ธนารักษ์ ‘อัพ’ ที่ราชฯ สู่ Landlord Sharing – ดึง สธ.เพิ่มบริการทางการแพทย์ให้คนไทยทั่วประเทศ

กรมธนารักษ์พลิกบทบาทจาก “ผู้ดูแล” สู่ “ผู้ขับเคลื่อน” ที่ราชพัสดุ 12.6 ล้านไร่ ดึงบางพื้นที่ร่วมโครงการ Landlord Sharing พร้อมเปิดตัวใหญ่ มุ่งยกระดับการบริหารที่ดินรัฐ รองรับภารกิจด้านสังคม ย้ำ! เอกชนใช้พื้นที่ 30 ปี ต้องจ่ายผลตอบแทน ROA ต่อปี 3% ก่อนร่วมสำนักงานปลัดสาธารณสุข ลงนาม MOU เดินหน้าเพิ่มบริการสาธารณสุขมอบให้คนไทยทั่วประเทศ

เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ พร้อม คณะผู้บริหารกรมธนารักษ์ ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ Landlord Sharing มอบอำนาจให้ส่วนราชการดำเนินการจัดหาประโยชน์ในที่ราชพัสดุ โดยมีเป้าหมายเพื่อ สนับสนุนโครงการด้านสังคมและเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ พร้อมกันนี้ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง เรื่องการมอบอำนาจให้ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดหาประโยชน์ในพื้นที่ที่อยู่ในความครอบครอง โดยมี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมลงนาม นับเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงพลังความร่วมมือเพื่อวางรากฐานการพัฒนาระบบสาธารณสุขในระยะยาว

เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ พร้อม คณะผู้บริหารกรมธนารักษ์ ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ Landlord Sharing มอบอำนาจให้ส่วนราชการดำเนินการจัดหาประโยชน์ในที่ราชพัสดุ โดยมีเป้าหมายเพื่อ สนับสนุนโครงการด้านสังคมและเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ พร้อมกันนี้ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง เรื่องการมอบอำนาจให้ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดหาประโยชน์ในพื้นที่ที่อยู่ในความครอบครอง โดยมี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมลงนาม นับเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงพลังความร่วมมือเพื่อวางรากฐานการพัฒนาระบบสาธารณสุขในระยะยาว

ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “VALUE” จากสินทรัพย์ที่ถูกมองข้ามสู่พลังขับเคลื่อนประเทศ

นายเอกนิติ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีที่ราชพัสดุรวมกว่า 12.6 ล้านไร่ แต่กว่า 10 ล้านไร่ หรือร้อยละ 90 อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการ โดยบางพื้นที่ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ ส่งผลให้ประเทศสูญเสียโอกาสในการพัฒนา เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดดังกล่าว กรมธนารักษ์จึงพลิกบทบาทจาก “ผู้ดูแล” สู่ “ผู้ขับเคลื่อน” ผ่านโครงการ Landlord Sharing ซึ่งเป็นการนำที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาพัฒนาภายใต้โครงการเชิงสังคม เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ สร้างรายได้ เพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน ลดภาระงบประมาณแผ่นดิน ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน  โดยกรมธนารักษ์ได้จัดทำหลักเกณฑ์มอบอำนาจให้หน่วยงานที่ครอบครองที่ราชพัสดุสามารถดำเนินการใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ภายใต้กรอบการกำกับที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และลดขั้นตอนทางราชการ

หัวใจสำคัญของโครงการนี้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ VALUE ที่มุ่ง สร้างคุณค่า (Value Creation) และ แบ่งปันคุณค่า (Value Sharing) ผ่านการใช้ทรัพย์สินของรัฐให้เกิดประโยชน์รอบด้าน ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ, การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน, การเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และการสนับสนุนบริการสาธารณะที่จำเป็น อธิบดีกรมธนารักษ์ ระบุ

ปลดล็อกศักยภาพที่ราชพัสดุเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ในการขับเคลื่อนโครงการ Landlord Sharing กรมธนารักษ์ได้จัดทำหลักเกณฑ์และคุณสมบัติที่ชัดเจนเพื่อเป็นกรอบการทำงานที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้น สนับสนุนโครงการเชิงสังคมที่อยู่ภายใต้ภารกิจตามกฎหมายของหน่วยงาน รวมถึง โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือชุมชนโดยรอบ มีเงื่อนไขสำคัญ ดังนี้

1. เป็นโครงการเชิงสังคมด้านสาธารณสุข ด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต

2. โครงการต้องเป็นไปตามภารกิจและกฎหมายของส่วนราชการนั้นๆ

3. ไม่เป็นโครงการภายใต้กฎหมาย PPP และการจัดสวัสดิการเชิงธุรกิจ

4. เปิดประมูลให้เอกชนพัฒนาโครงการและจัดสรรพื้นที่ตามโครงการให้ส่วนราชการใช้ในราชการ
5. ดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีตามกฎหมายที่ราชพัสดุและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

6. นำส่งรายได้จากการให้เอกชนเช่าที่ราชพัสดุนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน

7. มีมาตรการกำกับและควบคุมราคาค่าบริการที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับประชาชน

8. รายงานผลการดำเนินการให้กรมธนารักษ์ทราบทุกไตรมาส

นายเอกนิติ ย้ำว่า การมอบอำนาจนี้ไม่ใช่การโอนกรรมสิทธิ์ โดยที่ราชพัสดุยังคงเป็นของรัฐ ระยะเวลาการใช้ประโยชน์ไม่เกิน 30 ปี และเพื่อความโปร่งใส หน่วยงานที่รับมอบอำนาจต้องรายงานผลการดำเนินงานต่อกรมธนารักษ์ทุกไตรมาส หากฝ่าฝืนข้อตกลง กรมฯ มีสิทธิเพิกถอนอำนาจได้ทันที

ทั้งนี้ กรมธนารักษ์มอบอำนาจให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดหาความร่วมมือจากภาคเอกชน ภายใต้เงื่อนไขของกรมฯ เบื้องต้นจะเน้นเฉพาะธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่หรือเล็ก ซึ่งหลังจากการก่อสร้างอาคารในโครงการแล้วเสร็จ ทรัพย์สินที่อยู่บนที่ราชพัสดุจะตกเป็นของรัฐทันที โดยเอกชนจะได้รับสิทธิในการบริหารจัดการในระยะเวลา 30 ปี ซึ่งการจะพิจารณาต่ออายุสัญญาหรือไม่คงต้องพิจารณากันอีกที อย่างไรก็ตาม เอกชนที่ใช้พื้นที่ที่ราชพัสดุจะต้องจ่ายผลตอบแทนให้กรมฯในอัตราร้อยละ 3 (ROA หรืออัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์) ต่อปี

จับมือกระทรวงสาธารณสุข ยกระดับบริการสุขภาพประชาชน

โดยหนึ่งในความร่วมมือที่สำคัญคือ การผนึกกำลังกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อยกระดับบริการแก่ประชาชน โดยเริ่มจากการดำเนิน โครงการนำร่อง (Sandbox) ในการก่อสร้างอาคารสำหรับศูนย์บริการทางการแพทย์, หอผู้ป่วยพิเศษ และอาคารจอดรถ เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านสาธารณสุข ให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง 

โครงการนำร่องมีทั้งหมด 6 โครงการ ได้แก่…

1. โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วย หอผู้ป่วยพิเศษ พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ

2. โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จังหวัดเชียงราย ประกอบด้วย ศูนย์ Wellness (ศูนย์สุขภาพและฟื้นฟู) สถานพักฟื้นและรอรักษา พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ

3. โรงพยาบาลสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ประกอบด้วย ศูนย์บริการมะเร็ง หัวใจ และเวชศาสตร์วิถีชีวิต พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ

4. โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย หอผู้ป่วยพิเศษ พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ

5. โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ (โรงพยาบาลบางละมุง) จังหวัดชลบุรี ประกอบด้วย หอผู้ป่วยพิเศษ ที่พักระหว่างการรักษา พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ

6. โรงพยาบาลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ประกอบด้วย อาคารบริการและสนับสนุนทางการแพทย์

นายเอกนิติ กล่าวว่า เพื่อสานต่อความสำเร็จดังกล่าว โอกาสนี้ กรมธนารักษ์จึงได้ร่วมลงนามในบันทึกความตกลงเรื่องการมอบอำนาจให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่อยู่ในความครอบครอง ซึ่งการลงนามบันทึกความตกลงในครั้งนี้สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของกรมธนารักษ์ในการใช้ที่ราชพัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภารกิจด้านสังคมและการให้บริการประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

ความร่วมมือนี้จะช่วยให้กระทรวงสาธารณสุขสามารถพัฒนาพื้นที่ราชพัสดุเพื่อรองรับโครงการด้านการแพทย์ได้คล่องตัวขึ้น ลดภาระงบประมาณ และเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของประชาชนได้อย่างทั่วถึง ถือเป็นต้นแบบความร่วมมือที่สามารถขยายผลไปยังหน่วยงานอื่น ๆ ในอนาคตอธิบดีกรมธนารักษ์ ระบุ

พัฒนาอย่างยั่งยืน บนฐานความคุ้มค่าทางสังคม

ภายหลังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายเอกนิติ ย้ำในตอนท้ายว่า โครงการ Landlord Sharing เป็นหนึ่งในโครงการเรือธง (Flagships) ของกรมธนารักษ์ ตามยุทธศาสตร์ VALUE ที่มุ่งเพิ่มมูลค่าและคุณค่าทรัพย์สินของแผ่นดิน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม เดินหน้าประเทศไทยสู่ความยั่งยืน ต่อไป.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password