BAM อวดกำไรครึ่งปีแรกกว่า 1.5 พันลบ. รุกเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ – สร้าง Ecosystems ลุยธุรกิจเต็มสูบครึ่งปีหลัง

BAM โชว์ผลงานครึ่งแรกปี 2568 สร้างผลเรียกเก็บได้สูงถึง 10,154 โตถึง 36% ส่วนผลเรียกเก็บไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้นมากถึง 118% ทำกำไร 1,511 ล้านบาท ขยายตัว 72% สั่งปรับเกมรุกครึ่งหลังปี ลุยธุรกิจเต็มสูบทั้งด้าน NPL/NPA เปลี่ยน Model “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์” สู่ Model ธุรกิจใหม่ “Opportunities for All” เร่งสร้าง Ecosystems เพิ่มพันธมิตร แตกบริษัทลูก ตั้งเป้าทั้งปี ดันผลเรียกเก็บ 17,800 ล้านบาท

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM แถลงผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2568 ว่า สามารถสร้างผลเรียกเก็บได้สูงถึง 10,154 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 36% ขณะที่ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มีผลเรียกเก็บ 6,962 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก ที่118% โดยมีกำไร 1,511 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ผลงานทางด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ยังใช้แนวทางที่ให้โอกาสลูกหนี้ในการได้หลักประกัน ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกินกลับคืนด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรน และมุ่งช่วยเหลือลูกหนี้ให้สามารถฟื้นฟูกิจการหรือสถานะทางการเงินของตน โดยปรับโครงสร้างหนี้และหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน ด้วยกระบวนการ Recycling Machine ซึ่งมีเป้าหมายในการเร่งสร้างโรงงานแก้หนี้ (TDR Factory) เพื่อฟื้นฟูให้ลูกหนี้กลับมามีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น ซึ่ง BAM สามารถสร้างรายได้จากการปรับโครงสร้างหนี้ NPL ลูกหนี้รายใหญ่รายหนึ่งได้ข้อยุติถึง 2,800 ล้านบาท

ขณะที่การบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPA) เดินหน้ากลยุทธ์พันธมิตรทางธุรกิจ (NPA Partnership) ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่มุ่งขยายฐานธุรกิจและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ผ่านความร่วมมือกับบริษัทพันธมิตรที่มีศักยภาพ อาทิ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารยูโอบี ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดย BAM มุ่งเน้นการคัดสรรและนำเสนอทรัพย์ NPA ขนาด Big Lots ให้พันธมิตรนำไปพัฒนาและเพิ่มมูลค่า ทั้งบ้านเดี่ยว อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม และที่ดินเปล่า เพื่อพลิก “ทรัพย์ร้าง” ให้กลายเป็น “ทรัพย์สร้างกำไร” ต่อยอดเป็นทรัพย์สินที่สร้างรายได้ให้กับ BAM อย่างต่อเนื่อง ลดระยะเวลาการถือครอง และสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว 

โดย BAM สามารถสร้างยอดขายจากการจำหน่ายทรัพย์แปลงใหญ่ได้ถึง 1,450 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์ดังกล่าวเป็นที่ดินเปล่าจำนวน 50 แปลง ตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่รวม 26-3-37.40 ไร่

ดร.รักษ์ ยังได้กล่าวถึงการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2568 ว่า BAM ยังคงเดินหน้าด้วย  กลยุทธ์เชิงรุกทั้งด้าน NPL/NPA ด้วยแนวทาง Stronger Together โดยการเปลี่ยน Model “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์” มาสู่ Model ธุรกิจใหม่ ภายใต้แนวคิด Opportunities for All” ที่ให้โอกาสลูกหนี้ NPL พลิกฟื้นกลับมาเป็นลูกหนี้ Reperforming Loan (RPL) ด้วยกลยุทธ์ TDR Factory และโครงการ FA Center รวมทั้งได้มีการหารือเบื้องต้นกับบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) และธนาคารแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับแนวทางการกำหนดรหัสใหม่ให้กับลูกหนี้ผ่อนชำระดีต่อเนื่อง ซึ่ง BAM จะเดินหน้าประสานงานรวมถึงหาพันธมิตรธนาคารที่จะเข้ามาช่วยลูกหนี้กลุ่มนี้ของ BAM 

ขณะเดียวกัน BAM ยังมีหน้าที่ในการช่วยกลั่นกรองและปรับสภาพหนี้ (Buffer) ของลูกหนี้ เพื่อเป็นการลดภาะหนี้ของสถาบันการเงิน และจะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยสินเชื่อออกมาได้มากขึ้น ส่วนทางด้าน NPA ยังเดินหน้าความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่เป็น Developers ทั้งขนาด S M L ในรูปแบบ Model ที่ Developers จะเข้ามา flipping และขายให้กลุ่มลูกค้าของตนเอง 

สำหรับทิศทางตลาดบ้านมือสอง ดร.รักษ์ มองว่า มีแนวโน้มดีขึ้น โดยเห็นสัญญาณจากสถาบันการเงินเริ่มปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยบ้านมือสองมีสัดส่วนที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับบ้านใหม่ นอกจากนี้ BAM เตรียมเปิดตัวโครงการ “ทรัพย์มหาชน” สำหรับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง เปิดโอกาสให้ผู้มีอาชีพอิสระที่มีรายได้ไม่ประจำ ได้มีโอกาสซื้อที่อยู่อาศัยจาก BAM ในวงเงิน 500,00-5,000,000 บาท โดยตรง หรือผ่อนชำระกับสถาบันการเงินพันธมิตรที่ปล่อยสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษให้กับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ BAM 

กลยุทธ์ดังกล่าวไม่เพียงช่วยให้ BAM ยืนหยัดได้ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง แต่ยังแปรเปลี่ยนวิกฤตให้กลายเป็นโอกาสที่จะสร้างการเติบโตให้กับ BAM” ดร.รักษ์ ย้ำพร้อมระบุ BAM จะสร้าง Ecosystems เพื่อสร้างประโยชน์และโอกาสแก่ผู้เกี่ยวข้องทั้งระบบ ไม่ว่าจะอยู่ในส่วน NPL ที่จะมีเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ ผ่านโรงงานแก้หนี้ และคลินิกแก้หนี้ หรือในส่วนของ NPA ที่จะมีแผนจะขยายพันธมิตรเพิ่มเติม รวมถึงตั้งบริษัทลูกขึ้นมาเพิ่ม จากเดิมที่มี ARI และ ARUN โดยแสดงความมั่นใจว่า สิงนี้จะนำไปสู่เป้าหมายผลเรียกเก็บตามที่ตั้งไว้ 17,800 ล้านบาท 

ปัจจุบัน BAM มี NPL ที่อยู่ในความดูแล 91,009 ราย คิดเป็นภาระหนี้เงินต้น 487,117 ล้านบาท และ NPA จำนวน 28,043 รายการ คิดเป็นราคาประเมิน 77,812 ล้านบาท.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password