สภาฯ ถกเดือด! “ก้าวไกล-เพื่อไทย” แลกหมัด “ปมแก้รธน.-นักโทษชั้น14”

ประชุมสภาถกเดือด! ปมแก้รธน.-นักโทษชั้น14 “ก้าวไกล-เพื่อไทย” ปะทะวุ่น กระทู้ กระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน “ภูมิธรรม” ซัด “ชัยธวัช” จุกจิก เปิดกว้าง อย่าวนแค่ชั้น 14

วันที่ 11 ม.ค.2567 เวลา 11.08 น. การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มาทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธาน โดยที่ประชุมได้พิจารณากะทู้สดด้วยวาจา ของ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ถามนายกฯ เรื่องกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญ และการสร้างความชอบธรรมเพื่อฟื้นฟูระบบนิติรัฐให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น แต่นายกฯได้มอบหมายให้ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เป็นผู้ชี้แจงแทน

โดยนายชัยธวัช ถามว่า ทราบว่าคำถามที่จะนำมาให้ประชาชน ทำประชามติ จะเขียนล็อคไว้เลยว่าจะไม่แก้รัฐธรรมนูญในหมวด1 บททั่วไป และหมวด2 สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งการเขียนล็อคในลักษณะนี้จะเป็นการวางยาตัวเอง และมีปัญหาในเชิงเทคนิคต่อไป การเขียนล็อคที่เป็นการจงรักภักดีล้นเกิน หากมีพระราชประสงค์ปรับแก้ในหมวด2 รัฐบาลใหม่จะทำอย่างไร จึงอยากทราบว่า รัฐบาลจะทบทวนคำถามที่จะใช้ทำประชามติหรือไม่ นอกจากนี้ นายชัยธวัช ยังสอบถามถึงมาตฐานการคุมนักโทษของรัฐบาลชุดนี้ด้วย

ด้านนายภูมิธรรม ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาทุกพรรคการเมืองประกาศชัดเจนว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่แตะหมวด1 และหมวด2 ยกเว้นพรรคก้าวไกล จึงอยากให้ดูความจริงด้วย พรรคเพื่อไทย ก็หาเสียงไม่แตะทั้งสองหมวดดังกล่าว และประกาศเป็นนโยบายสมาชิกรัฐสภารับทราบและยอมรับ การไม่แตะเรื่องนี้ จะทำให้หลีกหนีความขัดแย้งได้ เพราะเป็นความไม่สบายใจของคนส่วนใหญ่ในประเทศ ขอพรรคก้าวไกลอย่าหมกมุ่นอยู่กับประเด็นนี้ และตนก็ไม่ทราบว่าทำไมต้องกังวลใจกับเรื่องนี้มากเกินไป ส่วนเรื่องการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.)นั้นเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง ยังไม่จำเป็นต้องสร้างความสับสนในชั้นการทำประชามตินี้

ส่วนกรณีการคุมขังนักโทษนั้น รัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการคุมคามหรือทำให้เกิดความหวาดกลัว สิ่งสำคัญกว่านั้นมาจากประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น ขณะที่กฎหมายดำเนินการอยู่ ทุกคนก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย อะไรที่เป็นกฎหมายอย่าท้าทายและทำผิด กรณีที่พูดถึงความเสมอภาคเท่าเทียม แล้วพูดถึงชั้น14 ตนเข้าใจและรู้สึกแบบเดิมเหมือนหมวด1 หมวด2 ท่านไม่ได้ทำความเข้าใจรายละเอียดกฎหมายที่ออกมาให้ชัดเจน ถ้าเข้าใจจะไม่รู้สึกแบบนี้ กฎหมายฉบับนี้ออกมาเพื่อให้เกิดความเสมอภาคเท่าเทียม ไม่ได้เกิดในรัฐบาลนี้ แต่เกิดมาก่อน ยกความดีให้รัฐบาลที่แล้ว ที่เล็งเห็นว่าการนำผู้ต้องขังไว้ในเรือนจำ ล้นจริงๆ คุกล้น คนอยู่ข้างในลำบาก ดังนั้นจึงพยายามแก้ไขปัญหา เป็นไปตามหลักสากลให้บุคคลที่เจ็บป่วย หรือใกล้พ้นวาระ และปฏิบัติตัวดีไปใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกได้

“ผู้ที่อยู่ในเรือนจำถ้าแพทย์วินิจฉัยว่าป่วยก็ต้องดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย เรื่องชั้น14 แพทย์ก็ยืนยันต้องถือเป็นที่สุด อย่าเอาเรื่องที่เป็นกระบวนการยุติธรรมปกติมาโยนใส่รัฐบาล แล้วทำให้เป็นเรื่องความเหลื่อมล้ำ เรื่องความปรารถนาที่จะสร้างความไม่เสมอภาคกัน ใจเย็นๆ ทำใจกว้างๆ คิดให้ดี ถ้ายังจุกจิกกับเรื่องแบบนี้ปัญหาประเทศจะไปไม่ได้ ฉะนั้นต้องใจเที่ยงธรรม สิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เป็นกฎหมายเพื่อคนส่วนใหญ่ ตามหลักสากล และไทยกำลังทำ ผู้ป่วย ป่วยตามที่หมอบันทึกและวินิจฉัย ถ้าจะอภิปรายไม่ใช่อภิปรายรัฐบาล กระบวนการขณะนี้ท่านก็ไม่ได้อภิปรายอย่างถูกต้อง เพราะไม่ใช่กระบวนการพิเศษที่ทำเพื่อใคร ความเหลื่อมล้ำเป็นความตั้งใจที่รัฐบาลจะแก้ไข แต่ความเหลื่อมล้ำมีหลายอย่าง ทั้งโอกาสทางการศึกษา เศรษฐกิจ และการใช้ชีวิต ไม่ใช่วนเวียนอยู่ที่ชั้น14 ขอความกรุณาเปิดให้กว้างแล้วไปให้ไกลถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก” นายภูมิธรรม กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่าง ที่นายชัยธวัชถามคำถามที่สอง เรื่องการคุมขังนักโทษนั้น ปรากฎว่าได้ใช้เวลาเกินที่กำหนดไว้ แต่ยังไม่ถึงหนึ่งนาที ทำให้ นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงขอให้รักษาเวลา ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ วินิจฉัยอนุญาตให้นายชัยธวัช ใช้เวลาอภิปรายเกินได้อีก 1 นาที แต่ดูเหมือนคำวินิจฉัยไม่ได้ผล เพราะนายไชยวัฒนา ประท้วงซ้ำอีกครั้ง

จากนั้นนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วงสวนกลับว่าคำวินิจฉัยของประธานถือเป็นที่สุด และยังกล่าวตอนท้ายว่า “ชั้น14แตะไม่ได้เลยหรือ เดี๋ยวผมจะเอาข้าวผัดกับโอเลี้ยงไปฝาก” ทำให้นายไชยวัฒนา โต้ว่า “นายวิโรจน์เละเทะ เดชะบุญของคนกทม.” ต่อมานายวันมูหะมัดนอร์พยายามไกล่เกลี่ยให้เลิกแล้วต่อกัน และตัดบทให้นายภูมิธรรมชี้แจงต่อไป.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password