DITP ชี้เป้า ‘ขายอาหารสัตว์เลี้ยง’ เจาะตลาดอิตาลี งัดกลยุทธ์ ‘ผ่านออนไลน์ – นำสินค้าเปิดตัวงานแฟร์’

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผย! ผลสำรวจตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในอิตาลี ชี้! แนวโน้มพุ่ง เหตุคนนิยมเลี้ยงสัตว์อย่างน้อย 1 ตัว ระบุ! ไทยมีโอกาสขยับตำแหน่งตลาดจากลำดับที่ 4 แนะกลยุทธ์เด็ด! ผู้ส่งออกไทยยึดปฏิบัติตามระเบียบสหภาพยุโรป เข้มฉลาก คุณภาพ ความปลอดภัย พร้อมใช้ช่องทางออนไลน์ทำตลาด พ่วงร่วมเปิดตัวแบรนด์ในงานแสดงสินค้า

น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯได้มอบนโยบายให้ “ทูตพาณิชย์” ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้า และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุด ได้รับรายงานจาก น.ส.อนงค์นารถ มหาสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน อิตาลี ถึงการสำรวจตลาดสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงในอิตาลี และโอกาสในการขยายตลาดส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยเข้าไปจำหน่าย
ทั้งนี้ “ทูตพาณิชย์” ได้รายงานว่า ในปี 2567 อิตาลีมีสัตว์เลี้ยงประมาณ 65 ล้านตัว โดย ปลาเป็นสัตว์เลี้ยงที่พบมากที่สุด รองลงมา คือ นก แมว และสุนัข โดยข้อมูลจาก รายงาน Assalco-Zoomark และ Eurispes ชี้ว่า 37.3% ของชาวอิตาเลียนมีสัตว์เลี้ยงอย่างน้อยหนึ่งตัว โดยภาคใต้เป็นภูมิภาคที่มีสัตว์เลี้ยงมากที่สุด สุนัขและแมวเป็นสัตว์ยอดนิยม และคนอิตาเลียนส่วนใหญ่มองว่าสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัว ความผูกพันทางอารมณ์สะท้อนผ่านการดูแลเอาใจใส่ และพฤติกรรมพิเศษ เช่น การสื่อสารเฉพาะกับสัตว์ และค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์เลี้ยงยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเน้นด้านอาหาร สุขภาพ และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เป็นหลัก

สำหรับ มูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงในอิตาลี ปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 6.8 พันล้านยูโร โดย 64% เป็นอาหารสัตว์เลี้ยง และตลาดมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากความต้องการดูแลสัตว์เลี้ยงแบบองค์รวม โดยเฉพาะ บริการดูแลสุขภาพ ขณะเดียวกัน ตลาดอาหารแมวและสุนัขขยายตัว และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสม 9.8% ในช่วงปี 2564–2567 โดย อาหารเปียกยังคงเป็นกลุ่มสินค้ามูลค่าสูงที่สุด ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายหลัก คือ ซูเปอร์มาร์เก็ต และ ภูมิภาคที่สร้างรายได้สูงสุด คือ ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ส่วน รายได้จากอาหารสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ และสินค้าดูแลสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า

ทางด้าน การนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงของอิตาลี ในปี 2567 มีการนำเข้ามูลค่า 1,616.33 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.74% โดย ไทยเป็นแหล่งนำเข้าอันดับที่ 4 มูลค่า 155.38 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 40.59% ส่วนช่วง 5 เดือน ปี 2568 (ม.ค.-พ.ค.) อิตาลีนำเข้าร่วมมูลค่า 592.83 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 14.87% และ ไทยยังคงเป็นแหล่งนำเข้าอันดับที่ 4 ของอิตาลี มีการนำเข้าจากไทยมูลค่า 72.10 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12.25% ในขณะที่ แหล่งนำเข้าสำคัญอื่น ๆ ของอิตาลีส่วนใหญ่มีมูลค่าลดลง ส่วนใหญ่เป็นประเทศในยุโรป ทั้งในหมวดอาหารสุนัขและแมว รวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ยกเว้นโปแลนด์ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น

ขณะที่ ช่องทางการจำหน่าย พบว่า ช่องทางออนไลน์มีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 2567 มูลค่าตลาดสินค้าและอาหารสัตว์เลี้ยงผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซในอิตาลีอยู่ที่ 259.23 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 7.0% โดย เว็บไซต์ยอดนิยม ได้แก่ Zooplus, Arcaplanet และ Bauzaar เป็นต้น ทั้งนี้ Arcaplanet ได้ร่วมมือกับแอปพลิเคชัน Glovo สำหรับการจัดส่งสินค้าที่ได้รับความนิยมในอิตาลีเพื่อให้บริการจัดส่งภายใน 30 นาที ในหลายเมืองหลักของอิตาลี และเจ้าของสัตว์เลี้ยงยังนิยมซื้อสินค้าผ่านร้านค้าปลีกเฉพาะทางและช่องทางออนไลน์ โดย ตลาดสินค้าสูตร grain-free ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และซูเปอร์ฟู้ด มีแนวโน้มเติบโต ด้านอาหารทางเลือกใหม่อย่างโปรตีนจากแมลงเริ่มมีความสนใจเพิ่มขึ้น
น.ส.สุนันทา กล่าวอีกว่า การเข้าสู่ตลาดอิตาลี ผู้ผลิตอาหารสัตว์จำเป็นต้องปฏิบัติตามระเบียบของสหภาพยุโรป (EC) หมายเลข 767/2009 อย่างเคร่งครัด ซึ่งครอบคลุมถึงการติดฉลาก การตลาด ความปลอดภัย บรรจุภัณฑ์ และการห้ามกล่าวอ้างสรรพคุณทางยา เพื่อให้แน่ใจว่าผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง
นอกจากนี้ ในการเข้าสู่ตลาดจะต้องปรับกลยุทธ์ด้านต้นทุน การสร้างมูลค่าแบรนด์ เพราะต้องสู้กับสินค้า Made In Italy มีภาพลักษณ์พรีเมียมและมาตรฐานความปลอดภัยสูง และ ขยายช่องทางออนไลน์ในการทำตลาด รวมทั้ง ต้องเข้าร่วมงานแสดงสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอาหารสัตว์เลี้ยงในอิตาลี อาทิ งานแสดงสินค้า Zoomark ที่จัดขึ้นทุก 2 ปี ณ ศูนย์แสดงสินค้า Bologna เมืองโบโลญญา โดยในปี 2568 งาน Zoomark มีผู้เข้าร่วมเพิ่มขึ้น 23% ผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอครอบคลุมตั้งแต่อาหารสัตว์ วัสดุรีไซเคิล อุปกรณ์ไฮเทค ไปจนถึงอาหารและอุปกรณ์สำหรับสัตว์แปลก และจะมีการจัดงานครั้งต่อไปในเดือน พ.ค.2570
สำหรับ ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169.