กรมทรัพย์สินฯ ดันระบบฐานข้อมูลเพลง–ตัวแทนจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ ยกระดับบริหาร Music IP โปร่งใส ตรวจสอบได้

กรมทรัพย์สินทางปัญญาเร่งขับเคลื่อนระบบบริหารลิขสิทธิ์เพลงยุคใหม่ ผ่านฐานข้อมูลเพลงกว่า 14 ล้านรายการ และฐานข้อมูลตัวแทนจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ หวังลดปัญหาซ้ำซ้อน–แอบอ้าง พร้อมสร้างสมดุลผู้ถือสิทธิ–ผู้ใช้เพลง หนุนอุตสาหกรรมดนตรีไทยโตต่อจากมูลค่า 3,400 ล้านบาท ตามเทรนด์ Soft Power และ Big Quick Win ของกระทรวงพาณิชย์

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เผยข้อมูลรายงาน The IFPI Global Music Report 2024 ของสมาคมผู้บันทึกเสียงนานาชาติ หรือ International Federation of the Phonographic Industry (IFPI) ซึ่งระบุว่า อุตสาหกรรมเพลงไทยกำลังมาแรงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในปี 2567 มีมูลค่าตลาดกว่า 3,400 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึงร้อยละ 18.1 จากปีก่อนหน้า และขยับขึ้นสู่อันดับที่ 26 ของโลก สะท้อนศักยภาพของอุตสาหกรรมเพลงไทยในฐานะ Soft Power ที่ช่วยสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจและผลักดันศิลปินไทยก้าวสู่ตลาดโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ

กรมทรัพย์สินทางปัญญาจึงเดินหน้าส่งเสริมอุตสาหกรรมเพลงไทยอย่างจริงจังต่อเนื่อง โดยชูทรัพย์สินทางดนตรี (Music IP) เป็นหัวใจสำคัญของการสร้างรายได้ในยุคดิจิทัล และเตรียมพร้อมรับมือความท้าทายจากเทคโนโลยี AI และแนวโน้มของอุตสาหกรรมดนตรีสมัยใหม่ รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อเปิดโอกาสให้ศิลปินไทยสามารถสร้างรายได้จากผลงานของตนได้อย่างยั่งยืน โดยในปี 2568 กรมมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมเพลงไทยและศิลปินไทย อาทิ การร่วมจัดงานเทศกาลดนตรี “Bangkok Music City 2025” ซึ่งเป็นเวทีให้ศิลปินไทยได้แสดงผลงานและเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจดนตรีระดับโลก เพื่อส่งออกศิลปินไทยที่มีศักยภาพเข้าร่วมงานเทศกาลดนตรีระดับนานาชาติ และการจัดกิจกรรมเสวนา “จังหวะดนตรี จังหวะ IP” เพื่อต่อยอด Soft Power ด้วย Music IP เนื่องในวันทรัพย์สินทางปัญญาโลก รวมทั้งดำเนินการพัฒนาระบบฐานข้อมูลเพลง และฐานข้อมูลตัวแทนจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ เพื่อยกระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในยุคดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานยิ่งขึ้น
โดยเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน 2568 กรมได้เปิดให้บริการระบบฐานข้อมูลเพลงอย่างเป็นทางการ โดยมีฝ่ายผู้ถือสิทธิที่เห็นประโยชน์จากการใช้งานระบบดังกล่าว นำข้อมูลเพลงเข้าสู่ระบบแล้วเกือบ 14 ล้านเพลง แบ่งเป็นเพลงไทยประมาณ 5.7 แสนเพลง และเพลงสากลประมาณ 13.3 ล้านเพลง ช่วยให้ผู้ประกอบการ ร้านค้า หรือสถานบริการที่ต้องการใช้ประโยชน์จากงานเพลง สามารถเข้าถึงข้อมูลเจ้าของสิทธิและตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยมีผู้ใช้บริการค้นหาข้อมูลเพลงในระบบกว่า 4,200 ครั้ง สะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์ของระบบฐานข้อมูลที่ช่วยให้การตรวจสอบสิทธิและการใช้งานเพลงเชิงพาณิชย์ทำได้อย่างถูกต้อง โปร่งใส และลดข้อขัดแย้งทางกฎหมาย
นางอรมน กล่าวว่า เพื่อส่งเสริมให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถใช้ประโยชน์จากระบบฐานข้อมูลเพลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขยายฐานข้อมูลให้มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น กรมจึงเตรียมจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ “การใช้งานระบบฐานข้อมูลเพลง และฐานข้อมูลตัวแทนจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์” ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ผ่านระบบออนไลน์ ฟรี! โดยเป็นการอบรมฯ ให้กับฝ่ายผู้ถือสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน ผู้สร้างสรรค์ บริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ บริษัทจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ และตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจ เพื่อแนะนำ ขั้นตอนการใช้งานระบบฐานข้อมูลเพลง การนำเข้าข้อมูล รวมถึงกระบวนการขึ้นทะเบียนตัวแทนจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ผ่านระบบ Zoom ซึ่งออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยระบบฐานข้อมูลตัวแทนจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์จะมีส่วนสำคัญในการช่วยลดภาระการพิสูจน์ความถูกต้องของการมอบอำนาจ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการที่ใช้เพลงก็สามารถตรวจสอบข้อมูลของตัวแทนได้อย่างมั่นใจ นำไปสู่ระบบการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ที่มีมาตรฐาน เป็นธรรม ตรวจสอบได้ ช่วยลดข้อขัดแย้งระหว่างผู้ถือสิทธิและผู้ใช้งาน ซึ่งผู้สนใจสมัครเข้าร่วมอบรมการใช้งานระบบฐานข้อมูลเพลงและฐานข้อมูลตัวแทนจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ สามารถลงทะเบียนผ่านลิงก์ https://qr.ipthailand.go.th/QVayKlQr ภายในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองลิขสิทธิ์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร. 02-547-4704 หรืออีเมล์ copyright.office@ipthailand.go.th
สุดท้ายนี้ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เน้นย้ำว่า กรมจะยังคงมุ่งมั่นยกระดับงานบริการทรัพย์สินทางปัญญาผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสิทธิ และเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาอย่างยั่งยืน เพื่อเสริมแกร่งผู้ประกอบการไทยตามแนวทาง Big Quick Win ของกระทรวงพาณิชย์ต่อไป.






