วัดใจ? ‘ท่อก๊าซ!’

“นายกฯอนุทิน” เคยประกาศ “ตัดวงจร” มะเร็งร้ายเศรษฐกิจ! มีหลายเรื่องรอการพิสูจน์? หนึ่งในนั้น คือ “ท่อแก๊ส” ที่เอกชน “ฮุบ” เอาไปหาประโยชน์! การคืนหรือไม่คืนท่อก๊าซ??? ย่อมสะท้อน “ภาวะผู้นำ” และความหาญกล้าในทางการเมือง หาก “รัฐบาลและทีมเศรษฐกิจ” แสดงความกล้าหาญ มุ่งสู่นโยบาย “กระตุ้นสั้น – กระจายกว้าง – ได้ผลยาว” พวกเขาก็จะสร้างได้ครบ! พรวิเศษทั้ง 3 ประการ (เช็คอ่านได้เลย!!??)

เมื่อ 2 วันก่อน (8 ตุลาคม 2568) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เพิ่งไปประกาศกลางวงสัมมนาเศรษฐกิจ “The Future Direction of Thailand : เมื่อโลกเปลี่ยน…ประเทศไทยไปทางไหน?” 

โดยเฉพาะหัวข้อที่ต้องขึ้น กล่าวปาฐกถาพิเศษ “Reset โครงสร้างประเทศ Recover เศรษฐกิจไทย”

หนึ่งในนั้น คือ การแก้ปัญหาภัยสังคมและการทุจริตอย่างจริงจัง ผ่านการ บูรณาการของหน่วยงานรัฐตามหลักนิติธรรม โปร่งใส และเป็นธรรม 

นายกฯอนุทิน ย้ำว่า…กฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์และไม่เลือกปฏิบัติ เพราะการคอร์รัปชันเป็นต้นทุนแฝงที่บั่นทอนระบบเศรษฐกิจ 

และยิ่งประเทศไทย กำลังก้าวเข้าสู่การเป็น สมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ยิ่งต้องเร่งที่จะยกระดับกระบวนการยุติธรรมให้เป็นมาตรฐานสากล โดยเร็ว…

เป็นคำพูดที่สวยหรู แต่หากนำไปเปรียบเทียบกับข้อเรียกร้องที่มีมายาวนานเรื่อง “การทวงคืนท่อแก๊ส” จาก ปตท. กับการดึงเอา คนของ ปตท. อย่าง…นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ อดีต CEO ปตท. มานั่งเก้าอี้ “รมว.พลังงาน” เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน 2568

ก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่า…นายกฯอนุทิน รู้หรือไม่รู้??? คิดหรือไม่คิด??? กับแนวทาง การทวงคืนท่อแก๊ส” จาก ปตท. ของภาคประชาชนและผู้บริโภค, ภาควิชาการและนักกฎหมาย และภาคการเมืองและเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่

การมาของ นายอรรถพล และมีตำแหน่งเป็นถึง “รมว.พลังงาน” นั้น จะส่งผลกระทบต่อแผนการข้างต้นหรือไม่? อย่างไร?

เพราะไม่ว่าจะเป็นภาคีเครือข่ายไหน? พวกเขา… ต่างมีเป้าหมายร่วมกัน นั่นคือ ต้องการให้ “ท่อก๊าซ” กลับมาอยู่ในความครอบครองของรัฐ

และให้…ภาครัฐทำการจัดเก็บค่าผ่านท่อโปร่งใสและเป็นธรรม

ด้วยหวังว่า…สิ่งนี้ จะย้อนกลับมาช่วย “ลดภาระค่าไฟ” ของประชาชน ที่เกิดจากต้นทุนผูกขาดในระบบพลังงาน

การเคลื่อนไหวของคนกลุ่มเกิดขึ้นมาเมื่อเกือบ 20 ปี และพวกเขายังคงต่อสู้มาจนถึงทุกวันนี้

หน่วยงานอย่าง…สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.), มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.), นักวิชาการและกลุ่มพลังงานภาคประชาชน, นักกฎหมายและเครือข่ายผู้ฟ้องร้องคดีต่อศาลปกครอง, ภาคการเมืองบางส่วนและอดีต ส.ส. ฝ่ายตรวจสอบ และ เครือข่ายประชาชนด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม

คือ “แนวหน้า” ของแนวรบในการ “ทวงคือท่อแก๊ส” ณ วันนี้…

โดยเฉพาะ สภาองค์กรของผู้บริโภค และ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ที่เพิ่งจะ ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 และสำเนาถึง…คณะรัฐมนตรี (ครม.), รมว.พลังงาน และ รมว.คลัง

โดยข้อให้ นายกรัฐมนตรี บังคับบัญชาให้มีการแบ่งแยกสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่อยู่ในการครอบครองของ บมจ. ปตท. คืนให้แก่กระทรวงการคลังให้ครบถ้วน ตามคำพิพากษา และมติ ครม.

ก่อนหน้าและหลังวันประกาศ…จะจัดการ “ปัญหาคอร์รัปชั่น” เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา ดูเหมือนจะไม่มีความคืบหน้าใดๆ ออกมาจากปากของนายกรัฐมนตรี!!??

หรืออาจคงเพราะ…ยังกังวลใจเกี่ยวกับ “เส้นตาย 10 ต.ค.” ที่ ฝ่ายปกครองและฝ่ายความมั่นคงของไทย บังคับให้ทางการกัมพูชา ต้องเคลื่อนย้ายประชาชนของตัวเอง ออกไปจากแผ่นดินไทย???

กระนั้น สำนวนโบราณ “คำพูดมักเป็นนายเสมอ!!!” ก็ยังจะคงมนต์ขลังและยิ่ง “คนพูด” มีดีกรีเป็นถึง “ผู้นำประเทศ” (นายกรัฐมนตรี) ดังนั้น คำประกาศว่าจะ “ต่อสู้” กับปัญหาการคอร์รัปชัน อาจไม่ใช่เรื่องที่ “ใครพูดอะไร” แต่คือ “ใครอยู่ตรงไหน” ในโครงสร้างผลประโยชน์เดิม???

เพราะถ้าเปรียบประเทศนี้เป็นร่างกาย มะเร็งทางเศรษฐกิจ…อาจไม่ได้เกิดจาก “ไวรัส – ภายนอก” แต่อยู่ในเซลล์ที่รัฐเองหล่อเลี้ยงมาโดยไม่รู้ตัว!!!

ประเด็น “ท่อก๊าซ ปตท.” ที่สังคมกำลังพูดถึง! คือ “ภาพย่อ” ของปัญหานี้ทั้งหมด ท่อก๊าซเหล่านี้ ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ยุค “โชติช่วงชัชวาล” ของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ โดยใช้ งบประมาณแผ่นดิน เพื่อสร้างระบบพลังงานของชาติ

ไม่ว่าจะเป็น…ท่อในทะเลที่ขนก๊าซจากอ่าวไทยขึ้นฝั่ง และ ท่อบนบกที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ในเวลานั้นยังไม่แปรรูป) เป็น “ผู้ลงทุนเสริม” ในเวลาต่อมา

ทั้งหมดมันคือ…โครงสร้างพื้นฐานที่เกิดจากภาษีประชาชนโดยตรง!!!

แต่เมื่อมีการ แปรรูป ปตท. เข้าตลาดหลักทรัพย์ในช่วงปี 2544ท่อก๊าซเหล่านี้…กลับถูกนับรวมเป็นสินทรัพย์ของบริษัทเอกชน ทั้งที่ควรเป็นของรัฐ และที่ซับซ้อนกว่านั้น ก็คือ ปตท. ยังใช้ท่อเหล่านี้คิด “ค่าผ่านท่อ” กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ และโรงไฟฟ้าเอกชน

ทั้งที่…ต้นทุนการก่อสร้างได้ถูก “หักค่าเสื่อม” จนเกือบหมดแล้วในปัจจุบัน

ดังนั้น การจะนำสิ่งนี้ มาเป็นต้นทุนรวม เพื่อคำนวณคิดค่าไฟฟ้าเอากับประชาชน ที่ต้องจ่ายในทุกบาททุกสตางค์นั้น…ย่อมจะมีส่วนผสมของ “ค่าผ่านท่อ” ที่ไม่โปร่งใสอยู่นั่นเอง!!!

ศาลปกครองสูงสุด เคยมีคำพิพากษาให้ ปตท. คืนทรัพย์สินบางส่วนที่เป็นของรัฐไปแล้ว แต่การดำเนินการจริง! กลับเงียบหายเหมือนเสียงท่อใต้ดินที่ยังส่งพลังงานอยู่ทุกวัน แต่ไม่มีใครรู้ว่า…

ใครคือเจ้าของตัวจริง!!??

และนั่นคือ สาเหตุที่ทำให้ภาคประชาชน โดยเฉพาะ สภาองค์กรของผู้บริโภคและมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ออกมาเรียกร้องให้ “รัฐบาลใหม่” กล้าที่จะเปิดฝาท่อแห่งนี้ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า…

รัฐบาลนี้จะอยู่ข้างประชาชนจริงหรือไม่???

นายกรัฐมนตรี พูดถูก!คอร์รัปชัน คือ มะเร็งของระบบเศรษฐกิจไทย แต่ถ้าเรามองให้ลึก? มะเร็งที่ว่านี้…ไม่ใช่ “การเรียกรับสินบน – แบบเก่า” แต่มันคือ “การคอร์รัปชันเชิงโครงสร้าง” ที่ “รัฐ” กับ “ทุนเอกชน” กลายเป็นเนื้อเดียวกันจนแยกไม่ออก

การแต่งตั้ง…อดีต CEO ปตท. มาเป็น “รมว.พลังงาน” ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า…มันคือความ “ผิดปกติ!!!” หรือไม่??? แต่ก็ทำให้…คนบางส่วน? ของ “สังคมไทย” อดคิดไม่ได้! ถึง “ภาพสะท้อน” ของอาการติดเชื้อมะเร็งร้าย

นั่นเพราะ…คนที่เคยอยู่ใน โครงสร้างที่ต้องถูกตรวจสอบ กลับกลายเป็น “ผู้มีอำนาจ” ในการกำกับดูแลคนอื่นในโครงสร้างเดิม กลายเป็น…ภาพจำลองของ “วงจรอำนาจ” ที่ไม่เคยถูกตัดขาดได้จริง!!??

แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง “รัฐบาลอนุทิน” ในเวลานี้ ก็มี “โอกาสทอง” ที่จะ “ใช้ความย้อนแย้งให้กลายเป็นพลัง” ถ้ากล้าที่จะ “เริ่ม…ปฏิรูปพลังงาน” จากภายในจริง ๆ

การคืนท่อก๊าซให้กับภาครัฐ! อาจกลายเป็น…นโยบายเชิงสัญลักษณ์ ที่เปลี่ยน “สมการทางเศรษฐกิจ” ได้ทันที!!!

เพราะมันคือ…การคืน “ของหลวง” ให้กับประชาชน โดยไม่ต้องใช้ “งบประมาณเพิ่ม” แถมยังเป็นการทวงคืน “ความเชื่อมั่นและศักดิ์ศรีทางเศรษฐกิจ” ให้รัฐบาล อีกด้วย

หาก รัฐบาล ภายใต้การนำของ “นายกฯอนุทิน” จะเลือกเดินไปข้างหน้าอย่างจริงจัง เชื่อว่า…ก็น่าจะได้ประโยชน์ (พรอันวิเศษ) 3 ประการ ดังนี้…


หนึ่ง “กระตุ้นสั้น” เพราะประชาชนจะเห็นผลในบิลค่าไฟงวดหน้าในทันที

สอง “กระจายกว้าง” เพราะทุกครัวเรือนจะได้ประโยชน์ และได้พร้อมกันทั่วประเทศ

และ สาม “ได้ผลยาว” เพราะสิ่งนี้…จะช่วยเสริมสร้าง “รากฐานธรรมาภิบาล” ในระบบพลังงาน อย่างถาวร ตรงตามเงื่อนไข ที่…รัฐบาลไทยทำเอาไว้ก่อนจะเข้าเป็นสมาชิกของ OECD

แต่หาก รัฐบาลเลือกทำแบบ “เสียไม่ได้”  ด้วยการ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด ทำท่าจะตรวจสอบแต่ปล่อยให้จบแบบเดิม หรือแค่ปรับเล็กน้อยเพื่อให้ดูมีความคืบหน้า

สิ่งที่จะตามมา คือ ความเสียหายเชิงศรัทธาที่ร้ายแรงกว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ!!!

เพราะประชาชนจะมองว่า…นโยบายปราบคอร์รัปชัน เป็นเพียง “เครื่องมือ” ทางการเมือง ไม่ใช่ความตั้งใจจริง แต่อย่างใด?

ในทางเศรษฐกิจ ถ้า…รัฐบาลไม่แตะโครงสร้างค่าผ่านท่อเลย “ระบบพลังงาน” จะยังคงเป็น “ตลาดผูกขาดที่รัฐค้ำให้เอกชน” และ ต้นทุนค่าไฟของประเทศจะไม่มีวันลดลงจริง!!!

การแข่งขันด้านพลังงานสะอาด…ก็จะไม่เกิด??? เพราะต้นทุนจากก๊าซ ยังเป็น “ตัวล็อกระบบ” ไว้ทั้งหมด

รัฐจะกลายเป็น “ผู้บริหารความแพง” แทนที่จะเป็น “ผู้สร้างความยั่งยืน”

ในทางการเมือง หาก…รัฐบาลเลือกที่จะเงียบ! ผลลัพธ์ ก็คือ…ความไม่ไว้วางใจที่สะสมในใจคน

เมื่อถึงเวลาที่…เศรษฐกิจถดถอย หรือต้นทุนพลังงานพุ่งขึ้นอีกครั้ง! คำว่า “ปราบคอร์รัปชัน” จะย้อนกลับมาเป็น…อาวุธทางการเมืองของฝ่ายตรงข้ามทันที

และประชาชนก็จะถามกลับว่า… “ทำไมถึงปล่อยให้ของหลวงยังอยู่ในมือของกลุ่มทุนผูกขาด!!!”

แต่หาก…รัฐบาล กล้าที่จะ “เริ่มต้น” จากเรื่องนี้จริง! ไม่เพียงสร้างความเชื่อมั่นภายในประเทศ แต่ยังส่งสัญญาณเชิงบวกต่อต่างชาติ ว่า… ประเทศไทยกำลังยกระดับธรรมาภิบาลอย่างเป็นรูปธรรม

นักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ จะเกิดความเชื่อมั่นต่อระบบและกติกาที่มี มากกว่า “การเอื้อประโยชน์เฉพาะกลุ่ม”

และใน…ระยะยาว ประเทศไทย ก็จะมีโอกาส “ปรับตัว” เข้าสู่ “ระบบพลังงานสะอาด” ที่เป็นธรรมมากกว่า

สิ่งที่รัฐบาล…ควรต้องเร่งทำเสียแต่ตอนนี้ ไม่ใช่แค่การ “พูดให้ดี” แต่ต้อง “ทำให้เห็น!!!”

เพราะใน โลกที่ข้อมูลเดินเร็วกว่าเสียงปรบมือ? ประชาชนสามารถจับสัญญาณได้ว่า “ผู้นำ” กำลังพูดจากใจหรือจากสคริปต์

ถ้า “นายกฯอนุทิน” จะพูดเรื่องมะเร็งทางเศรษฐกิจ อีกครั้ง! ก็หวังใจว่า…เขาจะพูดพร้อมกับ รายชื่อคณะกรรมการตรวจสอบท่อก๊าซ และกำหนดกรอบเวลาคืนทรัพย์สินรัฐ ให้ชัดเจน???

ท้ายที่สุด! บางที “ท่อก๊าซ” อาจไม่ใช่เพียงเรื่องของพลังงาน แต่มันคือ…เส้นเลือดที่ชี้ให้เห็นว่า ระบบเศรษฐกิจไทย…กำลังสูบฉีดด้วยอะไร???

ความกล้าหรือความกลัว??? และ ผลประโยชน์ส่วนตัว(กลุ่ม) หรือ ผลประโยชน์ส่วนรวม!!!

รัฐบาลนี้…ยังมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ทางหนึ่ง…คือ เดินตามรอยเดิม ปล่อยให้ท่อก๊าซเป็นสัญลักษณ์ของความนิ่งเฉย

อีกทาง คือ…ใช้มันเป็น “จุดเริ่มต้น” ของการปฏิรูปอย่างแท้จริง

เพราะถ้า “มะเร็งทางเศรษฐกิจ” คือ…โรคร้าย??? การคืนท่อก๊าซ ก็คือ…ยารักษาที่เห็นผลเร็วที่สุด!!!

คำถามสุดท้าย จึงไม่ใช่ว่า…“ใครพูดเรื่องคอร์รัปชันได้ไพเราะกว่ากัน” แต่คือ “ใครกล้ารักษาโรคนี้ แม้มันฝังอยู่ในอวัยวะของตัวเอง” ก็ตาม

เรื่องพรรค์นี้…ทั้ง “นายกฯอนุทิน” และ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในฐานะ “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ในยุค รัฐบาล 4 เดือน ที่เคยประกาศจะใช้ “เศรษฐกิจนำการเมือง” ก็น่าจะคิดได้ และรู้ว่า…

พวกเขาควรต้องทำอะไรต่อไป!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password