คลัง/บสย ผุดมาตรการ ค้ำฟรี 3 ปีแรก ปลดล็อก SMEs เข้าถึงสินเชื่อเช่าซื้อกระบะใหม่ ฟื้นอุตฯรถยนต์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

คลังเปิดตัวมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ปลดล็อก SMEs เข้าถึงสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะใหม่ ปลุกอุตฯยานยนต์ พลิกฟื้นธุรกิจผลิตชิ้นส่วนฯกว่า 2,500 บริษัท สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจกว่า 2.1 หมื่นล้านบาท เผย! หั่นวงเงินในเฟสแรกเหลือ 5,000 ล้านบาท พร้อมเติมเงินในเฟสที่ 2 ระบุ! บสย.มอบสิทธิประโยชน์ ฟรี! ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก ค้ำประกันนาน 7 ปี หรือ 84 งวด เปิดรับคำขอตั้งแต่ 1 เม.ย. ทันงานมอเตอร์โชว์ปีนี้

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เป็นประธานเปิดตัวมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อ “บสย. SMEs PICK-UP” พร้อมบรรยายหัวข้อ “กลไกการค้ำประกัน กระบะพี่ มีคลังค้ำ..SMEs ไทยไปต่อ” โดยมี นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) คณะผู้บริหาร บสย. นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ตัวแทนภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ และสถาบันการเงิน ณ ห้องประชุม 402 อาคาร 150 ปี เมื่อช่วงสายวันที่ 21 มี.ค. 2568

รมช.คลัง กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้การปล่อยสินเชื่อซื้อรถกระบะมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นสภาวะเศรษฐกิจซบเซามากว่า 10 ปี รวมถึง ภาวะที่สถาบันการเงินปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อ ด้วยเหตุผลราคาขายรถมือสองตกต่ำ จนไม่คุ้มต่อการปล่อยสินเชื่อและตามยึดรถจากผู้เช่าซื้อที่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม จากการที่ภาครัฐ โดย กระทรวงการคลัง และ บสย. ได้หารือกับภาคเอกชนหลายฝ่าย นำสู่การจัดโครงการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ทั้งนี้ ด้วย 3 เหตุผล คือ

1.ช่วยผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตรถกระบะและซัพเพอร์เออร์ที่มีจำนวนมาก 2.ช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมถึงเกษตรกร และประชาชน ได้เข้าถึงสินเชื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทำงาน (รถกระบะ) เพื่อสร้างรายได้ และ 3.ช่วยให้สถาบันการเงินเกิดความเชื่อมั่นที่จะปล่อยสินเชื่อซื้อรถกระบะให้กับคนกลุ่มนี้ ทั้งนี้ หากการผ่อนชำระมีปัญหา สถาบันการเงินจำเป็นต้องยึดและนำรถขายทอดตลาด ส่วนที่ขาดทุนจากหนี้สินคงค้างของผู้เช่าซื้อที่ผ่อนต่อไม่ได้ ทาง บสย.จะเข้ามารับผิดชอบให้แทน

“เดิมโครงการนี้ ได้ตั้งวงเงินเอาไว้ 10,000 ล้านบาท โดยปันเงินบางส่วนมาจาก โครงการ PGS-11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” แต่เพราะโครงการลักษณะนี้ยังไม่เคยมีการจัดทำมาก่อน จึงลดขนาดโครงการในเฟสแรกลงมาเหลือ 5,000 ล้านบาท ซึ่งหากพิจารณายอดค้ำประกันซื้อรถกระบะต่อรายที่ 8 แสนบาท จะทำให้มีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 6,250 ราย อย่างไรก็ตาม หากความต้องการมีเพิ่มขึ้น กระทรวงการคลังและบสย. ก็พร้อมจะทำเฟส 2 เพิ่มวงเงินค้ำประกันในทันทีนายเผ่าภูมิ กล่าวและว่า

โครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 เม.ย.2568 ทันกับการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ในปีนี้ ซึ่งจะเริ่มต้นในวันที่ 26 มี.ค. – 6 เม.ย.นี้ โดยผู้สนใจ สามารถทำเรื่องขอกู้จากสถาบันการเงินและค่ายรถยนต์ได้เลย เนื่องจาก บสย. ค่ายรถยนต์ และสถาบันการเงิน ได้พูดคุยและประสานงานมาก่อนแล้ว

ด้าน นายสิทธิกร กล่าวว่า มาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” เป็นมาตรการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะใหม่ “SMEs PICK-UP” ของ บสย. ที่ปลดล็อกข้อจำกัดทางการเงินให้กับ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อย ที่มีความจำเป็นต้องซื้อรถกระบะใหม่ โดย บสย. จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยชดเชยความเสี่ยง ด้วยการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะใหม่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้สถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) ในการปล่อยสินเชื่อ ช่วยเพิ่มโอกาสที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อ (Approval Rate) ให้กับ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อยที่มีความจำเป็นต้องใช้รถกระบะเป็นเครื่องมือประกอบอาชีพ เช่น เกษตรกร ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขนส่งสินค้า ค้าขาย และฟู้ดทรัค เป็นต้น

สำหรับ “อุตสาหกรรมยานยนต์” เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ คิดเป็นสัดส่วนต่อ GDP ถึง 18% ซึ่งประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะการผลิตรถกระบะขนาด 1 ตัน ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก ทั้งนี้ จากยอดผลิตรถยนต์รวมทุกประเภท จากฐานการผลิตของไทยจำนวน 1.477 ล้านคัน (ขายในประเทศ+ส่งออก) เป็นสัดส่วนการผลิตรถกระบะ 1 ตัน เกือบ 50% หรือกว่า 7.3 แสนคัน โดยภาพรวมอุตสาหกรรมช่วงที่ผ่านมา การผลิตเพื่อขายในประเทศและการส่งออกจากเดิมสัดส่วนอยู่ที่ 50:50 แต่ในปี 2567 พบว่าตลาดในประเทศหดตัว ทำให้การผลิตเพื่อขายในประเทศลดลงเหลือ 31% ขณะที่การส่งออกเพิ่มเป็น 69% โดยเชื่อมั่นว่าจากมาตรการนี้จะช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ซบเซาให้กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง

จุดเด่นของมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ยังช่วย SMEs ลดภาระทางการเงิน ด้วยสิทธิประโยชน์ ฟรี! ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก โดยรัฐบาล กระทรวงการคลังเป็นผู้ออกค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้ ส่วนปีที่ 4-7 คิดค่าธรรมเนียมค้ำประกันต่ำเพียง 1.5% ต่อปี ค้ำประกันนานสูงสุด 7 ปี หรือ 84 งวด วงเงินค้ำประกันสูงสุด 1.5 ล้านบาทต่อราย ภายใต้วงเงินค้ำประกันในระยะแรกจำนวน 5,000 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายคือ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อย ที่ขอสินเชื่อเช่าซื้อสำหรับซื้อรถกระบะใหม่เพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ โดยเปิดรับคำขอค้ำประกันตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.  และสิ้นสุดรับคำขอค้ำประกันภายในวันที่ 30 ธ.ค. 2568 คาดว่าจะช่วยผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการซื้อรถกระบะใหม่ เข้าถึงสินเชื่อได้กว่า 6,250 ราย ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบกว่า 5,000 ล้านบาท และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 21,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังช่วยพลิกฟื้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยได้มากกว่า 2,500 บริษัท

นายสิทธิกร กล่าวว่า มาตรการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อ บสย. SMEs PICK-UP อยู่ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” ดังนั้น ลูกหนี้ SMEs ที่ถือหนังสือค้ำประกัน บสย. จะได้รับความช่วยเหลือในกรณีที่ประสบปัญหาไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดต่อได้จนกลายเป็นหนี้เสีย และรถถูกยึดขายทอดตลาดเสร็จสิ้นแล้ว โดยไฟแนนซ์พิจารณาส่งยอดหนี้คงเหลือมาเคลมกับ บสย. ซึ่งลูกหนี้ที่ถูกจ่ายเคลมภายใต้มาตรการนี้ สามารถเข้าร่วมมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ “บสย. พร้อมช่วย” หรือ มาตรการ 3 สี ม่วง เหลือง เขียว ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ บสย. (SMEs ที่ บสย. จ่ายเคลม) ผ่อนยาวสูงสุด 7 ปี ดอกเบี้ย 0% ตัดเงินต้นก่อนตัดดอก และสำหรับลูกหนี้ดี มีวินัย สามารถปลดหนี้ได้เร็วขึ้น โดย บสย. ลดเงินต้นให้สูงสุด 10-15% และพิเศษลดเงินต้น 30% สำหรับ ลูกหนี้ “กลุ่มเปราะบาง” ที่เงินต้นไม่เกิน 2 แสนบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือ SMEs ครอบคลุมทุกกลุ่ม พร้อมปรับสิทธิประโยชน์ให้มีความยืดหยุ่น ผ่อนปรนมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้ SMEs สามารถแก้หนี้ได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น พร้อมฟื้นฟูธุรกิจเดินหน้าต่อได้อย่างยั่งยืน.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password