เปิดสูตรคำนวณโควตารมต. 8 พรรคร่วม ยึดโยงนโยบายพรรค “ชัยธวัช” เผยคืบแล้ว50%
จับตาพรรคร่วมรัฐบาลคุยอีกรอบ 30 พ.ค. แบ่งโควตารมต.ยึดโยงนโยบายพรรค ไร้วาระคุยเก้าอี้ปธ.สภาฯ โยน “พท.-กก.” คุยนอกรอบกันเองสองพรรค “เสรีพิศุทธิ์” ยังมีชื่อ คุม สตช.”ชัยธวัช” แจง งดคุยเก้าอี้สภาผ่านสื่อ หวั่นเสียงานใหญ่ เผย ตั้งรัฐบาลคืบ 50%
วันที่ 27 พ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ เวลา 14.30 น. พรรคก้าวไกล (กก.) ได้แจ้งกำหนดการว่า พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรคการเมือง จะมีการประชุมพูดคุยแนวทางและแผนงานการทำงานร่วมกันหลังการลงนามเอ็มโอยูเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ณ. ที่ทำการพรรคประชาชาติ เพื่อหารือกรอบถึงการเตรียมความพร้อมในการบริหารและนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองให้ไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ ในวันดังกล่าวจะมีการพูดคุยถึงตำแหน่งต่างๆ ในรัฐบาลว่าสัดส่วนรัฐมนตรีของแต่ละพรรคจะได้กี่ที่นั่ง และจะได้รัฐมนตรีกระทรวงใดบ้างที่สอดคล้องกับนโยบายของแต่ละพรรค ขณะที่พรรคเพื่อไทยเองได้มีเริ่มมีการพูดคุยเรื่องวางตัวรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคแล้ว แต่ยังไม่สรุปอย่างทางการว่าบุคคลใดจะเข้ามาทำหน้าที่ในกระทรวงใดบ้าง
โดยสูตรคำนวณแบ่งรัฐมนตรีจะคิดจากจำนวน ส.ส. หารด้วย 8.6 ต่อรัฐมนตรี 1 ที่นั่ง ซึ่งพรรคก้าวไกล จะ ได้ 14 ที่นั่งบวก 1 เก้าอี้นายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยได้ 14 เก้าอี้ พรรคประชาติ ได้ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย ได้ 1 เก้าอี้รัฐมนตรีช่วย ส่วนพรรคเล็กที่มี ส.ส. 1-2 ที่นั่งนั้น ได้แก่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคเป็นธรรม และพรรคพลังสังคมใหม่ เมื่อรวมเสียงแล้วอาจจะไม่ถึงสูตรที่กำหนดไว้ ก็อาจจะไม่ได้เก้าอี้รัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะมอบให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. ดูแล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
ส่วนตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่มีการพูดคุยในวันที่ 30 พ.ค. เพราะเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นเรื่องที่สองพรรคต้องพูดคุยกันเองไม่ได้เกี่ยวกับพรรคอื่น แต่แกนนำพรรคเพื่อไทยมองว่าจะต้องมีการหารือกันด้วยเหตุด้วยผล
อย่างไรก็ตาม ส่วนที่เลือกใช้พรรคประชาชาติในการประชุมนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเทียบเชิญให้วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภาฯ หรือเข้ามาเป็นกาวใจความไม่ลงรอยที่เกิดขึ้นภายในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะหลังจากนี้จะมีการประชุมสลับไปในทุกพรรคเช่นกัน.
ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล ว่า วันนี้ต้องเดินให้ดีที่สุด ช่วงนี้ได้พูดคุยกับทางพรรคเพื่อไทย(พท.) เเล้วว่า จะมีการดาวน์เรื่องประธานสภาฯลงจะไม่พูดคุยผ่านสื่อแล้ว เดี๋ยวจะคุยกันเป็นการภายใน เมื่อถามถึง กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลบอกว่าเรื่องประธานสภาฯ ให้ไปคุยกันในทีมเจรจา อย่าคุยกันผ่านสื่อ นายชัยธวัช ตอบว่า ใช่ ผมว่าเดี๋ยวเสียงานใหญ่
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ยังมีเวลาอีกกว่า 1 เดือนที่จะหาข้อยุติ โดยหลังจากเอ็มโอยูผ่านไปแล้ว มีวาระหลักต้องมาลงในรายละเอียดว่า มีอะไรที่ต้องทำอย่างเป็นรูปธรรมบ้าง ใครจะรับผิดชอบตรงไหน ต้องมีการเซ็ตเป็นทีมขึ้นมา ตรงนี้ก็จะเริ่มลงตัว ซึ่งในวันที่ 30 พ.ค.จะมีการนัดประชุมกันอย่างเป็นทางการของ8 พรรคร่วม ที่พรรคประชาชาติ ช่วงเวลา 14.30 น. เดี๋ยวหลังจากนี้คงจะมีการสลับกันเป็นเจ้าภาพในแต่ละพรรค ไปที่พรรคประชาชาติบ้าง พรรคเพื่อไทยบ้าง พรรคก้าวไกลบ้าง พรรคเสรีรวมไทยบ้าง คงจะเป็นประมาณนี้
เมื่อถามว่า ประเมินความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล ขณะนี้ในใจลุล่วงไปแล้วกี่เปอร์เซ็นต์ ถ้ารวมถึงการจัดสรรเก้าอี้กระทรวงต่างๆ ด้วย นายชัยธวัช ตอบว่า ตนคิดว่ามันเกิน 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว ที่เหลือตอนนี้คือลงรายละเอียด ประเด็นการตั้งรัฐบาลหลักๆจะอยู่ที่ ส.ว.จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ตนคิดว่า สักกลางเดือนมิ.ย.น่าจะประเมินออก เพราะการเดินสายคุย กับ ส.ว. ก็มีการนัดคุยกันทุกวัน
เมื่อถามถึง ข่าวลือการเเบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี ที่ได้เจรจากระทรวงคร่าวๆ เป็นไปตามนั้นหรือไม่ นายชัยธวัชตอบว่า ยังไม่น่าจะตรงกับข้อเท็จจริง เพราะว่าจริงๆมันจะชัดเจนหลังจากนี้ หลังจากที่เรามาดูเรื่องวาระรูปธรรมที่จะผลักดันร่วมกัน แล้วก็แบ่งความรับผิดชอบเบื้องต้นเราก็พอจะทราบแล้วว่า แต่ละพรรคมีข้อเสนออะไรบ้างมีเวลาในการหาข้อยุติอยู่
เมื่อถามอีกว่า ที่บอกว่าช่วงกลางเดือนมิ.ย.บอกว่าน่าจะเห็นเค้าลางการตั้งรัฐบาล แล้วจะมีการพูดคุยเรื่องเก้าอี้ใช่หรือไม่ นายชัยธวัชตอบว่าจริงๆ ระหว่างนี้แหละคงต้องเตรียมแล้ว เรากำลังหมายถึงว่าเตรียมเพื่อให้พร้อมในการเข้าไปบริหาร แต่ว่าในส่วนความชัดเจนจะมากขึ้นเรื่อยๆ กลางเดือนมิ.ย.ตนคิดว่า มันจะประเมินออกว่า จะเป็นอย่างไรบ้างจะเริ่มสะเด็ดน้ำ.