(หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง…ต้องมี! เพื่อต่อยอดธุรกิจและอนาคตชาติ แต่ต้องเหมาะสม, โปร่งใส และเปิดเผย)

หนึ่งภาพถ่ายคอนเน็กชั่น สั่นคลอนความเชื่อมั่นของรัฐ! คำถาม…ไม่ใช่ควรมีหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงหรือไม่? แต่จะทำอย่างไรให้โปร่งใส? ในวันที่สังคมไทย…ไม่ยอมรับ “พื้นที่ลับ” ของอำนาจอีกแล้ว หลักสูตรนี้จะอยู่รอดได้ ต่อเมื่อมันเป็น “เวทีเปิด” ต่อยอดธุรกิจ และอนาคตของชาติ ที่ตรวจสอบได้จริง!!!

แรงจัด! ขยายวงกว้างไปไกล? จะอะไร…ก็ปมต่อเนื่องจาก “ภาพซูเปอร์คอนเน็กชัน” ระหว่าง…คนการเมือง ระดับ นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี อดีตนายกฯรัฐมนตรี, อดีตนายทหารระดับสูง, นักธุรกิจติดอันดับ “รวยต้นๆ” ของประเทศ

กับ “คนดัง” ที่ถูกผูกโยงกับโลกธุรกิจสีเทา? เช่น…นายเบน สมิธ นั่นแหละ!!!

และที่มันขยายวงกว้างไปไกล นั่นหมายถึง…ช่องทางหรือเวทีที่ทำให้คนเหล่านี้ มาพบเจอกัน ซึ่งก็ไม่พ้น…การเข้าอบรมในหลักสูตร “ผู้บริหารระดับสูง” ของประเทศ ที่หลายฝ่าย…อยากให้ยกเลิก! กันไป

เพราะมัน ได้ไม่คุ้มเสีย??? แต่จะจริงหรือไม่? แค่ไหน? เราลองไปพิสูจน์กันดูล่ะกัน….

ต้นเรื่องที่เปิดออกมาแล้วเป็นประเด็นร้อนๆ มาจาก 2 นักการเมืองดัง อย่าง…“ไอติม” นายพริษฐ์ วัชรสินธุ จากพรรคประชาชน และ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ก่อนหน้านี้ อดีตนายกฯเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย ก็เคยพูดถึงเรื่องนี้ มาก่อนแล้ว…

กับ ภาพถ่ายเพียงไม่กี่ใบ? แต่เพราะมันดันมีคนระดับ “ผู้นำประเทศ” เคียงข้าง บุคคลที่ถูกตั้งข้อสงสัย? ว่า…อาจเชื่อมโยงเครือข่ายสแกมเมอร์นานาชาติ เรื่องนี้…จึงกลายเป็นแรงสั่นสะเทือนต่อความเชื่อมั่นทางการเมือง! อย่างที่ใครก็ไม่คาดคิด???

เหตุการณ์นี้…ไม่ได้เปิดประเด็นเพียงเรื่อง “ใครรู้จักใคร?” แต่มันทำให้ “ระบบอุปถัมภ์!” ที่หยั่งรากฝังรากลึก? อยู่ในสังคมไทย…ถูกลากออกมาโชว์กลางสี่แยกไฟแดง!!!

โดยมี “หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง” ของหลายหน่วยงานรัฐ เป็น “จุดตั้ง” ของคำถามตัวโตๆ ว่า…

แท้จริงแล้ว…หลักสูตรเหล่านี้ เป็น “พื้นที่เรียนรู้” หรือถูกใช้เป็น “ช่องทางลัด!” สู่…ศูนย์กลางอำนาจรัฐกันแน่!!!

เสียงวิจารณ์ที่ดังที่สุด! น่าจะมาจาก นายพริษฐ์ แห่งพรรคประชาชน ที่ชี้ว่า…หลักสูตรเหล่านี้ เสี่ยงกลายเป็น “one-stop service ของผู้แสวงหาผลประโยชน์” เพราะนำ “ผู้มีอำนาจรัฐ” ทุกฝ่าย, นักการเมือง, ทหาร, ตำรวจ, ข้าราชการระดับสูง และภาคธุรกิจ ฯลฯ  มาอยู่ร่วมกัน…โดยไม่มี “กรอบตรวจสอบ” ที่ดีเพียงพอ

“ไอติม” ยังตั้งคำถามตรงไปตรงมาว่า…หากหลักสูตรถูกสร้างขึ้นเพื่อการเรียนรู้จริง! เหตุใด…จึงไม่เคยเห็นนวัตกรรมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานท หรือไม่เคยมีความพยายามที่จะ “เปิดเผย” เนื้อหาบางส่วนให้ประชาชนเข้าถึง

ในมุมหนึ่ง เสียงนี้…ได้สะท้อนความจริงทางโครงสร้าง ที่ว่า…หลักสูตรจำนวนมากค่อย ๆ กลายเป็น “ระบบรุ่น …ระบบพี่น้อง…ระบบครอบครัว” ที่เชื่อมโยง “องค์กร” ซึ่งควรตรวจสอบกัน…เข้าหากัน!

จนยากจะแยกขอบเขตของหน้าที่สาธารณะ ออกจากความสัมพันธ์ส่วนตัว!!??

นี่คือ…ความเสี่ยงเชิงยุทธศาสตร์ เพราะเมื่อ “ระบบตรวจสอบ” อ่อนแรง! ความชอบธรรมของรัฐทั้งระบบ ก็อาจถูกกัดกร่อนได้เช่นกัน

ขณะเดียวกัน เสียงจาก นายกรณ์ จาติกวณิช ก็ดังก้องไม่แพ้กัน กับคำประกาศชัด ๆ ที่ว่า…

“Connection = Corruption” หากไม่มี “ระบบกำกับ” ที่รัดกุมพอ!!!

พร้อมกับเสนอให้ “ยกเลิก!” หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานรัฐทั้งหมด รวมถึงให้…เจ้าหน้าที่รัฐหลีกเลี่ยง…หลักสูตรของเอกชน ด้วย

เพราะโลกความเป็นจริงแล้ว…ชาติ! มิอาจจะปล่อยให้ความสัมพันธ์ส่วนตัว ถูกใช้เป็นช่องทางในการ “เข้าถึงอำนาจ” แบบไร้ขอบเขต ของใครบางคน? หรือคนบางกลุ่ม? ได้อีกต่อไป

นายกรณ์ ยังชี้ว่า…ประเทศไทยควรมีระบบเปิดเผย ถึงการ “พบปะ” ของนักธุรกิจต่างชาติ แบบ…ที่สิงคโปร์ทำ!!!

เพื่อ “ยกระดับ” มาตรฐานการบริหารราชการ…ให้เท่าทันกับ “ภัยคุกคามใหม่ ๆ”

อย่างที่เกริ่นในตอนต้น อดีตนายกฯเศรษฐา สมัยที่ยังได้ชื่อว่าเป็น “ผู้นำประเทศ” เคยกล่าวตอนหนึ่ง ว่า… หลักสูตรระดับสูงเหล่านี้ “มีคุณค่าในเชิงการสร้างเครือข่ายผู้นำ” และเป็นเวทีที่ทำให้การทำงานระหว่างรัฐ–เอกชน, ทหาร, ตำรวจ ฯลฯ ทำเกิดความเข้าใจร่วมกัน

แต่ต้องใช้อย่างถูกทาง เพราะ…คอนเนคชัน คือ “พลังบวก” ที่ช่วยพาประเทศไปข้างหน้า

กระนั้น เขาก็เตือนว่า…ผู้ที่เข้าอบรมหลักสูตรเหล่านี้ จะต้องใช้เครือข่ายที่มี เป็นไปเพื่อทำให้ “เกิดประโยชน์ต่อสังคม ไม่ใช่เฉพาะต่อกลุ่ม หรือพวกพ้อง”

น้ำหนักคำพูดของทั้ง 3 คน…สะท้อนภาพเดียวกันใน 3 มุมมอง ในทำนอง…หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง คือ “ดาบ 2 คม…ในเชิงยุทธศาสตร์”

ในขณะที่ ประเทศ…ยังต้องการ “พื้นที่” ให้กับ “ผู้นำ” จากหลายภาคส่วน ได้แลกเปลี่ยน…เรียนรู้ และสร้างความร่วมมือระยะยาว แต่ก็ไม่สามารถจะสร้างความเสี่ยง! ต่อการ “สร้างพื้นที่” ที่อาจกลายเป็น “แหล่งรวมอำนาจ” แบบไม่โปร่งใสได้อีกแล้ว…

ในเชิงยุทธศาสตร์ระดับชาติ! หลักสูตรเหล่านี้…มีความสำคัญสูงมาก! ในยุคที่ “เกมเศรษฐกิจโลก” ขยับตัวได้เร็ว กระนั้น ความมั่นคงของชาติที่กำลังถูก “ท้าทาย” จากโลกดิจิทัลนั้น จำเป็นที่ไทยจะต้องสร้างความร่วมมือข้ามองค์กร เพราะมันคือ…กุญแจสู่การแข่งขัน

เทรนด์โลกสากล ชี้ชัดว่า…การพัฒนา “ผู้นำสมัยใหม่” ไม่สามารถเกิดขึ้นในแบบ “แยกตัว” อีกต่อไป แต่ต้องเกิดในพื้นที่ที่ภาคส่วนต่าง ๆ “หันหน้า” เข้ามาแลกเปลี่ยนมุมมองร่วมกัน…

อย่างไรก็ตาม ความจำเป็นในเชิงยุทธศาสตร์…ไม่อาจเป็นเหตุผลในการจะปล่อยให้หลักสูตรข้างต้น กลายเป็น “พื้นที่ลับของอำนาจ” ได้เช่นกัน!!!

เพราะนั่น…การเปิด “ช่องโหว่เชิงโครงสร้าง!” ที่อาจจะมี “ผู้ไม่ประสงค์ดี” แทรกตัวเข้ามา และใช้เป็น “ทางลัด” เข้าสู่ “วงใน” ของรัฐ!

ย่อมไม่ผลดีในทุกมิติ…ต่อบ้านเมืองอย่างแน่นอน

กรณีของ ภาพถ่ายล่าสุด! ก็พิสูจน์ได้อย่างชัดเจน แล้วว่า…ความสัมพันธ์ที่เกิดในพื้นที่เช่นนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัว แต่สะเทือนถึงความมั่นคงทางนโยบายของประเทศ!!!

ท่ามกลางวิกฤตเช่นนี้ กลับจะโอกาสที่เกิดขึ้นใหญ่กว่า นั่นคือ…การปรับหลักสูตรให้เป็น “สินทรัพย์ยุทธศาสตร์ของชาติ” ที่โปร่งใสและตรวจสอบได้!!??

หากหลักสูตร…เปิดเผยรายชื่อของผู้เข้าร่วมอบรมฯ เปิดเผยบางส่วนของหลักสูตร รวมถึงปรับกิจกรรมเพื่อ “จำกัด” ผลประโยชน์ทับซ้อน และสร้างมาตรฐานการเข้าถึงที่ชัดเจน

หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง! จะไม่ใช่เพียงเวที “สร้างคอนเนคชัน!” แต่จะกลายเป็น…เครื่องมือ “ยกระดับ” ความร่วมมือระหว่าง…ภาครัฐกับเอกชน เพื่อนำพาประเทศไทยและธุรกิจไทยได้เท่าทันโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

บทสรุปของปัญหานี้ จึงไม่ใช่ เราควรจะ “ยกเลิก” หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงหรือไม่???

แต่คือ เราจะ “ออกแบบใหม่” อย่างไร? เพื่อให้ตอบโจทย์ประเทศในยุคโปร่งใสได้

หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง…ยังจำเป็นอย่างยิ่ง! เพื่อการต่อยอดธุรกิจ เสริมความมั่นคง และเพิ่มศักยภาพอนาคตของชาติ เพียงแต่จะต้องเดินหน้าในรูปแบบใหม่

ในแบบที่…เปิดเผย, โปร่งใส และรับการตรวจสอบจากสาธารณะได้อย่างไม่หวั่นไหวใด ๆ ทั้งสิ้น!!!

ประเทศไทย ไม่ได้ต้องการ…สัดส่วนที่น้อยลงของ “คอนเนคชัน” ของคนระดับผู้นำฯ แต่ต้องการ “คอนเนคชัน” ที่สะอาด โปร่งใส และรับผิดชอบต่อสาธารณะ!!??

ทั้งนี้ เพื่อให้…เครือข่ายที่เกิดขึ้น! ไม่ถูกใช้เป็นเพียงเครือข่ายของอำนาจ หรือจากพวกที่คอยแสวงหาโอกาส “กัดกิน” ประเทศไทย

แต่จะต้องเป็น เครือข่ายของการ “ยกระดับ” ประเทศไทย…อย่างแท้จริง!!!.