‘อุ๊งอิ๊ง1’ รัฐบาล ‘ครอบครัว-มรดกตกทอด’ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

นำรายชื่อ ครม. “อุ๊งอิ๊ง1” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นทูลเกล้า และ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงแล้ว สำหรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยตามไทม์ไลน์หลังจากมีการถวายสัตย์ปฏิญาณตน วันที่ 6 ก.ย. 67 ก็จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกซึ่งเป็นนัดพิเศษวันที่ 7 ก.ย.ก่อนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ที่คาดว่าจะเป็นวันที่ 11 ก.ย.

สำหรับรายชื่อส่วนใหญ่เป็นไปตามโผเดิมที่ปรากฏไปก่อนหน้านี้ และที่สำคัญมีลักษณะเป็นรัฐบาล “ครอบครัว” หรือ “มรดกตกทอด” อย่างที่มีเสียงวิจารณ์กัน เพราะหากไล่เรียงกันตั้งแต่ ตัวนายกรัฐมนตรีเอง และรัฐมนตรีอีกหลายคน ล้วนเป็นคนในครอบครัว เช่น ส่งต่อจากพ่อมาถึงลูก ลูกมาพ่อ พี่มาถึงน้อง รวมไปถึงบางคนที่เป็นตัวแทนจาก “กลุ่มก๊วน” ที่เข้าร่วมรัฐบาล

เริ่มตั้งแต่ตัวนายกฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่สืบทอดมาจากพ่อ คือ นายทักษิณ ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย ในลักษณะ “ลูกเถ้าแก่” ไม่ใช่มาจากประสบการณ์ หรือความสำเร็จทางธุรกิจ หรือ การเมืองมาก่อน

น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มาแทน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ผู้เป็นพ่อ และ นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาแทน ลูกชาย คือนายอรรถกร ศิริลัทธยากร หรือ จากพี่มาสู่น้องคือกรณีของ นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาแทน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และยังมีส่งคนใกล้ชิดในกลุ่มก๊วนที่เป็นเครือข่ายเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนตัวเองที่มีความเสี่ยงด้านคุณสมบัติ เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แกนนำคนสำคัญของรัฐบาล กล่าวถึง การวิพากษ์วิจารณ์เรื่องประวัติรัฐมนตรีบางคน ว่าเป็นไปตามกระบวนการ อย่าไปคิดแบบนั้น หากเป็นแบบเดิมคงเรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะมีคำว่าหลักจริยธรรม หรือ ตีความมาก ทำให้เกิดการเสียเวลา แต่มีหลายคนคิดว่า ไม่อยากให้เป็นประเด็น จึงเอาลูกหลาน คนรู้จัก คนมีความสามารถ เข้ามาทำงานแทน ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่า การเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลจะทำให้คนเก่ามีปัญหา

เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์ว่าเป็น ครม.ครอบครัว นายภูมิธรรม กล่าวว่า พูดตรงนี้ไม่ได้ ให้รอผลการดำเนินการเสร็จสิ้นก่อน แต่ไม่อยากให้เอาคำว่าครอบครัวมาเกี่ยวข้อง เพราะวันนี้วัดคนที่ความสามารถเข้ามาทำงาน ใครมีความสามารถ จะคนในครอบครัว หรือคนคิดเห็นไม่เหมือนกัน หากมีศักยภาพก็เอาเข้ามาทำงาน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส่ง น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ ลูกสาวมาดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ว่า ประเด็นดังกล่าวได้มีการตรวจสอบแล้ว ในส่วนของนายชาดา ได้บอกเองว่า ในเมื่อช่วงนี้ผู้คนให้ความสนใจในเรื่องจริยธรรม และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีของอดีตนายกฯนายเศรษฐา ทวีสิน เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้เป็นข้อครหา คลายความสงสัย ความกังวลต่างๆ จึงขอถอนตัวจากการได้รับการเสนอชื่อ แต่เนื่องจากในระบบการเมืองแบบนี้ เราก็ต้องให้สิทธิ์กับนายชาดา

ในการที่จะเสนอชื่อบุคคลที่คิดว่าจะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้ และตนในฐานะหัวหน้าพรรค ก็ได้ตรวจสอบว่าคนที่นายชาดาเสนอมานั้น มีประสบการณ์ มีความรู้ มีการศึกษา มีทัศนคติที่ดีในการรับใช้บ้านเมืองอย่างไรบ้าง ถ้าตรงคุณสมบัติเบื้องต้นเหล่านี้ ก็ยินดีที่จะเสนอชื่อให้บุคคลนั้นได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในส่วนที่ขาดหายไป ยืนยันว่ามีการตรวจสอบชัดเจน ทั้งตนและพรรค เมื่อนำรายชื่อส่งไปสำนักงานเลขารัฐมนตรีแล้ว ก็จะมีการตรวจสอบอีกชั้น ผ่านกฤษฎีกา ที่มีการตรวจสอบประวัติ ผ่านหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอีกหลายหน่วยงาน

“พรรคภูมิใจไทยเราเองก็มีการกลั่นกรองในสารบบต่างๆ ถ้าบุคคลไหนมีเรื่องของคดี ที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย เป็นผลร้ายต่อสังคม หรือ เป็นอาชญากร เกี่ยวข้องกับยาเสพติดต่างๆ เหล่านี้เราไม่เสนออยู่แล้ว เพราะคนที่เสนอชื่อ ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบเช่นกัน ไม่ใช่ว่านายกฯ ในฐานะผู้รับสนองพระบรมราชโองการ จะต้องรับผิดชอบฝ่ายเดียว คนที่เสนอชื่อให้นายกฯ ทูลเกล้าฯก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย ทำให้เห็นว่าในแต่ละขั้นตอนจะต้องมีการตรวจสอบและกลั่นกรองมาอย่างเข้มงวด เท่าที่เราจะตรวจสอบได้ และให้เจ้าตัวที่ถูกเสนอชื่อได้รับรองประวัติตัวเองด้วย ซึ่งเป็นการสกรีนให้ได้มากที่สุด”

นั่นเป็นคำอธิบายจากระดับแกนนำรัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาลถึงเหตุผลของการตั้งรัฐมนตรีแบบนี้ โดยอ้างอิงระบบการเมืองที่เป็นอยู่ มีคุณสมบัติ และความสามารถ ตามที่กำหนด

อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาจากแบ็กกราวด์ และประสบการณ์ความสำเร็จของรัฐมนตรีแต่ละคน ตั้งแต่ตัว นายกรัฐมนตรีลงมา ล้วนแล้วมีแต่คำถามและไม่ค่อยเชื่อมั่น รวมทั้งเมื่อพิจารณาจากเรื่อง “จริยธรรม” แล้ว ยิ่งทำให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ชุดนี้ มีลักษณะค่อนไปทาง “สีเทา” มากขึ้น ซึ่งย่อมมีผลกระทบต่อ “ศรัทธา” จากประชาชนตามมาแบบเลี่ยงไม่ได้

นอกจากนี้ รัฐมนตรีหลายคนรวมทั้งตัวนายกฯ อยู่ในข่ายยังต้องถูกการร้องเรียนจาก “นักร้อง” ฝั่งตรงกันข้าม ที่มีรอยแค้นฝังลึก พร้อมขุดคุ้ยเรื่องเก่าในอดีตมาตีแผ่ กรณีทำผิด ทั้งปม จริยธรรม ไม่มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ ตามมาตราฐานใหม่ ซึ่งทำให้หลายคนมีความเสี่ยงที่จะต้องพ้นจากตำแหน่ง เสี่ยงคุกตะรางอีกด้วย

แน่นอนว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ยถูกเพ่งเล็ง อย่างมาก โดยเฉพาะจากการแทรกแซงของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ระบุว่าเป็น “ผู้ครอบครอง” นายกรัฐมนตรี รวมไปถึงเข้าไปจัดการที่มองเห็นว่า เขาเป็นคนเอาพรรคนั้นออก และดึงบางพรรค บางกลุ่มเข้าร่วมรัฐบาล มีการมองว่ายังเป็นการฉวยโอกาสทำลายบางพรรคการเมือง “กำจัด” ศัตรูเก่าทางการเมือง เช่น ทำลายพรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ รวมไปถึงพรรคไทยสร้างไทย ลงไปในคราวเดียวกัน

หากพิจารณาถึงเส้นทางข้างหน้าของ รัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง1” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ทำให้หลายคนมองว่า ไม่น่าจะไปได้ไกลนัก เพราะเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามมากมาย โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังรุมเร้า ล้วนเป็นโจทก์ยาก เพราะ เป็นปัญหาที่เกิดจาดปัจจัยภายนอก ซึ่งยากต่อการควสบคุม ทั้ง วิกฤตการค้าโลก หรือ สงครามตะวันออกกลาง รัสเซีย-ยูเครน

ขณะเดียวกัน ปัญหาจากนโยบายสำคัญของรัฐบาลเอง เช่น “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่แม้ว่าจะกลับลำหันมา “แจกเงินสด” กำหนดแจกงวดแรกต้องไม่เกินวันที่ 30 กันยายนนี้ หลังจากนั้นก็จะเริ่ม เฟส 2 แต่คำถามก็คือ จะหา “แหล่งเงินมาจากไหน” เพราะเวลานี้มีเงินอยู่ในมือแค่ ประมาณ 1.8 แสนล้านบาทเท่านั้น จากงบรายจ่ายเพิ่มเติมปี 67 จำนวน 1.22 แสนล้านบาทบวกกับงบที่โยกมาจากการจ่ายหนี้ธนาคารของรัฐอีก 3.5 หมื่นล้านบาท

พอแจกล็อตแรกที่เป็นกลุ่มเปราะบางราว 14 ล้านคน ยังต้องหามาเติมให้ครบ 4.5 แสนล้านบาท ซึ่งตอนนี้ยังมองไม่เห็นทางว่าจะหามาจากไหน ทำให้คาดกันว่าน่าจะต้อง “กู้เพิ่ม” เพื่อมาโปะงบที่ขาดไป แต่มันก็ไม่ง่าย เพราะมันจะไปกระทบกับวินัยการคลัง ที่ตัวเลขหนี้สาธารณะของไทย มันใกล้เพดานจำกัดแล้ว

แต่หากเดินต่อไปไม่ได้ หรือ “ไม่มีเงินแจก” หรือ “แจกไม่ครบ” มันเท่ากับเป็น “หายนะ” แน่นอน ทั้งหลายทั้งปวง ล้วนเป็นความท้าทายนายกรัฐมนตรี “มือใหม่” ป้ายแดง ที่สังคมยังไม่มีความเชื่อมั่น อีกทั้งบรรดารัฐมนตรีที่เข้ามาในลักษณะ “ครอบครัว-มรดกตกทอด” อีกทั้งยังมีแบ็กกราวด์ สีเทา มีปัญหาด้านจริยธรรม ตามมาตรฐานใหม่

ทำให้รัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง1” เดินไปข้างหน้าค่อนข้างลำบาก ไม่ใช่เส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่เข้าใจ !!

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password