‘เศรษฐา’ ม้วนเดียวจบ! รัฐสภาโหวตหนุนนั่งนายกฯ 482 เสียง

โจทย์ใหญ่ของนายกฯนิด หลังผ่านโหวตรัฐสภา 482 เสียง นั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศคนที่ 30 คือ ทำอย่างไรจึงจะลดแรงเสียดทานจากคนกลุ่มเห็นต่างในฟากฝั่งประชาธิปไตย ให้จับตานโยบาย “แจกเงินดิจิทัล” ที่จำต้องเร่งคลอดโดยเร็ว แต่หลังจากนั้น อาจต้องหานโยบายที่ยั่งยืนกว่านี้ และต้องทำอย่างต่อเนื่อง

ในที่สุด…ประเทศไทยก็ได้ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” หรือ “นายกฯนิด” ในวัย 60 ปี “แคนดิเดทนายกฯ” จากพรรคเพื่อไทย หลังจาก ที่ประชุมร่วมสมาชิกรัฐสภา (ส.ส.และ ส.ว.) ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีสมาชิกรัฐสภาเข้าร่วมประชุมทั้งสิ้น 728 เสียง ขาดประชุมเพียง 19 เสียง

โดยมี ส.ส.และส.ว.เห็นชอบ 330 เสียงและ 152 เสียง รวม 482 เสียง ขณะที่ ส.ส.และ ส.ว.ที่ไม่เห็นชอบ 152 เสียงและ 13 เสียง รวม 165 เสียง สำหรับ ส.ส.และ ส.ว.ที่งดออกเสียงมีด้วยกัน 81 เสียง แยกเป็น ส.ส.13 และ ส.ว.68 เสียง ตามลำดับ

“เศรษฐา ทวีสิน” อยู่ระหว่างรอรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ในคืนวันเดียวกัน โดย สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประสานแจ้งว่า คืนนี้ (22) จะมีพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คนที่ 30

นาทีนี้ คงไม่มีอะไรมาหยุดรั้งการขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีของ “เศรษฐา” ได้แล้ว และหลังจากที่ พรรคเพื่อไทยรอคอยยาวนานกว่า 9 ปี คืนนี้…แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพวกเขา จะได้เข้าพิธีสำคัญ

อย่างไรก็ตาม การได้เก้าอี้นายกฯและการเป็นแกนนำรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย? โจทย์ยากที่จะมีตามมา ภายหลังได้รับการโปรดเกล้าฯอย่างเป็นทางการแล้ว ก็คือ…

ท่ามกลาง กระแสความรู้สึกไม่พอใจของคนไทยที่เทเสียงให้พรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตย หันหน้าจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล แต่แล้วมาโดนพรรคเพื่อไทยหักหลัง สิ่งนี้…ย่อมสร้างความไม่พอใจและพร้อมจะออกมาต่อต้าน “รัฐบาลเพื่อไทย”  

จากนี้…การบริหารประเทศ ภายใต้การนำของ นายกฯเศรษฐา จะเดินหน้ากันอย่างไร? จึงจะลดกระแสแรงเสียดทานจากความไม่พอใจของคนกลุ่มนี้ได้

“สติธร ธนานิธิโชติ” ผอ.สำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า หนึ่งในกลุ่มคนที่เกาะติดการขับเคลื่อนนโยบายของพรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า…ภาพรวมรัฐบาล “เศรษฐา 1” ที่มีการผสมข้ามขั้วกับรัฐบาลเดิมนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำและเคยประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ ก็คือ…การเดินหน้าผลักดันนโยบายดิจิตอลวอลเล็ต (ข้อมูล : ด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับคนไทยวัย 16 ปีขึ้นไป ซึ่งมีมากกว่า 50 ล้านคน นั่นก็หมายความว่า…รัฐบาลจะต้องหาเงินมาแจกจ่ายผ่านโครงการนี้ ไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท)

เขาย้ำว่า…นโยบายดิจิตอลวอลเล็ต ผลักดันไม่ยากเนื่องจากเป็นโครงการเฉพาะหน้า ที่ใช้งบกลางและงบประมาณที่เหลือบางส่วนมาผสมกัน น่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และการเป็นนโยบายเฉพาะหน้า เฉพาะกิจ จะทำให้คนรู้สึกว่ารัฐบาลเข้ามาก็สามารถขับเคลื่อนนโยบายได้เลย แต่โจทย์ต่อไปคือหลังจากนั้นจะทำอย่างไรเพราะนโยบายนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมากเต็มที่ 6 เดือน

แม้จะไม่รู้สึกเป็นห่วงกับการใช้เงินงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว เนื่องจากส่วนใหญ่จะใช้จากงบกลาง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อกระทรวงอื่นๆ ในโควต้าของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ต้องไปดูงบประมาณฯในปี 2568 ว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลจะจัดสรรและวางกรอบงบประมาณเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยไว้อย่างไร?

นโยบายดิจิตอลวอลเล็ตจะส่งผลดีต่อพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลในระยะสั้น เพราะการเกิดขึ้นของรัฐบาลชุดนี้ ถูกตั้งบนสถานการณ์ที่คนไม่พอใจเยอะ เนื่องจากมีการข้ามขั้วมาจับมือกัน ดังนั้น การที่จะผลักนโยบายอะไรออกไป ที่จะสามารถเห็นผลได้ทันทีโดยเร็วก็จะสามารถลดกระแสต่อต้านเหล่านี้ได้ซึ่งก็เป็นผลดี” สติธร กล่าวและว่า “ในระยะสั้นอาจจะเป็นผลดีแต่สิ่งที่ต้องคิดต่อไปก็คือนอกจากนโยบายดิจิตอลวอลเล็ตแล้ว ยังมีนโยบายอื่นที่พรรคเพื่อไทยต้องพิสูจน์ตัวเองกับการเดิมพันตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ซึ่งน่าจะเป็นโจทย์ใหญ่ .

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password