“เฉลิม” ฉะยับ! ก้าวไกล จ้องเอาเก้าอี้ ประธานสภาฯ ชี้ “ประมุขนิติบัญญัติ” ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
“เฉลิม อยู่บำรุง” มาแล้ว! ฟาดเรียบสอนมวยคนหนุ่มรุ่นใหม่ ต้องเล่นการเมืองให้เป็น ใจเย็นๆ อย่าตื่นเต้น ป่าวประกาศตัวเป็นรัฐบาล-จองโควตาตำแหน่ง ยันปมร้อน ‘ประธานสภา’ ต้องผ่านความเห็นของพรรค-แข่งกันในสภาฯ ลั่นตำแหน่ง ‘ประมุขนิติบัญญัติ’ ไม่มีเป็นของพรรคใด ลั่นไม่ลดตัว รับตำแหน่ง ‘รมช.กลาโหม’ การันตีเข้าสภาฯมารอบนี้ ไม่เหงาแน่นอน
วันที่ 22 มิ.ย.2566 เวลา 13.10 น.ที่ รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางมารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พร้อมให้สัมภาษณ์ก่อนเข้ารายงานตัว ว่า ขอบคุณประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นๆเป็นส.ส.ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบเขต น้ำใจไมตรีครั้งนี้ แสดงว่าเผด็จการก็ผ่านไปประชาธิปไตยกลับมา ถามว่าตนตื่นเต้นหรือไม่ สภาแห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์ ตนอยู่สภามา 40 ปี เข้ามาทีไรก็ตื่นเต้นทั้งนั้น ตนรักสภา ชอบอยู่สภา รักการอภิปราย ตนเป็นดาวสภาที่ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งให้ ไม่ใช่ดาวสภาที่ดาวสภาตั้งกันเอง ตนไม่ได้ตำหนิใคร ใครจะเป็นอะไรก็เป็นเถอะ
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า การเมืองวันนี้แปลกๆ บางคนบอกว่า คนรุ่นเก่าเหมือนยาหมดอายุ ต้องคนรุ่นใหม่ ตนถามว่าถ้าคนรุ่นเก่ายังมีสติปัญญา มีความรู้ ดีกว่าคนรุ่นใหม่ แล้วจะเอาคนรุ่นเก่าไปไว้ที่ไหน มันต้องผสมผสานกัน อย่าดูแคลนกัน ทุกคนมีจิตสำนึก รักบ้านเมืองเหมือนกัน ไม่ใช่อยู่พรรคนี้รักบ้านเมืองกว่า อยู่ตรงนี้ใครไปแตะอะไรก็ทัวร์ลง นี่ไม่ใช่ลักษณะของการเมือง การเมืองต้องว่ากันด้วยวิสัยทัศน์ ดูการอภิปราย ดูการทำงานในสภาฯ ดูการเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง
“ผมขอยกตัวอย่างเลย อย่างกรณีพรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล มีตัวแทน8พรรค ได้ปรึกษาหารือกัน แล้วถ้าเลือกใครเป็นประธานสภาฯ เพื่อไทยก็เป็นตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยไป ผมย้ำว่าเป็นตัวแทนไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ เมื่อได้ข้อตกลง ต้องกลับมาที่พรรคเพื่อไทย มาถามเฉลิมบ้างสิ ว่าที่ตกลงกันแบบนี้ ผมเห็นด้วยมั้ย แล้วถามผู้แทนฯทั้งหมดด้วยว่าเขาเห็นด้วยมั้ย ไม่ใช่ไปกัน7-8คนแล้วไปตกลง คนนู้นออกมาก็จะขอ คนนี้ก็จะขอ คนนั้นก็บอกขอประธานสภาฯเพื่อทำกฎหมายของพรรคตัวเอง มันไม่ได้ ประธานสภาฯต้องเป็นกลางของทุกพรรคการเมืองที่สังกัดในรัฐสภา” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า เพราะฉะนั้น เรื่องที่กำลังมีการวิพากษ์วิจารณ์ ตนยืนยันว่าจะขอแสดงความเห็น แต่ขอให้ตัวแทนที่ไปเจรจากันทั้ง8คน8พรรคเขากลับไปที่พรรคก่อน แล้วค่อยจะวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องมีเท่านี้ อย่าไปเถียงกันเลย
ต่อข้อถามว่าหากพรรคก้าวไกลยังยืนยันขอเป็นประธานสภาฯ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนต้องทำตามมติพรรค พรรคเพื่อไทยมีมติอย่างไร ถ้าพรรคเพื่อไทยมีมติไม่เห็นด้วย ตนก็ต้องไม่เห็นด้วย แต่ถ้ามีมติเห็นด้วย ตนไปขัดมติพรรคไม่ได้สุดท้ายก็ต้องมาโหวตในสภาฯอยู่แล้ว แต่เราต้องพกการบ้านมาจากพรรค ถ้าเพื่อไทยเห็นด้วยตนก็เห็นด้วย ถ้าแพ้ก็คือแพ้
ส่วนเงื่อนไขประธานสภาฯจะทำให้การร่วมรัฐบาลเป็นไปได้ยากขึ้นหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มีรัฐบาลไหนตั้งง่าย ยากทั้งนั้น ไปร้องเพลง ดีด สี ตี เป่า บางทีมันยังไม่ใช่ นี่เพิ่งเริ่มต้น รายงานตัวส.ส.ยังไม่หมดเลย จะเป็นรัฐบาล มีตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ ใจเย็นๆ คนหนุ่มก็ใจร้อน คนอายุมากเขาก็คิดเป็น
เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐ จะเสนอนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ชิงตำแหน่งประธานสภาฯ คนของพรรคเพื่อไทยควรจะสละสิทธิ์หรือไม่หรือปบ่อยไปตามกระบวนการ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่กล้าพูด เพราะใหม่ไป ไปพูดก็จะรู้มากไป ให้เขาประชุมพรรคก่อน
เมื่อถามถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่เคยบอก เพราะเขาอยู่คนละพรรคกับตน ตนไม่กลัวทัวร์ลง ตนจะไปเห็นพรรคอื่นเป็นนายกฯได้อย่างไร ตนต้องเห็นคนของพรรคเพื่อไทย
“เล่นการเมืองต้องเล่นให้เป็น ไม่ใช่อิ๊แอ๊อิ๊แอ๊ นิดหน่อยก็ไปตื่นเต้น ถ้าผมไปเห็นนายพิธา ดีกว่าคนของพรรคเพื่อไทยผมก็ไม่ใช่เฉลิม อยู่บำรุง” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
เมื่อถามว่าจะใช้พิจารณาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาตำแหน่งประธานสภาฯกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายเฉลิม กล่าวว่า ต้องรอฟังพรรค เพราะ8คนเขาไปเอ็มโอยู เป็นการตั้งรัฐบาลครั้งแรกที่มีเอ็มโอยู ตนอยู่สภาฯมา40ปี ไม่มีหรอก มีครั้งนี้ที่มี นี่คนรุ่นใหม่ ไอนี่คนรุ่นเก่า มันจะใหม่อะไรนักหนา มันจะเก่าอะไรนักหนา มันอยู่ที่ความรู้
เมื่อถามถึงสเปคของประธานสภาฯ หากอายุน้อยจะเหมาะหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า อยู่ที่ความชำนาญ ความมั่นคง ทำตัวเป็นกลาง ไม่ใช่ว่ามาจากพรรค ก. ต้องเอาแต่พรรค ก. คนเป็นประธานสภาฯ ต้องเป็นประธานของสภาฯเห็นให้สัมภาษณ์ว่า บางพรรคได้คะแนนนิยมดี ก็ไม่เถียง แต่ เฉลิมมาแล้ว อะไรไม่ถูกต้อง ไม่มีปราณี ต้องโต้แย้ง
“ประธานสภาฯ พรรษาน้อยไม่เป็นปัญหา ถ้าเก่งเป็นได้ แต่อย่าพูดว่า ประธานสภาเป็นของพรรคของผม หรือของพรรคไหน แบบนี้ไม่รู้การเมือง เลอะเทอะ ทำให้คนสับสน เขาเป็นประธานของสภาฯ ประธานรัฐสภาเป็นของทุกพรรค ไม่ใช่ของผม จะเอาแต่พรรคผม การเสนอกฎหมาย คนเดียวกฎหมายก็ไม่ผ่าน ซึ่งที่พูดมานั้นโง่” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
เมื่อถามถึงแนวทางที่พรรคอันดับหนึ่งได้สิทธิเสนอชื่อประธานสภาฯ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “เขาตกลงยังไง ไม่ทราบแต่ต้องแข่งกันในสภาฯ ไม่ใช่พรรคเสนอมาแล้ว เป็นแม่บัวลอย ไม่ใช่ ต้องแข่งกันในสภา”
เมื่อถามถึงความเห็นกรณีที่นายกฯ และประธานสภาฯ เป็นของพรรคเดียว ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น แต่เรื่องแบบนี้ของง่าย ทำให้ยาก คนไม่ค่อยรู้ชอบอวดดี ถือเด่น พูดจนคนปวดหัว ที่จริงไม่มีอะไรหาก พรรคไหนส่งคนแข่งขัน แล้วสมาชิกเลือก คนนั้นก็ได้เป็น ส่วนจะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่ ตนไม่ทราบ ตนไม่ขัดแย้ง ตนไม่ใส่ใจเพราะเป็น ส.ส.เหมือนกัน
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวตอนท้ายด้วยว่าการกลับเข้าสภาฯรอบนี้ สภาฯไม่เหงาแน่นอน แต่จะไม่กลับมาทวงตำแหน่งดาวสภาฯ แต่หากยกให้ ก็ชอบ และ เมื่อถามว่าไม่อยากเป็นรัฐมนตรีหรือ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ผมก็อยากเป็นรัฐมนตรี แต่พรรคไม่ให้หรือไม่ไม่รู้ หากไม่ให้ก็เป็นไม่ได้ ส่วนที่มีโผออกมาบอกว่า จะให้ตำแหน่ง รมช.กลาโหม ผมไม่รับ”