chinese Entrepreneurs Convention-WCEC) ครั้งที่ 16 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 มิถุนายน 2566 ณ กรุงเทพมหานคร โดยได้รับเกียรติจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย  และ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมแถลงข่าวและสนับสนุนการจัดประชุมฯในครั้งนี้                     

ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก และยังมีผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาของนักธุรกิจชาวจีน  ทั้งนี้ ในฐานะ ผู้จัดการประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก ครั้งที่ 16 หอการค้าไทย-จีน มีหน้าที่สร้างเวทีใหม่เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของนักธุรกิจชาวจีนทั่วโลกหลังยุคโควิด ร่วมกันค้นหาโอกาสใหม่ๆภายใต้วิกฤต และหารือเกี่ยวกับความร่วมมือแบบพหุภาคีและหลากหลายรูปแบบของความร่วมมือทางธุรกิจเพื่อเปิดยุคใหม่ในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ ในโลกในยุคใหม่  เพื่อสืบสานจิตวิญญาณของนักธุรกิจชาวจีนและมุ่งมั่นที่จะปลูกฝังนักธุรกิจชาวจีนรุ่นใหม่ในยุคใหม่เพื่อเป็นกำลังหลักในการพัฒนาคุณภาพสูงของความทันสมัยสไตล์จีนและความเจริญรุ่งเรืองของชาวจีนในอนาคต และสร้างคุณูปการใหม่ให้กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศศูนย์กลางของอาเซียนและเป็นประเทศที่มีนักธุรกิจชาวจีนอาศัยมากที่สุด มีรากฐานอุตสาหกรรมและการค้าที่แข็งแกร่งและโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์ มีความร่วมมืออย่างกว้างขวางกับจีนและโลกในด้านอุตสาหกรรม การพาณิชย์ การเกษตร เทคโนโลยีขั้นสูง พลังงาน การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมใหม่ๆ  ปัจจุบัน รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมการเชื่อมโยงในเชิงลึกระหว่าง “ไทยแลนด์ 4.0″, ” เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC” และ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง -BRI” ของจีน   รวมถึงการเชื่อมโยงโอกาสจากการพัฒนาอ่าวกวางตุ้ง ฮ่องกงและมาเก๊า  การพัฒนาเขตการค้าเสรีไห่หนาน  ระเบียงเศรษฐกิจปักกิ่ง เทียนสิน เหอเป่ย และสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียงของจีน นอกจากนี้ จากความก้าวหน้าของ RCEP ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นตัวเลือกลำดับแรกสำหรับการลงทุนของนักลงทุนชาวจีน  

ผมเชื่อว่าจะมีนักธุรกิจชาวจีนจากทั่วโลกเข้าร่วมประชุมฯในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 2,000 คน โดยแต่ละคน ก็จะมีผู้ติดตาม โดยเฉพาะคนในครอบครัวและพนักงานบริษัทของตน ตามมาอีกเป็นจำนวนมาก รวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 4,000 คนอย่างแน่นอน คาดว่าในช่วงการจัดการประชุมฯน่าจะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท และจะมีเม็ดเงินลงทุนตามมาอีกหลายหมื่นล้านบาท โดยในจำนวนนักธุรกิจชาวจีนที่จะเข้ามาร่วมประชุมฯในไทยนั้น จะเป็นนักธุรกิจจีนจากแผ่นดินใหญ่ (ประเทศจีน) ไม่ต่ำกว่า 1,000 คน ซึ่งพวกเขามีความต้องการจะเดินทางออกไปแสวงหาแหล่งลงทุนในต่างประเทศ และประเทศไทยถือเป็นเป้าหมายสำคัญของนักธุรกิจชาวจีน เนื่องจากมีกฎหมายและเงื่อนไขการลงทุนที่ค่อนข้างจะผ่อนปรนอย่างมาก ที่ผ่านมา ผมได้รับการติดต่อจากนักธุรกิจคณะต่างๆ นับสิบคณะที่เดินทางมาหารือ พร้อมกับสอบถามและศึกษากฎหมาย รวมถึงเงื่อนการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น โรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า รวมอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอื่นๆ” นายณรงค์ศักดิ์ ย้ำและว่า…

ภาครัฐของไทยเองจำเป็นจะต้องเตรียมความพร้อมในการเปิดรับแรงงานฝีมือระดับสูงจากต่างประเทศ เข้ามาทำงานในส่วนที่ประเทศไทยยังคงขาดแคลน เพื่อไม่ให้แผนการขยายลงทุน โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกัน แนวนโยบายในการจัดการปัญหาแรงงานผิดกฎหมายและการเข้ามาแย่งงานที่กำหนดให้เฉพาะกับคนไทยที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนของนักธุรกิจจีนโพ้นทะเลและจากแผ่นดินใหญ่ในประเทศไทยอย่างแน่นอน ส่วนประเด็นการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ส่วนตัวมองว่า ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักธุรกิจจีนอย่างแน่นอน

ด้าน นายจุรินทร์ กล่าวแสดงความยินดี การที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลกในครั้งนี้  โดยย้ำว่า เวทีความร่วมมือดังกล่าว ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนที่แน่นแฟ้น กระทรวงพาณิชย์มีความยินดีที่จะสนับสนุนและผลักดันให้เกิดความร่วมมือและผลลัพธ์ที่ดีต่อทั้งสองฝ่ายอย่างเต็มที่ และเชื่อว่า ทุกภาคส่วนในประเทศไทยก็พร้อมที่จะร่วมทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายและวิสัยทัศน์ ในการสร้างมิติใหม่ของ “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” รวมทั้งขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ที่ครอบคลุมรอบด้าน

โดยตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ตนได้เข้ามาดำรงตำแหน่งรองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ได้มีโอกาสร่วมสร้างความสัมพันธ์ไทย-จีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเห็นได้จากมูลค่าการค้าระหว่างประเทศไทยกับจีนตลอดทั้งปี 2565 ซึ่งจีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการค้ารวมถึง 3.69 ล้านล้านบาท ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.53 เมื่อเทียบกับปี 2564 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17.9 ของการมูลค่าการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดของไทย  นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีความตกลงทางการค้าที่ทันสมัยเชื่อมกับจีนในทุกระดับทั้งการยกระดับ เอฟทีเอ อาเซียน-จีน/ การบังคับใช้ความตกลง RCEP/ ไปจนถึงความตกลงระดับมณฑลและเมืองรองต่างๆ หรือ “mini FTA” ซึ่งปัจจุบันได้ลงนามทั้งสิ้น จำนวน 7 ฉบับ สำหรับสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น มีตั้งแต่มณฑลไห่หนาน มณฑลกานซู่ และมีกำหนดจะลงนามกับเมืองเซินเจิ้นในวันที่ 1 มีนาคม ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์มี ข้อตกลงความร่วมมือกับยูนนานที่ได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นกลไกสำคัญในการเร่งรัดและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าของทั้งไทยและจีนให้เติบโตยิ่งขึ้นไป 

“ด้วยศักยภาพและความเป็นปึกแผ่นของสมาชิกของหอการค้าไทย-จีน จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการผลักดันให้การจัดงานครั้งนี้สำเร็จลุล่วงได้อย่างที่ตั้งใจไว้  และขอให้การจัดการประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก หรือ WCEC ครั้งที่ 16 กลายเป็นเวทีแสดงศักยภาพความสามารถของประเทศในระดับสากล พร้อมต้อนรับนักธุรกิจชาวจีนโลก และสร้างความประทับใจในฐานะเจ้าภาพการจัดงานสืบไป”  นายจุรินทร์ กล่าว

สำหรับ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวเสริมว่า รัฐบาลจีนรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนร่วมในการจัดประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลกครั้งที่ 16 ในประเทศไทยในครั้งนี้ โดยพร้อมจะให้ความร่วมมือในการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดงาน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักธุรกิจจีนจากทั่วโลก ขณะเดียวกัน ก็พร้อมจะส่งเสริมและสนับสนุนให้นักธุรกิจจีนจากประเทศจีน ได้ออกไปลงทุนในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในประเทศไทยและในอาเซียน

ขณะที่ นายชัชชาติ  สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การจัดการประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก ครั้งที่ 16 ซึ่งจะมีนักธุรกิจชาวจีนจากทั่วโลกเข้าร่วมประชุมและมีครอบครัวหรือผู้ติดตามร่วมเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการกระตุ้มเศรษฐกิจให้หมุนเวียนในประเทศ และยังมุ่งหวังให้เกิดการท่องเที่ยวภายในย่านต่างๆอีกด้วย  นับเป็นโอกาสสำคัญอย่างยิ่งที่ได้เป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้มาเยือนและพัฒนาสู้การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจร่วมกัน  กรุงเทพมหานครยินดีให้การสนับสนุนเพื่อพัฒนาเมืองให้เจริญก้าวหน้า ต่อไป

ส่วน นายบุญยงค์ ยงเจริญรัฐ รองประธานหอการค้าไทย-จีน และประธานคณะกรรมการจัดประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก ครั้งที่ 16  กล่าวถึงความเป็นมาของ “เวทีประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก หรือ WCEC” ว่า การจัดประชุมดังกล่าวก่อตั้งขึ้นโดย หอการค้าและอุตสาหกรรมจีนสิงคโปร์  หอการค้าจีนฮ่องกง และ หอการค้าไทย-จีน และจัดประชุมครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1991 โดยจัดประชุมทุกๆ 2 ปี  การประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก ครั้งที่ 15 เป็นครั้งล่าสุดจัดขึ้นที่กรุงลอนดอน ในปี ค.ศ. 2019   เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิดที่ผ่านมา  ทำให้การจัดประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก เว้นห่าง เป็นเวลาถึง 4 ปี

ทั้งนี้ การจัดประชุม WCEC ครั้งที่ 16  นี้ กำหนดที่จะจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 24-26 มิถุนายน 2566  ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะจัดเป็นกิจกรรมแรกของ WCEC ภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย หอการค้าไทย-จีน ได้ออกหนังสือเชิญไปยังองค์กรธุรกิจที่สำคัญๆ ในโลก  เช่น สิงคโปร์  ฮ่องกง  มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน ลาว กัมพูชา เมียนมา มาเก๊า จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา สหรัฐฯ บราซิล  ดูไบ  เนเธอร์แลนด์ อิตาลี เยอรมนี อังกฤษ เป็นต้น  รวมถึง กลุ่มธุรกิจจีนรายใหญ่ และองค์กรภาคธุรกิจไทย 

ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดประชุม WCEC ดังกล่าว จะมีนักธุรกิจชาวจีน และนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเล  กว่า 2,000 คน  และคาดว่าจะมีผู้ติดตามรวมๆ 4,000 คน ร่วมเดินทางเยือนประเทศไทย จะมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย  สำหรับนักธุรกิจจีนและนักธุรกิจไทยเชื้อสายจีนที่อาศัยในประเทศไทย ประมาณ 1,000 คน จะเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้

“จากการรวมนักธุรกิจชาวจีนทั่วโลกเข้าด้วยกันและส่งเสริมการพัฒนาของนักธุรกิจชาวจีน  หอการค้าไทย-จีน ยังต้องการให้นักธุรกิจจีนทั่วโลกรู้จักประเทศไทยอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และบันทึกบทใหม่สำหรับความร่วมมือแบบวินวิน (win-win) เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของเศรษฐกิจไทยและเจริญก้าวหน้าของกิจการของนักธุรกิจจีน หอการค้าไทย-จีน ขอขอบคุณ หน่วยงาน/องค์กรทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ที่ให้การสนับสนุนการจัดประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก ครั้งที่ 16 นี้” นายบุญยงค์ ระบุ.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password