ผลถก! ‘คลัง-ผู้ว่าแบงก์ชาติอาเซียน’ มุ่งสร้างความมือด้านการเงิน/ประกันฯรับภัยพิบัติของชาติสมาชิก

“โฆษกคลัง” แจงความสำเร็จประชุม รมต.คลังและผู้ว่าแบงก์ชาติอาเซียน ครั้งที่ 12 และการประชุมอื่น ๆ ที่กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เผย! ได้ข้อสรุปเด่นๆ อาทิ แผนระดมทุนเพื่อโครงสร้างพื้นฐาน ความร่วมมือด้านการประกันภัย การบริหารความรับภัยพิบัติของอาเซียน รวมถึงความร่วมมือด้านภาษี ระบบเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะ โฆษกกระทรวงการคลัง แถลงว่า ในระหว่างวันที่ 9 – 10 เม.ย. 2568 ที่ผ่านมา นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ได้เข้าร่วมการประชุม รมต.คลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN Finance Ministers and Central Bank Governors’ Meeting: AFMGM) ครั้งที่ 12 การประชุม รมต.คลัง (ASEAN Finance Ministers’ Meeting: AFMM) ครั้งที่ 29 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (การประชุมฯ) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย โดยมี รมว.คลัง (คนที่สอง) และ ผู้ว่าการธนาคารกลางมาเลเซีย เป็น ประธานร่วมของการประชุม AFMGM ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิดหลัก “ครอบคลุมและยั่งยืน” (Inclusivity and Sustainability) โดยรายละเอียดการประชุมฯ ดังนี้

1. การประชุม AFMM ครั้งที่ 29 ที่ประชุมได้ติดตาม ความคืบหน้าของความร่วมมือทางการเงินอาเซียนในประเด็นต่าง ๆ เช่น การระดมทุนเพื่อโครงสร้างพื้นฐาน ความร่วมมือด้านการประกันภัย การบริหารความเสี่ยงและการประกันภัยเพื่อรองรับความเสี่ยงจากภัยพิบัติของอาเซียน (ASEAN Disaster Risk Financing and Insurance: ADRFI) ความร่วมมือด้านภาษี ระบบเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ของอาเซียน (ASEAN Single Window: ASW) ความคืบหน้าการดำเนินการของหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนอาเซียน (ASEAN Capital Markets Forum: ACMF) เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบการจัดตั้งและผลการจัดการประชุมการคลังอาเซียน (ASEAN Treasury Forum: ATF) ครั้งที่ 1 และ การดำเนินงานของคณะทำงานระหว่างภาคส่วนในอาเซียน (ASEAN Cross-Sectoral Working Committees: ACS-WCs) ซึ่งประกอบด้วยคณะทำงานด้านประกันภัย สาธารณสุข และความมั่นคงทางอาหาร

ในการนี้ นายเผ่า กล่าวว่า การเงินและการประกันภัยเพื่อรองรับภัยพิบัติเป็นกลไกที่สำคัญในการวางแผนรับมือความเสี่ยงในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในอาเซียน ซึ่งต้องเผชิญกับความเปราะบางทางธรรมชาติอยู่ตลอด โดยไทยสนับสนุนการพัฒนากลไกที่มีลักษณะเชิงรุก ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และร่วมมือกันเป็นภูมิภาค นอกจากนี้ เห็นว่า การประกันภัยต่อ (Reinsurance) เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ไม่เพียงปกป้องงบประมาณของรัฐ แต่ยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับชุมชนก่อนเกิดภัยพิบัติ ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำว่า ไทยพร้อมทำงานร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างใกล้ชิด เพื่อเสริมสร้างโครงสร้างการเงินที่มีความยืดหยุ่น โปร่งใส และพร้อมรับมือภัยพิบัติในอนาคต

2. การประชุม AFMGM ครั้งที่ 12 ได้เห็นชอบประเด็นที่ มาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ต้องการผลักดันในปี 2568 (ASEAN Chair’s Priority Economic Deliverables for 2025: PEDs) ซึ่งประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ 4 ด้าน ได้แก่ (1) การส่งเสริมการค้าและการลงทุน (2) การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมที่ครอบคลุมและความยั่งยืน (3) การเสริมสร้างการบูรณาการและการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ และ (4) การเป็นประชาคมอาเซียนที่มีความสามารถในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล 

ในการนี้ รมช.คลัง กล่าวเน้นย้ำว่า ความสำคัญของบทบาทของเทคโนโลยีในการดำเนินงานภายใต้ RIA-Fin เช่น ระบบชำระเงินทันที (Instant Payment) การเปิดบัญชีแบบดิจิทัล การบริการทางการเงินเสมือนจริง (Virtual Banking) เป็นต้น โดยเห็นว่า การเชื่อมโยงทางการเงินจะเกิดขึ้นได้จริงเมื่อมีกลไก โครงสร้างพื้นฐาน และระบบนิเวศทางการเงินแบบใหม่ที่รองรับบริการข้ามพรมแดน โดยเล็งเห็นว่าวิสัยทัศน์ของการจัดตั้งให้ไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Thailand Financial Hub Initiative: FinHub) จะส่งเสริมการดำเนินงานของกรอบความร่วมมือการเงินการคลังอาเซียน (ASEAN Finance Track)

3. การประชุมระหว่าง AFMGM กับสภาธุรกิจต่าง ๆ นอกจากการประชุม AFMM ครั้งที่ 29 และ AFMGM ครั้งที่ 12 รมช.คลัง ยังได้เข้าร่วมการประชุมระหว่าง AFMGM กับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ASEAN Business Advisory Council: ABAC) สภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (European Union-ASEAN Business Council: EUABC) และสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (United States-ASEAN Business Council: USABC) อีกด้วยโดยที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อข้อเสนอของทั้ง 3 หน่วยงาน เช่น การเปลี่ยนผ่านไปยังเศรษฐกิจดิจิทัล การชำระเงินผ่านระบบดิจิทัล การระดมทุนเพื่อข้อริเริ่มด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเสริมสร้างความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน เป็นต้น

4. การประชุมหารือทวิภาคี  รมช.คลัง ได้ประชุมหารือทวิภาคี ดังนี้ (1) H.E. Datuk Seri Amir Hamzah Azizan รมว.คลัง (คนที่สอง) มาเลเซีย เพื่อผลักดันการยกระดับความร่วมมือด้านการเงินอิสลามเพื่อสร้างสถาปัตยกรรมทางการเงินใหม่ที่ครอบคลุมและสอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลาม (2) H.E. Nguyen Van Thang รมว.คลัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เพื่อหารือประเด็นความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการเงิน และ (3) H.E. Thomas A.M. Djiwandono รมว.คลัง สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เพื่อหารือความร่วมมือด้านเทคโนโลยีด้านการเงิน Virtual Banking และนวัตกรรมทางการเงินในระดับภูมิภาค

โดย การประชุมฯ ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเงินการคลังในอาเซียนที่จะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนและการเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง รวมถึงระบบการเงินที่เชื่อมโยงและเปิดกว้าง ซึ่งประเทศไทยมีความพร้อมที่จะพัฒนาความเชื่อมโยงด้านการเงินการคลังกับประเทศสมาชิกอาเซียน เช่น การชำระเงินข้ามพรมแดน การจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมและกำกับการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Office for the Supervision and Promotion of Financial Hub Enterprises: OSA) เพื่อเป็นหน่วยงานกำกับดูแลแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ เป็นต้น

สำหรับ การประชุม AFMM และ AFMGM ครั้งถัดไป มีกำหนดจะจัดขึ้นในปี 2569 โดยมีสาธารณรัฐฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password