นายกฯ ห่วงพบผู้ป่วยโควิดในเด็กเพิ่ม สั่งรพ.ทุกแห่งต้องรับผู้ป่วย

นายกฯ ห่วงพบผู้ป่วยโควิด-19 ในเด็กเพิ่มขึ้น ย้ำโรงพยาบาลทุกแห่งต้องรับผู้ป่วยเด็ก หรือ ช่วยเหลือด้านการส่งต่อ พร้อมกำชับสถาบันสุขภาพเด็กฯ เตรียมความพร้อมรักษาผู้ป่วยทุกกลุ่มและระดับอาการ

วันที่ 10 ม.ค. 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ห่วงใยต่อกรณีที่พบผู้ป่วยโควิด-19 ในเด็กเพิ่มขึ้น รวมถึงที่มีการเผยแพร่ในสื่อว่าเกิดกรณีโรงพยาบาลปฏิเสธการรับรักษาเด็ก โดยนายกฯ ขอให้กระทรวงสาธารณสุข กำชับโรงพยาบาลทุกแห่ง อย่าปฏิเสธการรับผู้ป่วยเข้ารักษา หากเกิดกรณีผู้ป่วยเต็มให้มีการประสานงานส่งต่อผู้ป่วยให้เร็วที่สุด

“นายกรัฐมนตรี มีความกังวลต่อกรณีที่มีการปฏิเสธไม่รับเด็กเข้ารักษาในโรงพยาบาล ท่านขอให้กระทรวงสาธารณสุขวางระบบเพื่อให้มีการรับหรือส่งต่อที่มีประสิทธิภาพ มีระบบให้คำปรึกษาในการรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้ให้เร็วที่สุด เนื่องจากเด็กมีภูมิคุ้มกันน้อยเพราะยังไม่ได้รับวัคซีนเหมือนผู้ใหญ่” น.ส.ไตรศุลี กล่าวและย้ำว่า

พล.อ.ประยุทธ์ ได้กำชับให้สถาบันเด็กแห่งชาติมหาราชราชินี ซึ่งเป็นสถาบันหลักที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลรักษาโรคเด็ก ให้เตรียมการให้พร้อมเพื่อรองรับการรักษาผู้ป่วยโควิดเด็กทุกกลุ่มทุกระดับอาการ ทั้งขั้นตอนวิธีการดูแล การเตรียมยาน้ำฟาร์วิพิราเวียร์สำหรับเด็ก เป็นต้นสำหรับผู้ปกครอง มีข้อแนะนำว่าในช่วงที่แนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ยังเพิ่มขึ้นนี้ ขอให้หลีกเสี่ยงการพาเด็กไปในสถานที่ที่มีคนจำนวนมากซึ่งจะเพิ่มโอกาสให้เด็กรับเชื้อมากขึ้น และขอแนะนำให้ผู้ปกครองซึ่งต้องอยู่ใกล้ชิดเด็กให้เข้ารับวัคซีนให้ครบโดส เพื่อลดโอกาสที่จะนำเชื้อมาสู่เด็กด้วย

ส่วนของการคัดกรองเพื่อนำเด็กเข้าสู่การรักษาให้เร็วที่สุด เนื่องจากเด็กจะไม่สามารถถ่ายทอดอาการของตนเองได้เหมือนผู้ใหญ่ ขอให้ผู้ปกครองเฝ้าสังเกตอาการ หากเด็กมีไข้ ไอ มีน้ำมูกและมีประวัติไปยังพื้นที่เสี่ยง หรือมีคนในครอบครัวเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ถือว่าเด็กมีความเสี่ยงควรใช้ชุดตรวจ ATK ที่ปัจจุบันมีทั้งแบบตรวจโพรงจมูกและน้ำลายเพื่อตรวจคัดกรอง

นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้มีข้อสั่งการให้กรมการแพทย์ร่วมกับภาคีเครือข่ายร่วมกันดูแลผู้ป่วยโควิดกลุ่มเด็กให้ดีที่สุด ซึ่งล่าสุดได้มีการประสานกับ กทม.ให้จัดทำเตียง Community Isolation (CI) สำหรับเด็กและครอบครัวเอาไว้ 6 โซน โซนละ 1 แห่ง ทั่วกรุงเทพฯ แห่งละอย่างน้อย 50 เตียง โดย 1 ห้องเด็กอยู่ร่วมกัน 3 – 4 คน พร้อมให้สถาบันเด็กแห่งชาติมหาราชราชินีเผยแพร่วิธีการเตรียมยาน้ำฟาวิพิราเวียร์สำหรับเด็ก ผ่านทาง YouTube เผยแพร่แก่โรงพยาบาลทั่วประเทศให้เตรียมยาได้ด้วยวิธีการที่ไม่ยุ่งยาก

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password