วิวาทะ “การตีความ” มาตรา 151 เปิดฉาก! กลางสภาผู้แทนราษฎร เมื่อกติการ “ยุบสภาฯ” ถูกอ่านคนละแบบ จนสั่นสะเทือนการเมืองไทย “2 ขั้ว” ความเห็นต่าง! ระหว่าง…สภาฯกับรัฐบาล กลายเป็นความท้าทายกลไกตรวจสอบและเสถียรภาพการเมืองไทย? สงครามตีความ อำนาจยุบสภาฯ รอบนี้…อาจเปลี่ยนทิศทางการเมืองไทย สร้างผลกระทบเชิงลึกถึงทุกคนไทย!!!

สังคมไทย…ต่างกำลัง “จับจ้อง” การเมืองในห้วงหัวเลี้ยวหัวต่อ? อย่างระมัดระวัง! หลังพบว่า…การเมืองของประเทศนี้ กำลังยืนอยู่กลาง “จุดเปลี่ยนสำคัญ” อีกครั้ง!!??

เมื่อ…มาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญปี 2560…บทบัญญัติที่ ถูกออกแบบมาเพื่อ “คุ้มครอง” กระบวนการตรวจสอบ ได้กลายเป็น “สนามประลอง” ความหมายของคำว่า “ยุบสภาฯ” ทำได้หรือไม่ได้?…

ฝ่าย สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายวัน มูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ และ ฝ่ายรัฐบาล ภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ที่ต่างก็ยึด “หลักคิด!” กันคนละชุด???

ฝ่ายสภาฯ ยืนกรานว่า…“การเสนอญัตติ” เกิดขึ้นทันที! ที่ “ฝ่ายค้าน” ยื่นญัตติครบองค์ประกอบ และนับจากวินาทีเป็นต้นไป นั้น

ดังนั้น นายกรัฐมนตรี…ไม่มีสิทธิจะยุบสภา!!!

ขณะที่ ฝ่ายรัฐบาล โดย นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ต่างยืนยันในทิศทางตรงกันข้าม? ในฐานะ…คนเคยร่างรัฐธรรมนูญข้อนี้มาก่อน เมื่อปี 2540 เขาเห็นว่า…ญัตติจะก่อผลตำมมาตรา 151 ก็ต่อเมื่อ…ผ่านการตรวจสอบ บรรจุระเบียบวาระ และได้แจ้งต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว เท่านั้น

ข้อถกเถียงนี้…จึงไม่ใช่ “ความแตกต่าง” เชิงถ้อยคำ หากเป็นความต่างของ “รากคิด”

ฝ่ายสภาฯ…ยึดเจตนารมณ์ “ปกป้อง” สิทธิการตรวจสอบของฝ่ายค้าน โดยดึงเอา “บทเรียน” จากอดีต…ที่ อดีตนายกฯชวน หลีกภัย เคยทำการ “ยุบสภาฯ หนีศึกซักฟอก” ปมที่ดิน สปก.4-01 เมื่อปี 2538

จน “ระบบตรวจสอบ” ในสภาฯ ถูกทำให้ไร้ความหมาย! …มาเป็นเงื่อนไขสำคัญ

ขณะที่ ฝ่ายรัฐบาล “ตีความ” บนฐานข้อบังคับสภาฯ มองว่า…การยื่นญัตติที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบ อาจเปิดช่องให้เกิดการใช้ญัตติไม่สมบูรณ์ มา “ล็อกอำนาจ” ของนายกรัฐมนตรี โดยไม่เป็นธรรม???

“สงครามตีความ” อำนาจตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 151 จึงกลายเป็น “เกมยุทธศาสตร์” อย่างเต็มรูปแบบ!!!

ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ พรรคเพื่อไทย…กำลังประเมินจังหวะ “การยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ” โดยต้อง “หลีกเลี่ยง” ภาพที่ว่า…พวกเขากำลัง “เตะสกัด!” ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสาม ให้ได้…

ขณะเดียวกัน ก็ต้องตระหนักว่า…การยื่นล่าช้าเพียงเล็กน้อย อาจเปิดโอกาสให้รัฐบาล “ชิงยุบ” ในช่วง 7 วันของการตรวจญัตติ

ซึ่ง ฝ่ายรัฐบาล ก็ถือว่า…อำนาจยุบสภาฯยังมีความสมบูรณ์ และนายกรัฐมนตรี มีอำนาจที่จะประกาศยุบสภาฯได้!!!

สถานการณ์ดูยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก! เมื่อ…รัฐบาลเป็น “เสียงข้างน้อย” ที่แทบไม่มีโอกาสจะ “ชนะ” มติไม่ไว้วางใจได้เลย และ นายกฯอนุทิน มองการ…ยุบสภาฯ เป็น “ทางออก” ที่ควบคุมได้มากกว่า

จังหวะทางการเมืองในช่วงปลายปีนี้ จึงช่าง “เปราะบาง” เป็นพิเศษ? ทั้ง…เวลาการเปิดสภา 12 ธันวาคม, การแก้รัฐธรรมนูญวาระสาม และเป้าหมายการ “ยุบสภา” ภายใน 31 มกราคม 2569

ทั้งหมด! ล้วนเป็น “เส้นเวลา” ที่ทับซ้อนกันอย่างอันตราย!!!

ผลกระทบต่อประชาชน…ไม่ได้เป็นเพียงแค่ข่าวการเมือง ที่อ่านและผ่านเลยไป หากเป็น “ความไม่แน่นอน” ของกติกาการเมือง…ที่อาจส่งตรงถึงความเชื่อมั่นของสังคม, การลงทุน, การบริหารราชการ และศรัทธาต่อระบบรัฐสภา???

แน่นอนว่า…ถ้ากฎหมายข้อเดียวกัน แต่สามารถให้ความหมาย “2 แบบ” ตามแต่สถานการณ์ เช่น ที่ นายวันนอร์ ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าว ก่อนหน้านี้แล้ว…

การเมืองไทยย่อมเดินหน้าด้วยความลังเล…มากกว่าความมั่นใจ!!!

สำหรับ….รัฐบาล และ “นายกฯอนุทิน” แล้ว สิ่งจำเป็นที่สุดในยามนี้ ก็คือ…การ “ลด” ความคลุมเครือของกติกา?

การประกาศ “หลักตีความ” อย่างเปิดเผย…สอดคล้องกับ “หลักนิติรัฐ” และยินดีให้…กลไกอิสระ รวมถึง ศาลรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบ…หากจำเป็น!!!

ล้วนเป็นไปเพื่อ…ร่วมกันกำหนด “บรรทัดฐาน” ที่ชัดเจน! ยุติความไม่แน่นอน! ที่คอย “บั่นทอน” ศรัทธาของสาธารณชน

การยุบสภาฯ หรือไม่ยุบฯ…ควรตั้งอยู่บนความรับผิดชอบ! ต่อ “ระบบการเมือง” ทั้งหมด ไม่ใช่…เพื่อการคำนวณระยะสั้นทางยุทธศาสตร์

ในสถานการณ์ที่การเมืองไทย กำลังเปราะบาง? ความชัดเจน! คือ “ทุนทางความมั่นคง”ที่มีค่าที่สุด!!!

“สงครามตีความ” ครั้งนี้…จึงไม่ควรเป็น “บทพิสูจน์” ว่า…ใครตีความชนะ! แต่ควรเป็น “จุดเริ่มต้น” ของการสร้าง “กติกา” ที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ เพื่อให้ประชาธิปไตยไทย…เดินหน้าอย่างมั่นคงกว่าที่เป็นมา

และเพื่อให้…ประชาชน “เจ้าของ” อำนาจจริง! ได้รับประโยชน์สูงสุด จากความแน่นอน!!! ของระบบที่ว่านี้…ไม่ใช่! จะต้องมาแบกรับกับ “ความผันผวน?” จากความหมายที่ลื่นไหลไปตามจังหวะการเมือง เหมือเช่นทุกวันนี้

ระหว่างที่เรื่องยังไม่ถึงมือ…ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อมีคำวินิจฉัยว่าด้วยอำนาจนายกรัฐมนตรี “ยุบสภาฯได้หรือไม่ได้” ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 นั้น

ทุกฝ่ายของการเมืองไทย ควรจะร่วมกันหาและกำหนดข้อยุติของวลีที่ว่า “สงครามตีความ” กันก่อนดีไหม? ก่อนที่สิ่งนี้ จะกลายเป็น…จุดเดือดใหม่??? ของการเมืองไทย โดยไม่จำเป็น!!!.