อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผนึก ธ.ก.ส. เปิดกิจกรรม “ส่งเสริมไม้ยืนต้น หลักประกันทางธุรกิจ”  ณ ศูนย์ปราชญ์ชาวบ้าน จ.ราชบุรี ลั่นเป็นการ “เปิดประตูบานใหม่” ให้เกษตรกรไทย ใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ไม่ต้องตัดหรือทำลายป่า พร้อมเดินหน้าผุดโปรเจ็กต์ “คาร์บอนเครดิต” สร้างรายได้และมูลค่าเพิ่มมหาศาลในอนาคต

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานเปิดกิจกรรม “ส่งเสริมไม้ยืนต้น หลักประกันทางธุรกิจ” ณ ศูนย์ปราชญ์ชาวบ้าน บ้านเหล่ามะละกอ ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ว่า โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมให้ประชาชนมีทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย โดยเฉพาะ ‘เกษตรกร’ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ดังนั้น การนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจจะช่วยให้เกษตรกรสามารถต่อยอดธุรกิจ เพิ่มรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืน รวมถึงมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ กรมฯ ได้ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดย นายเสกสรรค์ จันทร์ขวาง รองผู้จัดการธนาคารฯ จัดกิจกรรม “ส่งเสริมไม้ยืนต้น หลักประกันทางธุรกิจ” โดยนำ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ และ โครงการธนาคารต้นไม้ลงพื้นที่ จ.ราชบุรี เพื่อเสริมความรู้เรื่องกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจแก่เกษตรกรในพื้นที่ รวมทั้ง รายละเอียดการนำไม้ยืนต้นที่ปลูกในพื้นที่มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อกับ ธ.ก.ส. นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสาธิตการประเมินมูลค่าไม้ยืนต้นและการประเมินการกักเก็บคาร์บอนเครดิตของต้นไม้ อีกด้วย

โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เหมือนเป็นการ “เปิดประตูบานใหม่” ให้เกษตรกรไทยที่สามารถนำทรัพยากรที่มีอยู่มาสร้างมูลค่าเพิ่ม พัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืน และตระหนักรู้ถึงคุณค่าของไม้ยืนต้น โดยไม้ยืนต้นเพียงต้นเดียวก็สามารถสร้างมูลค่าและเป็นทรัพย์สินที่นำมาใช้เป็นหลักประกันการขอสินเชื่อเพื่อขยายธุรกิจได้โดยไม่จำเป็นต้องตัดไม้ทำลายป่า รวมทั้งยังสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต เช่น เป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนเครดิตที่เป็นสินค้าในอนาคตที่ภาคธุรกิจทั่วโลกต้องนำมาชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและที่ทุกภาคส่วนของโลกต่างมุ่งไปที่เศรษฐกิจสีเขียว

“กิจกรรม “ส่งเสริมไม้ยืนต้น หลักประกันทางธุรกิจ” ได้รับความสนใจจากเกษตรกรและผู้ประกอบการในจ.ราชบุรีเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นว่า เกษตรกรต้องการนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตและธุรกิจโดยไม่จำเป็นต้องขายทรัพย์สินที่มีอยู่ไปทำธุรกิจ รวมถึงเข้าใจแนวโน้มการประกอบธุรกิจในอนาคต นำไปสู่การขยายผลไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป ซึ่งโครงการนี้ เป็นอีกก้าวสำคัญของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในการส่งเสริมให้เกษตรกรไทยมีโอกาสเท่าเทียมกัน และเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับภาคป่าไม้ของไทย ดังนั้น การส่งเสริมให้เกษตรกรนำไม้ยืนต้นทุกชนิดมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เป็นการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไปพร้อมกัน” อธิบดีอรมน กล่าวสรุป

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้นำไม้ยืนต้นมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 26 จังหวัด จำนวน 159,761 ต้น วงเงินค้ำประกันรวม 164,435,068.04 บาท โดยเกษตรกร จ.ราชบุรี ได้มีการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันกับ ธ.ก.ส. แล้ว จำนวน 2 ราย คือ อำเภอโพธาราม จำนวน 26 ต้น วงเงิน 271,569 บาท และ อำเภอปากท่อ จำนวน 18 ต้น วงเงิน 10,336 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2567) สามารถสอบถามรายละเอียดการอบรมเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร. 0 2547 5048 e-mail : stro@dbd.go.th หรือ www.dbd.go.th.