พาณิชย์ผนึกห้างท้องถิ่นทั่วไทย จัดมหกรรมลดราคาสินค้าสูงสุดกว่า 60%

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดินหน้ามาตรการลดค่าครองชีพให้คนไทย จัดมหกรรมลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ “รวมพลังห้างท้องถิ่น ลดยิ่งใหญ่ ไทยช่วยไทย” พร้อมยกขบวนสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันลดราคาสูงสุดกว่า 60% ทั่วประเทศ ด้านตัวแทนเอกชน ชี้! คนละครึ่งช่วยแค่ระยะสั้น แนะรัฐต่อยอด พ่วงผุดมาตรการอื่นเสริมต่อเนื่อง

วันนี้ (20 ต.ค. 2568) นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงาน มหกรรมลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ “รวมพลังห้างท้องถิ่น ลดยิ่งใหญ่ ไทยช่วยไทย” (LOCAL Low COST) ว่า ความร่วมมือในวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่สนองนโยบายของ นายกรัฐมนตรี ในการช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสินค้าราคาประหยัด ลดภาระค่าครองชีพ ภายใต้กรอบของ คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ที่มุ่งเน้นการ ‘กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว และกระจายตัว’ เพื่อสร้างรายได้ ลดรายจ่าย และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งทั่วประเทศ อีกทั้งยังสอดรับกับ โครงการ “คนละครึ่งพลัส”

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ภายใต้กรอบ 7 นโยบาย 3 ยุทธศาสตร์เร่งด่วนของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ตอบโจทย์โดยตรงใน 2 ด้าน คือ การลดค่าครองชีพ และการพัฒนาเสริมแกร่งเอสเอ็มอี โดยการจัดมหกรรมในครั้งนี้เป็นการ รวมห้างท้องถิ่นทั่วประเทศกว่า 90 แห่ง มาจัดจำหน่ายสินค้าทั้งอุปโภค บริโภค ผลิตภัณฑ์ความงาม อาหารสัตว์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในราคาพิเศษ ลดสูงสุดถึง 60%

“และวันนี้เป็นวันแรกของการลงทะเบียนโครงการ ‘คนละครึ่งพลัส’ ตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งประชาชนทั่วไปและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถมาใช้สิทธิ์ได้ เพื่อให้การช่วยเหลือเข้าถึงคนทุกกลุ่มอย่างแท้จริง” นางศุภจี กล่าว
ภายในงานยังมีการ จำลองพื้นที่การขายสินค้าราคาพิเศษจากพันธมิตรหลายภาคส่วน อาทิ บูธห้างค้าส่ง–ค้าปลีกท้องถิ่น บูธผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่าย (Suppliers) บูธสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ที่นำเสนอสิทธิประโยชน์โครงการ OTOP AI Transformation บูธจาก SME D Bank นำเสนอสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษสำหรับผู้ประกอบการ และบูธสินค้าชุมชนจากจังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชา

รมว.พาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการจัดมหกรรมลดราคาครั้งนี้แล้ว กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยังเดินหน้า โครงการ “พี่เลี้ยงโชห่วย” เพื่อพัฒนาร้านค้าท้องถิ่นให้ก้าวสู่ “สมาร์ทโชห่วย” ที่มีภาพลักษณ์ทันสมัย ใช้เทคโนโลยีบริหารจัดการ และขยายช่องทางขายออนไลน์ โดยได้รับความร่วมมือจาก ห้างค้าปลีกท้องถิ่น ที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและส่งต่อสินค้าราคาดีให้ร้านโชห่วยรายย่อย

“เราทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร เช่น DEPA เพื่อ Upskill/Reskill ผู้ประกอบการรายย่อย และร่วมกับ SME D Bank เพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งทุน สิ่งเหล่านี้คือพลังแห่งความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และสมาคม ที่จะทำให้เศรษฐกิจฐานรากเติบโตได้อย่างยั่งยืน” รมว.พาณิชย์ กล่าว
ด้าน นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ค้าขายของโชห่วยทั่วประเทศ ว่า ผู้ประกอบการโชห่วยทั่วประเทศกว่า 4 แสนราย เริ่มอ่อนแรงและรายได้ติดลบต่อเนื่องมาหลายเดือน จากกำลังซื้อและความไม่เชื่อมั่นต่อรายได้ในอนาคต รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เป็นปัจจัยลบต่อจิตวิทยาการใช้จ่ายและกำลังซื้อหดตัว อีกทั้งได้รับผลกระทบจากการค้าผ่านแพลตฟอร์มระบบออนไลน์ ที่เข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาดของค้าส่งค้าปลีกเอสเอ็มอี และเป็นประเด็นที่อยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแลเพื่อประคองทายาทรุ่นใหม่และสนับสนุนการทำออนไลน์ควบคู่ไปด้วย

สำหรับ โครงการคนละครึ่งพลัส เป็นเรื่องที่ดีระยะสั้นต่อการกระตุ้นใช้จ่ายและเพิ่มรายได้โชห่วย และมองว่าเป็นการใช้งบประมาณที่จะให้ผลดีต่อระบบเศรษฐกิจมากกว่าการใช้เงินกว่า 2 แสนล้านบาทในครั้งก่อน แม้ในแง่ ผู้ประกอบการ ภายใต้โครงการคนละครึ่งพลัสจะให้ประโยชน์กับโชห่วยหรือผู้ค้าที่ไม่ได้อยู่ในระบบนิติบุคคล ส่วนที่อยู่ในระบบนิติบุคคลจะได้รับประโยชน์จากการเป็นร้านธงฟ้า ซึ่งจะรองรับการใช้จ่ายของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ได้รับเงินกระตุ้นเศรษฐกิจคนละ 1,700 บาท อย่างไรก็ตาม การเติมเงินเข้าระบบเศรษฐกิจไม่ว่ารูปแบบใดก็ทำให้ผู้ค้าและประชาชนยิ้มได้มากขึ้น และคนละครึ่งพลัสจะเป็นส่วนที่ทำให้ค้าปลีกว่าจะติดลบจากรายได้หดตัวกว่า 20-30% ให้ตีกลับไม่ให้ตัวเลขค้าปลีกทั้งปีติดลบ

“คนละครึ่งพลัส เริ่มใช้จ่าย 29 ตุลาคมถึงสิ้นธันวาคม 2568 เท่านั้น มองว่าเสมือนเป็นยาแก้ปวดอาการฝืดชั่วคราว และใกล้เทศกาลปีใหม่จะช่วยให้ระบบค้าปลีกมีบรรยากาศที่คึกคัก ดูจากยอดประชาชนลงทะเบียนคนละครึ่งพลัสวันแรก ตัวเลขถล่มถลาย สะท้อนว่าคนต้องการเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ดังนั้น การจะฟื้นกำลังซื้อและเศรษฐกิจต่อเนื่อง รัฐบาลต้องออกมาตรการช่วยเหลือต่อเนื่อง โดยเอาฐานข้อมูลจากโครงการครั้งนี้ นำไปประมวลและออกมาตรการช่วยเหลือให้ตรงกลุ่มและตรงจุดประสงค์ เช่น มาตรการลดหย่อนภาษี ซอฟต์โลนปลอดดอกเบี้ยให้รายย่อยและสร้างผู้ค้ารายย่อยใหม่ๆ เพื่อให้เกิดอาชีพสำหรับผู้ที่ตกงานหรือรายได้เสริมของแรงงาน เหมือนการรักษาอาการต่อเนื่อง และมีอาการที่แตกต่างกัน ถ้ารัฐบาลใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ลงทะเบียนออกวิธีการช่วยเหลือที่เหมาะสม ก็จะง่ายต่อการทำให้ผู้ประกอบการอยู่ได้และสร้างรายได้ผู้ค้าขายได้มั่นคงขึ้น และอีกเรื่องที่รัฐบาลต้องเร่งดูแล คือ ผลักดันราคาพืชไร่ ที่เป็นกลุ่มใช้จ่ายเงินต่อเนื่อง วันนี้ราคาพืชไม่ดี กำลังใช้จ่ายในต่างจังหวัดก็ไม่ดีตาม” นายสมชาย กล่าว

ส่วนกรณีประชาชนลงทะเบียนคนละครึ่งพลัสจำนวนมากเกินคาดการณ์ไว้ นั้น เห็นด้วยไหมหากรัฐบาลเพิ่มจำนวนผู้รับสิทธิ หรือต่อโครงการเฟส2 นายสมชาย กล่าวว่า เชื่อว่าทั้งผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนก็ต้องการให้รัฐบาลกระจายให้ครบทุกกลุ่ม แต่จะต่อเฟสสอง คงต้องอยู่ที่งบประมาณรัฐบาลว่าเพียงพอหรือไม่ หรือ ปรับงบประมาณปี 2569 มาใช้ต่อเนื่องได้เลย
สำหรับงาน มหกรรมลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ “รวมพลังห้างท้องถิ่น ลดยิ่งใหญ่ ไทยช่วยไทย” ครั้งนี้ มีผู้ประกอบการห้างค้าส่ง–ค้าปลีกท้องถิ่นกว่า 90 ราย 800 สาขา ครอบคลุม 77 จังหวัด เข้าร่วมงานฯ โดยจัดทั่วประเทศ เริ่ม 1–15 พฤศจิกายนนี้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนส่งเสริมธุรกิจการค้า กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สายด่วน 1570 โทรศัพท์หมายเลข 0 2547 5986 และ www.dbd.go.th.