กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจับมือ ธ.ก.ส. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้เจ้าหน้าที่ธนาคารฯ หวังเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจฯ และการใช้งานระบบจดทะเบียนแบบใหม่ เพื่อช่วยยกระดับประสิทธิภาพการให้สินเชื่อและการเข้าถึงแหล่งทุนของภาคเกษตรกรรมและผู้ประกอบการไทย

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ ร่วมกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ ให้แก่เจ้าหน้าที่ธนาคารฯ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ เมื่อวันพุธที่ 23 ก.ค. 2568 ณ ห้องฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยมี วิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากกรมฯ ร่วมถ่ายทอดเนื้อหาครอบคลุมทั้งในเชิงกฎหมายและเชิงปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็นการจดทะเบียน การแก้ไข หรือการยกเลิกสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ รวมถึงการบันทึกข้อมูลประเภททรัพย์สินหลากหลายประเภท เช่น สิทธิเรียกร้อง สินค้าคงคลัง เครื่องจักร ไปจนถึงทรัพย์สินทางปัญญาและไม้ยืนต้น

ระบบหลักประกันทางธุรกิจถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการนำทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจมาใช้เป็นหลักประกันการขอสินเชื่อ โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สินกับสถาบันการเงินที่เป็นผู้รับหลักประกัน ทำให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ประกอบกิจการต่อไปได้ ทั้งนี้ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2559 – 30 มิ.ย.2568) มียอดจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจสะสมกว่า 883,387 สัญญา คิดเป็นวงเงินรวม 20.45 ล้านล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย.2568) ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของระบบฯ ในการเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับภาคธุรกิจของประเทศ 

ดังนั้น การจัดอบรมฯ ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการเตรียมความพร้อมให้กับ ธ.ก.ส. ในการใช้งานระบบ  จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบ Host to Host ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568   ซึ่งจะช่วยให้การส่งข้อมูลระหว่างสองหน่วยงานมีความถูกต้อง รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

อธิบดีฯอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบ Host to Host คือ รูปแบบการเชื่อมต่อระบบสารสนเทศโดยตรงระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากับ ธ.ก.ส. ซึ่งโดยปกติแล้วการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ผู้ใช้งานต้องเข้าไปกรอกข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (Web Application) ซึ่งเหมาะสำหรับปริมาณธุรกรรมจำนวนไม่มาก แต่สำหรับสถาบันการเงินหรือองค์กรที่มีการทำธุรกรรมหลักประกันทางธุรกิจจำนวนมมากในแต่ละวัน การกรอกข้อมูลทีละรายการผ่านเว็บไซต์อาจใช้เวลานานและไม่สะดวก ระบบ Host to Host จึงเข้ามาแก้ปัญหานี้ ดังนั้น ระบบ Host to Host จึงเป็นช่องทางที่ทำให้การรับ-ส่งข้อมูลระหว่างระบบคอมพิวเตอร์ของทั้งสองหน่วยงานเกิดขึ้นโดยตรงและอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว และความปลอดภัยในการทำธุรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกรรมที่มีปริมาณมาก

นอกจาก การพัฒนาศักยภาพบุคลากร แล้ว ความร่วมมือในครั้งนี้ ยังส่งผลโดยตรงต่อผู้ประกอบการ เกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน ที่จะสามารถใช้ทรัพย์สินที่มีมูลค่าในทางเศรษฐกิจ เช่น เครื่องจักร ทรัพย์สินทางปัญญา หรือไม้ยืนต้น มาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้น เป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนอย่างเป็นธรรม และลดข้อจำกัดจากระบบหลักประกันแบบเดิม

“กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและ ธ.ก.ส. ยังมีแผนขยายความร่วมมือด้านวิชาการ การจัดทำคู่มือแนวปฏิบัติร่วม รวมถึงการพัฒนาช่องทางเผยแพร่ความรู้แก่สาธารณชน เพื่อให้ระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างยั่งยืน” อธิบดีฯอรมน กล่าวทิ้งท้าย.