‘พาณิชย์’ แจ้งข่าวดี! ลดราคาปุ๋ยกว่า 10 ล.กระสอบ หนุน ‘ชาวนา-เกษตรกร’ ทั่วไทยรับฤดูเพาะปลูก ถึง 30 ก.ย.นี้

พิชัย นริพทะพันธุ์” แจ้งข่าวดี! ลดราคาปุ๋ยกว่า 10 ล้านกระสอบ หนุนชาวนา-เกษตรกรทั่วไทยรับฤดูกาลเพาะปลูก ถึง 30 ก.ย.นี้ แจงแนวทางช่วยเหลือชาวนาไร่ 1 พันบาท ขอให้อดใจไม่เกิน 2 สัปดาห์นี้ ชงเข้าที่ประชุม นบข.ชุดใหญ่ อนุมัติเงินกว่า 7 พันล้านบาท ระบุสินค้าไม่แพงอย่างที่คิด แต่กำลังซื้อหด เพราะมีหนี้สูง

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานแถลงข่าว เปิดโครงการ “พาณิชย์ลดราคาปุ๋ยเพื่อเกษตรกร ปี 2568” โดยมี นายพงศกร อรรณนพพร ผช.รมต.พาณิชย์ นายวรวงศ์ รามางกูร ผช.รมต.พาณิชย์  นายคุณากร ปรีชาชนะชัย ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ ร่วมด้วย

นายพิชัย เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้ร่วมมือกับ 3 สมาคมใหญ่ ได้แก่ สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย และสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร รวมถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินหน้าโครงการนี้เพื่อนำปุ๋ยคุณภาพดีมาลดราคาสูงสุดกระสอบละ 50 บาท ครอบคลุมพืชทุกชนิด รวมกว่า 79 สูตร ปริมาณกว่า 10.06 ล้านกระสอบ จากผู้ประกอบการ 26 รายทั่วประเทศ เริ่มตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 30 กันยายน 2568

“วันนี้ กระทรวงพาณิชย์เปิดโครงการปุ๋ยราคาถูก เราขอยืนยันว่าความทุกข์ของชาวนาคือความทุกข์ของแผ่นดิน ความทุกข์ของเกษตรกรคือความทุกข์ของแผ่นดินเช่นเดียวกัน เราเข้าใจดีในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ราคาสินค้าเกษตรในประเทศเราพอควบคุมได้ แต่ราคาที่กำหนดจากต่างประเทศควบคุมยาก ล่าสุด ราคาข้าวก็ต่ำ เพราะอินเดียขายข้าวขาวในราคาต่ำมาก เพียง 300 กว่าเหรียญสหรัฐต่อตัน หรือประมาณ 10,000 บาทต่อตัน ทำให้ราคาข้าวขาวทั้งโลกตกต่ำ เราจะพยายามช่วยชาวนา ทั้งการเพิ่มตลาด เช่น ขายข้าวที่แอฟริกาใต้กว่า 400,000 ตัน และการลดต้นทุน เช่น โครงการลดราคาปุ๋ยนี้เพื่อช่วยชาวนาให้ลดต้นทุนให้ได้” นายพิชัย กล่าว

ทั้งนี้ ปุ๋ยที่เข้าร่วมโครงการครอบคลุมการเพาะปลูกทุกประเภท ทั้งนาข้าว พืชไร่ พืชสวน ไม้ผล และไม้ดอกไม้ประดับ โดยเฉพาะสูตรสำคัญที่ชาวนาใช้มาก เช่น 46-0-0, 0-0-60, 16-20-0, 15-15-15, 20-8-20 และ 25-7-14 ซึ่งจัดเตรียมไว้กว่า 5.49 ล้านกระสอบ เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากครั้งก่อน

“ก่อนหน้านี้ เราได้ประชุมกับ สส.พรรคเพื่อไทย เพื่อแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ หนึ่งในแนวทางคือการลดราคาปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนให้ชาวนา เราทดลองโครงการแล้วได้รับผลตอบรับดี จึงขยายให้ใหญ่ขึ้น และถ้าความต้องการเพิ่ม เรายืนยันว่าจะหาปุ๋ยมาเพิ่มให้ และถ้าราคาตลาดโลกลดลง เราจะลดราคาปุ๋ยให้ได้อีก ขอยืนยันว่ากระทรวงพาณิชย์ไม่นิ่งนอนใจ มีอะไรช่วยชาวนา ช่วยเกษตรกรได้ เราทำเต็มที่” นายพิชัย กล่าว

สำหรับการสั่งซื้อปุ๋ยในโครงการ เกษตรกรสามารถสั่งซื้อผ่านกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน รวมถึง สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ซึ่งจะรวบรวมยอดสั่งซื้อและประสานกับกรมส่งเสริมการเกษตรและกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อกระจายปุ๋ยราคาพิเศษไปถึงมือเกษตรกรโดยตรง ขอขอบคุณสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร และเกษตรกรทุกคนที่ให้ความร่วมมือในโครงการนี้

นอกจากนี้ เกษตรกรยังสามารถสั่งซื้อได้โดยตรงจากโรงงานปุ๋ยที่เข้าร่วมโครงการ โดยราคาจำหน่ายจะเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ www.dit.go.th รวมถึงสำนักงานพาณิชย์จังหวัด เกษตรจังหวัด และสหกรณ์จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ผ่านวิทยุชุมชนในแต่ละพื้นที่เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรรับทราบข้อมูลอย่างทั่วถึง

ส่วนการดูแลราคาสินค้าของกระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของการขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้า แต่ที่ประชาชนยังรู้สึกได้ว่าสินค้ามีราคาแพง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ มีรายได้ไม่เพียงพอและยังคงเป็นหนี้สูง ซึ่งหากดูเพียงตัวเลขจากอัตราเงินเฟ้อเห็นได้ว่าเงินเฟ้อของประเทศอยู่ในอัตราที่ค่อนข้างต่ำเป็นตัวสะท้อนให้เห็นว่าราคาสินค้าไม่ได้สูงขึ้น และตัวเลขของอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประเมินไว้ และมองว่าถ้าราคาสินค้าแพงขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทยคงไม่เข้าข้างกระทรวงพาณิชย์อยู่แล้ว

ส่วน การจ่ายเงินชดเชยเกษตรกรโดยตรง ไร่ละ 1,000 บาท ซึ่งสิ้นสุดการลงทะเบียนไปแล้วเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา เรื่องนี้ นายพิชัย บอกว่า ยอดการลงทะเบียนเกษตรกรสูงถึง 8 แสน 2 หมื่นกว่าครัวเรือน รวมพื้นที่เพาะปลูกกว่า 11  ล้านไร่ คาดว่าต้องใช้งบประมาณถึง 7,000 ล้านบาท จากวงเงินงบประมาณเดิม คาดว่าจะใช้เงินเพียง 2,800 ล้านบาท โดยจะต้องผ่านการพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นขบ.) ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ โดยยืนยันว่า เกษตรกรที่ลงทะเบียนจะได้รับเงินช่วยเหลือทั้งหมด

ส่วนการมีเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีตามหลักเศรษฐศาสตร์ เพราะจะกระทบกับกำลังการผลิต ทำให้ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ และอาจส่งผลต่อการจ้างงาน มีผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวม เราควรบริหารจัดการในเรื่องของรายได้และหนี้ให้ดีขึ้นมากกว่ากดอัตราเงินเฟ้อลง สำหรับค วามคืบหน้าการเดินทางไปหารือกับทางผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) นั้น นายพิชัย ย้ำว่า จะต้องได้เจออย่างแน่นอนภายในเดือนพฤษภาคมนี้ แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีการตอบรับจากทางสหรัฐแล้วหรือไม่.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password