‘เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี’ ทรงฉลองพระองค์กิโมโนผ้าไทย สร้างกระแส Thai Kimono ในญี่ปุ่น

โครงการ “Thai Kimono Project” ผสานผ้าทอไทยกับศิลปะกิโมโนญี่ปุ่น เปิดตัวที่โตเกียว ได้รับความสนใจสูง ยอดสั่งซื้อทะลุ 1,000 ออเดอร์ หนุนมูลค่าผ้าไทยสู่ตลาดพรีเมียม สร้างรายได้ชุมชนอย่างยั่งยืน

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญา ทรงฉลองพระองค์ชุดกิโมโนผ้าไทย ภายใต้โครงการ “Thai Kimono Project” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ร่วมกับสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT และ บริษัท OMIYA จำกัดประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้มีการเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการ ณ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมาสร้างความปลาบปลื้มและได้รับความสนใจจากชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่ง

นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า โครงการความร่วมมือดังกล่าว เป็นการนำผ้าทอไทยภายใต้โครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ตามพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ซึ่งทรงมุ่งมั่นฟื้นฟูภูมิปัญญาการทอผ้าไทยอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ และส่งเสริมให้ช่างทอผ้าท้องถิ่นสร้างสรรค์ผลงานอย่างประณีต ภายใต้แนวคิดการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาผสานกับความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและการควบคุมคุณภาพกิโมโนของ บริษัท OMIYA จำกัด ที่มีอายุยาวนานกว่า 74 ปี ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับแนวหน้าของวงการกิโมโน ด้วยการนำลวดลายและผืนผ้าหลากหลายมาประยุกต์ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ร่วมสมัย ขณะเดียวกันยังคงรักษาแบบแผนดั้งเดิมตามมาตรฐานกิโมโนของญี่ปุ่นไว้อย่างครบถ้วน

สำหรับที่มาของความร่วมมือในการจัดทำกิโมโนผ้าไทยในครั้งนี้ นายฉันทพัทธ์ ปัญจมานนท์ อัครราชทูต (ฝ่ายการพาณิชย์) สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ได้กล่าวว่า “สืบเนื่องจากการเสด็จเยือนประเทศญี่ปุ่นของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อปีพ.ศ. 2524 ซึ่งได้ทรงทอดพระเนตรการจัดแสดงแฟชั่นที่นำผ้าไหมมัดหมี่ของไทยมาตัดเย็บเป็นชุดกิโมโน ปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงตั้งพระทัยสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานดังกล่าว ทางสำนักงานฯ จึงได้น้อมนำแนวคิดนี้มาฟื้นฟูและพัฒนาเพิ่มเติมให้เกิดเป็นการซื้อขายที่ยั่งยืน โครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับจากชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างดี โดยมียอดสั่งซื้อแล้วกว่า 1,000 ออเดอร์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 17.6 ล้านเยนซึ่งช่วยให้ผ้าไทยสามารถจำหน่ายได้ในปริมาณมากขึ้น และมีมูลค่าสูงขึ้นกว่าเท่าตัว เป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนช่างทอผ้าไทยอย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับพระราชดำริของพระองค์ที่ทรงมีปณิธาณมุ่งหวังให้ประชาชนชาวไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน”.






