เพื่อไทย ยุค…ออกแบบ ‘ระบบเศรษฐกิจ!!??’

รู้ยัง? คนไทยเบื่อหน่ายกับพรรคการเมืองที่เก่งแต่หาเสียง??? แต่ล้มเหลวในการทำงานจริง!!! กับบทบาทใหม่…พรรคเพื่อไทย กำลังขยับเกมเชิงกลยุทธ์ เปลี่ยนจากการขายนโยบายรายชิ้น สู่การวางบทบาทเป็น “พรรคออกแบบระบบเศรษฐกิจ” คำถามสำคัญ…จึงไม่ใช่แค่นโยบายดีหรือไม่? แต่คือคนไทยจะเชื่อหรือไม่ว่า…ครั้งนี้พูดแล้วทำได้จริง!!!

สงครามการเมือง โหมดเลือกตั้งรอบใหม่ เริ่มต้นขึ้นแล้ว ฟังเสียงจากโพลหลายสำนัก…เห็นคล้ายกัน ราว 40% ยังไม่ตัดสินใจเลือกทั้งพรรคและคนที่จะก้าวขึ้นมาเป็น “ผู้นำประเทศ”

แม้ 60% กลุ่มตัวอย่างของโพล ระบุชัดว่า…ตัดสินใจเลือกใครไปบ้างแล้ว แต่ประเด็นสำคัญที่จะทำให้พรรคการเมือง ชนะศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ขึ้นอยู่ที่พรรคใด? แย่งชิงสัดส่วน 40% มาได้ ซึ่งจะต้องอ้างอิงถึง…

นโยบายหลักสำคัญ และแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรค

พรรคเพื่อไทย ประกาศตัวออกมาแล้ว สำหรับ…3 แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรค ประกอบด้วย…

ดร.เชน – ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคฯ และ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผอ.การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย

ที่เหลือคือ…นโยบายที่พรรคฯกำลังจะ “ปั้น” ออกมา!!!

กระนั้น ระหว่างเดินสายลงพื้นที่ในหลายๆ จังหวัดในช่วงที่ผ่านมา แกนนำพรรคเพื่อไทยนายจุลพันธ์ และ ดร.เชน ต่างก็ทยอย…“เปิด” แนวคิดนโยบายของพรรคฯ ไปบ้างแล้ว

ถึงขั้น…ลากเอาความสำเร็จในอดีตของ “ต้นทาง” สมัยยังเป็น…พรรคไทยรักไทย และอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร มาปูพื้น เรียกคืนความทรงจำบนความสำเร็จเมื่อกว่า 20 ปีก่อน

หวังดึงเอาบรรดาแฟนคลับหน้าเดิมๆ กลับคืนมา…

แต่ในทางการเมือง “เหรียญย่อมมี 2 ด้าน” มีได้…ก็มีเสีย มีชื่นชอบ…ก็มีชิงชัง!!??

กลุ่มคนที่เคย “อิน” กับหลายนโยบายของพรรคไทยรักไทย และอดีตนายกฯทักษิณ เชื่อว่า…ยังคงมีอยู่ แต่จะมากกว่ากลุ่มคนที่อยู่ตรงกันข้าม และเด็กรุ่นใหม่ในอีก 20 ปี หลังการทำรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 หรือไม่?

ทีมยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย ก็น่าจะมีตัวเลขเหล่านี้

แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุด! คือ กลุ่มคนเคยรัก แต่วันนี้…ปันใจจากพฤติกรรมและการกระทำของพรรคเพื่อไทย นับตั้งแต่ที่มาของจัดตั้ง “รัฐบาลเศรษฐา” จนมาถึง “รัฐบาลแพทองธาร”

นโยบายอะไรทำสำเร็จ…ทำไม่สำเร็จ ขอไม่พูดถึง กระทั่ง ต้องทำร้ายจิตใจกัน!!??

โดยเฉพาะ ปมขัดแย้ง “ไทย-กัมพูชา” และ “คลิปเสียงหลุด – อังเคิล” ซึ่งแน่นอนว่า…พรรคการเมืองคู่แข่ง คงต้องหยิบเอาไปใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง! อย่างไม่ต้องสงสัยแน่ๆ???

แล้วอาจจะมี วลีแรงๆ เช่น…ไส้ศึก, ขายชาติ และ/หรือ อะไรอีกมากมายตามมา ให้ต้องเป็นประเด็นฟ้องร้องในทางการเมืองกันไป

ล่าสุด เป็น “ดร.ออฟ – เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ อดีต รมว.คลัง ออกมาพูดถึงกรอบแนวคิดนโยบายเศรษฐกิจเพื่อไทย ก่อนทยอยประกาศนโยบายสู้ศึกเลือกตั้ง ในครั้งนี้

“ทีมข่าวยุทธศาสตร์” ขอหยิบเอามานำเสนอ ตามที่ได้รับมาทั้งดุ้น ตามนี้เลย…

1. สร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจ รับผิดชอบทางการคลัง ลดการขาดดุลงบประมาณ ยกระดับเครดิตเรตติ้งประเทศ ผ่านการคลังที่มั่นคง

2. สิทธิ์สู่มือประชาชน ผ่านการกระตุ้นด้านดีมานด์ ให้ประชาชนเป็นผู้ถือเงิน หรือคูปองในการเลือกใช้บริการภาครัฐ เปลี่ยนการใส่งบประมาณไปที่หน่วยงานรัฐแล้วจัดซื้อจัดจ้าง เป็นใส่สิทธิ์ตรงให้ประชาชนโดยตรงเป็นผู้มีอำนาจในการเลือก

3. หนี้ดีต้องได้รางวัล หนี้เสียรัฐต้องช่วยเหลือ – ปลดหนี้ประชาชนทั้งระบบ ครบทุกกลุ่ม เน้นไปที่หนี้เสียเรื้อรัง ให้กลับมายืนได้อีกครั้ง

4. ไม่มุ่งแต่ใช้งบประมาณ แต่ปลดล็อคกฎหมายและระบบภาษี เพื่อดึงดูดเม็ดเงิน เอาเงินต่างชาติที่ถูกกฎหมาย มาหมุนเศรษฐกิจไทย การลงทุนภาครัฐต้องเหนี่ยวนำการลงทุนภาคเอกชน

5. “แปลงสินทรัพย์เป็นทุน” ยังคงเป็นหลักคิดที่สำคัญ ทรัพย์สินของรัฐ ที่ดินของรัฐ ต้องสร้างรายได้ ต้องไม่ถูกปล่อยทิ้งร้าง และประชาชนต้องมีส่วนร่วมลงทุน

6. การพัฒนาทุนมนุษย์ จะมีการให้สิทธิ์ตรงลงไปที่ประชาชนโดยตรง (ไม่ผ่านตัวกลาง) เลือกเพื่อเพิ่มทักษะในสาขาเป้าหมายในการพัฒนาประเทศ

7. เปลี่ยน “รัฐควบคุม” เป็น “รัฐบริการ” ระบบใบอนุญาตจะไม่ใช่วิจารณญาณจากเจ้าหน้าที่รัฐ แต่จะกลายเป็นหลักปฏิบัติที่มีมาตรฐานเดียวกัน จะมีระบบที่เปิดให้ประชาชนเข้าถึงงบประมาณ สถานะโครงการ การจัดซื้อจัดจ้าง เพราะเราจะสร้างรัฐที่โปร่งใส

8. เศรษฐกิจมูลค่าสูง คุณภาพมาก่อนปริมาณ เมื่อเข้าสู่สังคมสูงวัย เมื่อปริมาณแรงงานน้อยลง แก่ขึ้น ต้องยกระดับผลิตภาพแรงงาน ยกระดับเทคโนโลยีโดยเฉพาะ AI

9. ยกเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นบนดิน ดึงเศรษฐกิจนอกระบบสู่ในระบบ เพิ่มการจ้างงานที่ถูกกฎหมาย

10. ลดภาระ ต้นทุนชีวิตประชาชน ทั้งด้านค่าใช้จ่ายประจำวัน ค่ารักษาพยาบาล ประกันชีวิตผู้เสี่ยงภัย ค่าเดินทาง ค่าไฟ รวมถึงต้นทุนการผลิตภาคธุรกิจทั้งระบบ ระบบภาษีต้องเอื้อผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SME ให้รัฐเป็นลูกค้า SME เพิ่มขึ้น

“เหล่านี้คือ กรอบที่เราใช้คิดเพื่อออกแบบนโยบาย เตรียมพบกับนโยบายเพื่อไทยเร็วๆ นี้ครับ” นายเผ่าภูมิ ระบุทิ้งท้าย

กลับสู่โหมดการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์กันต่อ…

ท่ามกลางสถานการณ์สงครามการเมือง! ใน “โหมดเลือกตั้ง” เชื่อว่า…ประชาชนคนไทย ซึ่งเป็น…“ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” ตามที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุเอาไว้ล่าสุด อยู่ที่ 52 ล้านคน โดยเป็นกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกทั่วประเทศ รวมกว่า 4 ล้านคน

คนไทยกลุ่มนี้ ต่างมีคำถามถึงพรรคการเมืองมากมาย…พวกเขาไม่อยากเห็นและไม่ต้องการ “การเมืองแบบเก่าๆ” โดยเฉพาะ…

พรรคการเมืองที่พูดเก่งบนเวที แต่ทำจริงไม่ได้ หรือทำแล้วพาประเทศเสี่ยง!!!

ยามนี้ ก็ต้องถือว่า…การเมืองไทยกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ! หากพรรคการเมืองใด? ยังคงใช้สูตรหาเสียงแบบเดิมๆ ก็น่าจะอยู่ใน “จุดเสี่ยง!” ต่อความเชื่อมั่นในทางการเมือง

กับบริบทที่ทำให้ กรอบ “10 หลักคิดนโยบายเศรษฐกิจ” ของ พรรคเพื่อไทย ที่ นายเผ่าภูมิ นำเสนอในข้างต้น จึงถูกจับตามองมากกว่าการเป็นเพียง “ชุดนโยบายก่อนเลือกตั้ง” นั่นเพราะมันได้สะท้อนความพยายามที่จะ “ยกระดับตัวเอง” จากพรรคที่เคยถูกจดจำว่า…

เก่งเรื่องนโยบายแรง! ไปสู่…พรรคที่ต้องการ “วางภาพใหม่” ในฐานะ “ผู้ออกแบบระบบเศรษฐกิจทั้งประเทศ!!!”

นายเผ่าภูมิ มองว่า เศรษฐกิจไทยในวันนี้…ไม่เปิดพื้นที่ให้รัฐบาลใช้ “สูตรเดิม” ได้อีกต่อไป ในท่ามกลางภาวะ…หนี้สาธารณะสูง, งบประมาณตึงตัว และโลกภายนอกผันผวน

พรรคเพื่อไทย จึงต้อง ออกแบบนโยบายใหม่ มุ่งเน้นแนวทาง…“คิดให้รอบ ครบในทุกมิติ!” มากกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คงมั่นใจว่า…โจทย์ของพรรคฯในรอบนี้ ไม่ใช่การแข่งกันใช้งบ แต่คือ…การทำอย่างไรให้ระบบเศรษฐกิจเดินได้จริง โดยไม่สร้างความเสี่ยงในระยะยาว

ทั้งต่อฐานะการคลัง และความเชื่อมั่นของประเทศ!!!

แนวคิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่าน “สิทธิ์ตรงของประชาชน” จึงถูกวางเป็น…แกนสำคัญ แทนการอัดงบผ่านหน่วยงานรัฐแบบเดิม

อธิบายง่ายๆ…การให้เงินหรือคูปองอยู่ในมือประชาชนโดยตรง คือ การ “คืนอำนาจ” ในการตัดสินใจไปให้ผู้ใช้จริง!

อีกทั้ง ยังช่วย ลดปัญหาการรั่วไหล และ บีบให้รัฐ…ต้อง “ยกระดับ” คุณภาพบริการ มากกว่าการทำตามขั้นตอน

นี่ไม่ใช่แค่…การช่วยประชาชนเฉพาะหน้า แต่คือ…การออกแบบ “ความสัมพันธ์ใหม่” ระหว่าง…ภาครัฐกับประชาชนในระยะยาว

ภาพนี้…สอดรับกับแนวคิด “รัฐบริการ” ที่พรรคเพื่อไทย…พยายามผลักดัน! ไม่ว่าจะเป็นการ…ลดดุลพินิจของเจ้าหน้าที่, ระบบใบอนุญาตมาตรฐานเดียว หรือการเปิดข้อมูลโครงการและงบประมาณให้ตรวจสอบได้ง่ายขึ้น

หากมองในเชิงการเมือง นี่คือ…ความพยายาม “ลบภาพจำเดิม!” ของรัฐที่เป็นอุปสรรค และเปลี่ยนให้รัฐกลายเป็น “เครื่องมือ” สนับสนุนเศรษฐกิจ มากกว่า…จะเป็นเพียง “ผู้ใช้อำนาจควบคุม”

นาทีนี้ บทบาทของ “ดร.เชน” ในฐานะ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จึงถูกจับตามอง ในฐานะ “ผู้แปล” กรอบคิดเชิงเทคนิคให้กลายเป็น…ภาษาการเมืองที่เข้าใจง่าย

จากการเดินสายในช่วงที่ผ่านมา ดร.เชน ได้สะท้อนมุมมองที่ว่า…ปัญหาของการเมืองไทยที่ผ่านมา ไม่ใช่ขาดนโยบาย แต่ขาดความสามารถในการทำให้นโยบายเดินได้จริงในระบบราชการ

ลูกชายของ “อดีตนายกฯสมชาย และคุณนายแดง – เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” ได้ให้ความสำคัญกับ การแก้ปัญหาที่ต้นตอ ตั้งแต่…กฎหมาย, ระบบภาษี ไปจนถึงขั้นตอนของรัฐ ที่เป็นภาระต่อประชาชนและผู้ประกอบการ มากกว่าการแข่งกันพูดนโยบายบนเวทีปราศรัย

ดร.เชน ชี้ว่า…ประเทศกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย, แรงงานลดลง และการแข่งขันด้านเทคโนโลยีรุนแรงขึ้น! หากยังพึ่งแรงงานราคาถูก หรือมาตรการชั่วคราว เศรษฐกิจไทยจะยิ่งเสียเปรียบ

ดังนั้น เขาจึงผลักดันแนวคิดในการ…เพิ่มผลิตภาพแรงงาน, ยกระดับเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI และปรับบทบาทรัฐ เพื่อให้เอื้อต่อการทำธุรกิจมากขึ้น

โดยไม่เป็น “ภาระต้นทุน” ที่ประชาชนต้องแบกรับเหมือนในอดีต

ภายใต้การนำของ นายจุลพันธุ์ ในฐานะ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ได้เปิดพื้นที่ให้…ทีมเศรษฐกิจและแคนดิเดตนายกฯ ได้มีบทบาทในการ “ออกแบบ” นโยบาย ได้มากขึ้นนั้น

สิ่งนี้…มันได้สะท้อนถึงการจัดวาง “บทบาทใหม่” ระหว่าง…การบริหารพรรค กับการขับเคลื่อนเชิงนโยบาย!!!

และนี่คือ…ความพยายามในการจะ “ปรับโครงสร้างภายใน” ให้สอดรับกับ “ภาพลักษณ์ใหม่” ของพรรคฯ ที่ต้องการจะเน้นความเป็นระบบ มากกว่าวาทกรรมในทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้อยู่ที่การคิดนโยบาย แต่คือ…การทำให้ประชาชน “รู้สึก” ว่า…นโยบายเหล่านี้ จะเปลี่ยนชีวิตจริงได้!!!

เพราะใน สนามเลือกตั้ง…ความถูกต้องทางเศรษฐศาสตร์ ไม่อาจแปลเปลี่ยนเป็น “คะแนนเสียง” ได้โดยอัตโนมัติ หากไม่สามารถจะ “สื่อสาร” ให้เห็นถึง “ผลลัพธ์” ที่จับต้องได้จริง!

นั่นเพราะ นโยบายเชิงระบบ…อาจกลายเป็นเรื่องที่ “ไกลตัว” สำหรับประชาชนฐานราก

ยิ่งไปกว่านั้น การหย่อนบัตรเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ เชื่อว่า…หลายคนคง “ไม่ยึดติดกับเรื่องราวในอดีต”

ดังนั้น จึงไม่ควรที่ พรรคเพื่อไทย…จะหยิบยกเอาเรื่องราวความสำเร็จเก่า ๆ และนโยบายในอดีต…มาเป็น “แกนหลัก” ในการหาเสียง…เพื่อไม่ให้การเมือง กลับไปสู่วังวนของการทะเลาะกันเรื่องเดิมๆ อีก

แต่หากจะนำเอามาใช้เป็น “แกนเสริม”…ก็ยังพอจะทำได้บ้าง? ทั้งนี้ เพื่อปูทางไปสู่การสร้างความเชื่อมั่น กับนโยบายใหม่ ที่ยังไม่เคยได้รับการพิสูจน์ในโลกความเป็นจริง

ถึงตรงนี้ พรรคเพื่อไทย…จึงอาจกำลังวาง “เดิมพัน” กับการเมืองอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็น รูปแบบใหม่…ที่ไม่มุ่งเน้นการแข่งขัน ว่า…

พรรคการเมืองใด? จะแจกได้มากกว่า…แต่จะแข่งกันในมุมที่ว่า…ใครออกแบบระบบได้ดีกว่า???

ในท้ายที่สุด! สงครามการเมือง ว่าด้วยเรื่อง…การเลือกตั้ง! จึงไม่ได้ตัดสินกันที่…ความคิดที่ซับซ้อนที่สุด! แต่ตัดสินกันที่ความเชื่อของประชาชน ว่า…

พรรคการเมืองนั้นพูด…แล้วทำได้จริง!

และทำแล้ว…ประเทศชาติจะไม่พังในทางเศรษฐกิจไปกับมือของ…นักการเมืองและพรรคการเมือง!

สิ่งที่ พรรคเพื่อไทย กำลังพยายามตอบโจทย์นี้ ด้วยการวางตัวเป็น “พรรคออกแบบระบบเศรษฐกิจ”

ดังนั้น คำถามสุดท้าย! ของสงครามการเมืองรอบนี้ จึงอยู่ที่ “ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” ว่า…จะให้โอกาสการเมือง “แบบคิดเป็นระบบ” รองรับการเลือกตั้งใหม่ในครั้งนี้….มากน้อยแค่ไหน? เพียงใด?

นับวันรอลุ้นกันได้เลย!!! กับ กรอบแนวคิดใหม่ๆ ของพรรคเพื่อไทย ยุคนี้

ยุคที่ได้มุ่งเน้น…การออกแบบระบบเศรษฐกิจ เป็น “แกนหลัก” ของการทำ…การเมืองยุคใหม่!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password