พาณิชย์โชว์ผลสำเร็จ ปักธงข้าวไทย! ขายในแอฟริกาใต้เพิ่มขึ้น มั่นใจอนาคตไปได้สวย ขยายสู่ตลาดอื่นในแอฟริกา

เกษตรกรชาวนาไทยเฮ! หลังพาณิชย์ประสบความสำเร็จในการนำทีม “ขายข้าว” ในตลาดแอฟริกาใต้ได้เพิ่มขึ้น เผย! คนท้องถิ่นชื่นชอบข้าวไทยมายาวนานและต่อเนื่อง มั่นใจ! อนาคตข้าวไทยครองส่วนแบ่งตลาดได้ไม่ยาก แต่ต้องรักษาคุณภาพข้าวไทยให้ดียิ่งขึ้น

นับเป็นความสำเร็จอย่างสูง หลังจากที่ นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ทำหน้าที่เป็น หัวหน้าคณะนำทีมกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน ประกอบด้วย นายคุณากร ปรีชาชนะชัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นางอรรัตน์ สิทธิบุศย์ ผู้อำนวยการกองบริหารการค้าข้าว ทีมข้าราชการกองบริหารการค้าข้าว และภาคเอกชน ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายสำคัญ เดินทางเยือนแอฟริกาใต้ ในระหว่างวันที่ 24-28 มี.ค.2568 ที่ผ่านมา

เดิมที นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ มีแผนจะเป็น หัวหน้าคณะเจรจาขายข้าวในตลาดแอฟริกาใต้ด้วยตนเอง แต่ติดช่วงเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล จึงได้มอบหมายให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่แทน

อย่างไรก็ตาม ภารกิจหลังจาก คณะเดินทางมาถึงที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ นายวรวงศ์ ในฐานะหัวหน้าคณะ ได้หารือกับ น.ส.โรสแมรี่ โนคูโซลา คาปา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้และการประมงของแอฟริกาใต้ แลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์ด้านการค้า การลงทุน การขนส่ง และคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรระหว่างกัน โดยเฉพาะ สินค้าข้าว ที่ไทยครองส่วนแบ่งตลาดข้าวในแอฟริกาใต้กว่า 70% และสินค้าปศุสัตว์อย่างเนื้อวัวและนกกระจอกเทศ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญอันดับต้นของแอฟริกาใต้ และสินค้าผลไม้

ปัจจุบันแอฟริกาใต้ได้ เริ่มส่งออกสินค้าผลไม้เมืองหนาวอย่างแอปเปิ้ลมายังไทย และแจ้งว่า สนใจนำเข้ามังคุด ลำไย มะม่วงของไทย ซึ่ง แอฟริกาใต้พร้อมที่จะสนับสนุนสินค้าเหล่านี้ของไทยมีโอกาสเข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้นอีกด้วย และฝ่ายไทยยังได้เสนอให้มีการยกระดับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) จากระดับเจ้าหน้าที่ เป็นระดับรัฐมนตรี และเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-แอฟริกาใต้ ให้มีความคืบหน้าโดยเร็ว ควบคู่กับการทำ FTA ไทย-สหภาพศุลกากรแอฟริกาตอนใต้ (SACU) ซึ่งประกอบด้วย 5 ประเทศ ได้แก่ บอตสวานา เลโซโท นามิเบีย เอสวาตินี และแอฟริกาใต้ ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา

นอกจากนี้ คณะยังเดินทางไปเปิดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทย ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ฟู้ด เลิฟเวอร์มาร์เก็ต (Food Lover’s Market) สาขา Castle Gate กรุงพริทอเรีย แอฟริกาใต้ โดยได้ โชว์ฝีมือทำต้มยำกุ้ง เสิร์ฟด้วยข้าวหอมมะลิไทย ให้ผู้บริโภคชาวแอฟริกาใต้ได้ลิ้มลอง และร่วมจัดกิจกรรมแจกชิมอาหารไทย อาทิ ต้มยำกุ้ง ผัดไทย มัสมั่นไก่ รวมทั้งร่วมแจกสินค้าอาหารไทย อาทิ ข้าวหอมมะลิไทย เครื่องปรุงรส ซอส อาหารกระป๋อง ให้กับผู้บริโภคชาวแอฟริกาใต้ ซึ่งได้รับความสนใจมาร่วมกิจกรรมกันอย่างคึกคัก โดย Food Lover’s Market เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในแอฟริกาใต้ เปิดให้บริการมากว่า 30 ปี มีจำนวน 120 สาขาในแอฟริกาใต้ (บอตสวานาจำนวน 2 สาขา ซิมบับเวจำนวน 4 สาขา และนามิเบียจำนวน 4 สาขา) โดยสินค้าไทยที่วางจำหน่ายใน Food Lover’s Market เช่น ข้าวนึ่ง ข้าวขาว ข้าวหอมมะลิไทย ปลากระป๋อง กะทิกระป๋อง เครื่องแกง เครื่องปรุงรส ซอส เส้นหมี่ ขิงดอง

อย่างไรก็ตาม คณะยังได้เดินทางต่อไป เมืองเคปทาวน์ แอฟริกาใต้ โดยประสานร่วมทีมทั้งกองบริหารการค้าข้าว กรมการค้าต่างประเทศ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงพริทอเรีย สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ผู้ส่งออกข้าวไทย และผู้นำเข้าข้าวไทย เพื่อประชุมร่วมกันและหาแนวทางการยกระดับการค้าข้าว การสร้างความรู้คุณภาพมาตรฐานข้าวไทยในตลาดแอฟริกาใต้ และถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เนื่องจากได้มีการลงนาม MOU ซื้อขายข้าวระหว่างผู้ส่งออกข้าวไทยกับบริษัทผู้นำเข้าข้าวแอฟริกาใต้รายใหญ่ ปริมาณ 400,000 ตัน มูลค่าประมาณ 7,300 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ มี.ค.-มิ.ย.2568

โดยเบื้องหลังความสำเร็จของการเจรจาครั้งนี้ มาจากกรอบการซื้อขายเบื้องต้น ก่อนบินไปเจรจาความต้องการข้าวไทยในครั้งนี้อยู่เพียง 250,000 ตัน และขยับมาเป็น 391,000 ตัน แต่หลังจากได้เจรจาระหว่างกันแล้วได้เห็นตัวเลขความต้องการข้าวไทยเป็น 400,000 ตันเพิ่มขึ้นมาถึง 9,000 ตัน และ กิจกรรมมอบรางวัล Thailand Ultimate Friendship Award 2025 แก่ผู้นำเข้าข้าวแอฟริกาใต้รายสำคัญจำนวน 8 บริษัท ในฐานะที่เป็นพันธมิตรทางการค้าข้าวที่ดีของไทยมาอย่างยาวนาน รวมถึงการมอบเกียรติบัตร Thai SELECT ให้แก่ร้านอาหารไทยในแอฟริกาใต้

ทั้งนี้ ในช่วงเช้าของวันที่ 28 มี.ค.2568 (เวลา 13.25 น .ในไทย) แม้คณะฯจะได้รับทราบข่าวเกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศไทย แต่ยังจะเดินหน้าหารือกับ น.ส.Wrenelle Stander ผู้บริหารสูงสุด (Chief Executive Officer : CEO) ของ The Western Cape Tourism Tradeand Investment Promotion Agency (Wesgro) ซึ่งเป็น หน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยว การค้า การลงทุนสำหรับเมืองเคปทาวน์และเวสเทิร์นเคป โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน ซึ่ง Wesgro แจ้งว่า ได้ให้ความสำคัญกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มมากขึ้น ในปี 2568 มีแผนเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและอาหารนานาชาติของประเทศในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนอยู่ระหว่างวางแผนการขยายเส้นทางการบินตรง

และการเป็น เจ้าภาพจัดงานประชุมประจำปีในลักษณะเดียวกับการประชุมกับสหภาพยุโรป อย่าง…การประชุม The annual European Union (EU) Trade and Investment Breakfast โดย หัวหน้าคณะไทยขอบคุณ Wesgro ที่ให้ความสำคัญกับภูมิภาคอาเซียน และขอให้ช่วยเร่งรัดการเจรจา FTA ไทย–แอฟริกาใต้ ให้สำเร็จภายในปีนี้ เพราะ FTA ดังกล่าว จะเป็นประโยชน์สำหรับทั้งสองประเทศ เนื่องจากไทยและแอฟริกาใต้มีนโยบายด้านเศรษฐกิจในประเทศที่คล้ายคลึงกัน อาทิ นโยบายการแก้ไขความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศ และการเพิ่มโอกาสด้านการค้าและการลงทุน

ด้าน นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้สรุปผลการเดินทางในกิจกรรมต่าง ๆ ที่เดินทางเยือนแอฟริกาใต้ครั้งนี้ จะช่วยให้สถานการณ์การค้าข้าวระหว่างไทยและแอฟริกาใต้ในปี 2568 ไปด้วยดี จึงเชื่อมั่นว่าจะมีคำสั่งซื้อข้าวไทยจากแอฟริกาใต้เข้ามาอย่างต่อเนื่องและดีขึ้นในปีต่อๆไป หากดูตัวเลขตลาดแอฟริกาใต้

โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกข้าวได้ปริมาณ 833,184 ตัน ลดลง 5.87% และช่วง 2 เดือน ปี 2568 (ม.ค.-ก.พ.) ส่งออกแล้ว 98,943 ตัน เพิ่มขึ้น 60% คาดว่า ทั้งปี น่าจะส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 900,000 ตัน และส่งผลดีต่อการส่งออกข้าวในภาพรวมเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7.5 ล้านตัน โดยแผนงานประชาสัมพันธ์ข้าวไทย กรมการค้าต่างประเทศจะจัดคณะผู้แทนการค้า เดินทางไปเจรจาขายข้าว ประชาสัมพันธ์ข้าวไทย ในประเทศเป้าหมายอื่น ๆ เพื่อเปิดตลาดให้กับข้าวไทย สร้างความเชื่อมั่นในข้าวไทย เพื่อให้เกษตรกรไทย ขายข้าวได้ราคาดีขึ้น และหวังว่าจะสร้างผลงานแบบการเยือนแอฟริกาใต้ในครั้งนี้ ที่เริ่มต้นจากดีลเล็ก ๆ สุดท้ายสามารถปิดดีลใหญ่ได้สำเร็จ

ด้าน นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า แอฟริกาใต้ นิยมข้าวไทย ปีก่อนนำเข้าข้าวไทย 8.3 แสนตัน ปีนี้คาดเกิน 9 แสนตัน ส่วนใหญ่กว่า 80 % เป็นข้าวนึ่ง จากที่แอฟริกาใต้นำเข้าข้าวรวมกว่า 1.2 ล้านตัน ดังนั้น ปีนี้ ราคาข้าวอ่อนตัวลง จากปีก่อนกว่า 600 เหรียญต่อตัน ตอนนี้เกลือ 450 เหรียญ จึงสร้างส่งออกข้าวได้มากขึ้น แม้3 เดือนปีนี้จะกังวลเรื่องนโยบายนำภาษีของทรัมป์ แต่ทั่วโลกยังเร่งนำเข้าข้าวต่อเนื่อง แต่ขึ้นกับว่าประเทศส่งออกใดจะแข่งขันด้านราคาได้มากกว่ากัน ครั้งนี้เฉลี่ยขายได้ 450 ตันต่อเหรียญ เป็นต้น.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password