‘กรมการค้าภายใน’ ปลื้มผลงาน 70 วัน เผย! ‘ดูแลสินค้าเกษตร-ลดค่าครองชีพ’ อยู่ในระดับที่พอใจ
“อธิบดีกรมการค้าภาย” โชว์ผลงาน 70 วัน ปลื้ม! พอใจภารกิจ “ดูแลสินค้าเกษตร-ลดค่าครองชีพ” สินค้าเกษตรสำคัญเกือบทุกชนิดราคายังดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะทั้งข้าวและปาล์มน้ำมัน พร้อมทำแผนล่วงหน้า ดูแลผลผลิตที่กำลังออกสู่ตลาด ส่วนการดูแลผู้บริโภค เดินหน้าโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล ลั่น! ปรับปรุงเช็คหัวจ่ายสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ เน้นให้เอกชนวางแผนตรวจสอบหัวจ่ายน้ำมัน ดึงรายได้เข้ารัฐกว่า 100 ล้านบาทต่อปี
นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้บริหารกรมฯ ร่วมแถลงผลงานครบรอบ 70 วัน ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ โดยประเด็นแรก คือ การกำกับดูแลสินค้าเกษตร ซึ่งได้ดำเนิน การประชุมคณะกรรมการรายสินค้า ทั้งข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ปาล์ม และสินค้าเกษตรอื่นๆ เพื่อกำหนดกรอบนโยบาย แผนงานและมาตรการการบริหารจัดการ โดยเฉพาะ ข้าว ราคาทรงตัวในระดับสูง สำหรับข้าวเปลือกหอมมะลิ เฉลี่ยถึงตันละ 15,750 บาท และข้าวหอมมะลิเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่เฉลี่ย 14,750 บาท รวมไปถึงผลปาล์มน้ำมัน ที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% ราคาเฉลี่ย 7.90 บาทต่อกิโลกรัม และราคาน้ำมันปาล์มดิบเฉลี่ย 42.88 บาทต่อกิโลกรัม แม้จะส่งผลต่อราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวด แต่ถือว่าอยู่ในภาวะปกติ เฉลี่ยขวดละ 50 บาท เป็นไปตามกลไกที่ช่วงนี้ผลผลิตออกน้อย
ส่วน แผนการทำงานหลังจากนี้ ยังคงเดินหน้าเกษตรกรให้มีรายได้ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดูแลราคาข้าวเปลือก ที่จะส่งเสริมให้เกษตรกกรรายลางและรายเล็กสามารถทำช่องทางการจำหน่าย หรือ เป็นผู้ส่งออกได้เอง ซึ่ง กระทรวงพาณิชย์เตรียมปรับประกาศเงื่อนไขในกฎหมายข้าว โดยจากเดิมกำหนดการส่งออกข้าวไปตลาดต่างประเทศต้องไม่น้อยกว่า 500 ตัน มาเป็นไม่น้อยกว่า 100 ตัน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกขนาดกลางและรายย่อยสามารถเป็นรผู้ส่งออกข้าวส่วนนี้ได้เอง ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศและกรมการค้าภายใน กำลังศึกษาปรับกฎหมายดังกล่าว คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานหลังจากปรับเสร็จแล้วจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาตรงนี้ได้ต่อไป
ขณะที่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลังจะเน้นมาตรการป้องกันการลักลอบและส่งเสริมการทำผลผลิตคุณภาพ และเตรียมตั้งทีมเฉพาะเป็นรายสินค้า เช่น มิสเตอร์ข้าว และมิสเตอร์ปาล์มน้ำมัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลสินค้าตั้งแต่ต้นทาง ส่วน สินค้าเกษตรที่กำลังจะมีผลผลิตออกกระจุกตัวในช่วง 1-3 เดือนนี้ คือ หอมแดง ได้ติดตามสถานการณ์และเตรียมแผนก่อนช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมากในช่วง ม.ค. – มี.ค. โดยเชื่อมโยงเจรจาซื้อขายผลผลิตล่วงหน้า ผ่านสัญญาข้อตกลงมาตรฐาน รวมทั้งรับซื้อและกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต
อีกนโยบายสำคัญ คือ การลดค่าครองชีพประชาชน และลดต้นทุนของผู้ประกอบการ ได้ดำเนินผ่านโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตามนโยบายรัฐบาลต่อเนื่อง ตามเป้าหมายช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้ 110,000 ล้านบาท ซึ่งแผนการจัดงานครั้งต่อไป จะเป็น ของขวัญปีใหม่ให้พี่น้องประชาชน กับงาน“พาณิชย์ลดราคา New Year Maga Sale 2025” ลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วประเทศ ต่อเนื่อง 46 วัน ตั้งแต่ 17 ธ.ค. 67-ม.ค. 68 โดยจะ “คิกออฟ” ที่กระทรวงพาณิชย์ คาดว่า สามารถลดค่าของชีพได้กว่า 14,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ กรมการค้าภายใน จะปรับภาพลักษณ์ หรือ Rebranding ธงฟ้า จากขายของถูก เปลี่ยนมา ส่งเสริมให้ผู้บริโภคฉลาดเลือก ฉลาดซื้อประหยัดใช้ และการยกระดับมาตรฐานงานชั่งตวงวัดให้เป็นสากล รวมทั้งเพิ่มการตรวจสอบของ “หน่วยตรวจ” (Outsources) ให้ภาคเอกชน ดำเนินการตรวจสอบให้คำรับรองแทนพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อลดระยะเวลาในการรอคิวตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ และภาครัฐ จะมีรายได้เพิ่มจากค่าธรรมเนียมเนียมการตรวจรับรอง 250 บาทต่อหัวจ่ายต่อ 1 ปี ซึ่งแต่ละปีเจ้าหน้าที่ มีรายได้เพียง 25 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เพียงพอกับจำนวนสถานีบริการน้ำมันที่มีอยู่กว่า 20,000 สถานี รวมหัวจ่ายน้ำมันมากถึง 400,000 ถึง 500,000 หัวจ่าย ซึ่งหากสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด รัฐจะมีรายได้กลับเข้ามาเกินกว่า 100 ล้านบาทต่อปี
ขณะเดียวกัน เตรียมจะขยายขอบเขตการกำกับดูแลเครื่องชั่งตวงวัด จากปัจจุบันที่มีการกำกับดูแลเครื่องชั่งตวงวัด 45 ชนิด ให้เพิ่มเติมอีก 6 ชนิด ประกอบด้วย มาตรวัดไฟฟ้า แท็กซี่มิเตอร์ เครื่องวัดลมยางรถยนต์ เครื่องวัดความเร็วรถยนต์ เครื่องวัดแอลกอฮอล์ในลมหายใจ และ EV Charger อีกด้วย.