เมื่อคำพูดหลุด! จากปากของ “ผู้นำประเทศ” และ “คู่ชีวิต” กลายเป็นประเด็น สั่นสะเทือน! สังคมการเมืองไทย “อนุทินและภริยา” จึงต้องออกมาขออภัยกับคนไทยและสื่อมวลชน หลังสื่อสารผิดพลาดอย่างรุนแรง! สะท้อนบทเรียนสำคัญว่า ในยุคที่ความไวของข้อมูลเร็วกว่าเหตุการณ์จริง “ผู้นำและคู่ชีวิตผู้นำ” ไม่มีสิทธิพลาดแม้เพียงคำเดียว

ความผิดพลาดทางคำพูดของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กลายเป็น “กรณีศึกษา” ทางการสื่อสารทางการเมืองครั้งสำคัญ เมื่อถ้อยคำ “ไทยก็มีรุกล้ำกัมพูชา” ที่หลุดออกมา กลายเป็นชนวนความเข้าใจผิดในวงกว้าง ทั้งในและนอกประเทศอย่างรุนแรง!!!

ยังดีที่ นายอนุทิน หาใช่ “คนปากหนัก!” นี่คือ…ความน่ารักของเขา เมื่อรู้ตัวว่า ผิด! จึงรีบออกมาขออภัย (มิใช่! ขอโทษ) ประชาชน และยอมรับว่า “เป็นความบกพร่องในการสื่อสารของตนเอง” พร้อมให้คำมั่นว่า…จะระมัดระวังให้มากขึ้นในการให้ข่าวและการแถลงการณ์ต่อสาธารณะ

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อหน้าสื่อมวลชน ด้วยน้ำเสียงจริงใจ ว่า “ผมต้องขออภัยที่ทำให้หลายท่านเกิดความระแวงสงสัย แต่ขอยืนยันว่า ไม่มีทางที่ประเทศไทยจะเสียดินแดน เสียอธิปไตย หรือศักดิ์ศรี เราจะไม่ยอมให้เกิดความสูญเสียใดๆ อีกเป็นอันขาด”

ในบริบทนั้น เหตุการณ์ชายแดน บริเวณบ้านหนองจาน–หนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว เพิ่งผ่านพ้นจาก สถานการณ์ตึงเครียด เมื่อทั้ง ไทยและกัมพูชา…เริ่มถอนอาวุธออกจากแนวชายแดน ภายใต้กรอบข้อตกลงร่วมกัน

แต่คำพูดของ “ผู้นำประเทศ” กลับสร้างคลื่นในกระแสข่าวเชิงลบ!!! กระทั่ง ตัวแทนของรัฐบาล…ต้องเร่งชี้แจงและประคับประคองความเชื่อมั่น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

อย่างไรก็ดี ความผิดพลาดของ “คำพูด” เพียงประโยคเดียว!

ทำให้เห็นชัดว่า “การสื่อสาร” คือ…“ด่านแรก” ของความมั่นคงทางการเมือง

“ผู้นำฯ” ที่พูดพลาดแม้เพียงครั้งเดียว/นาทีเดียว อาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิต…เพื่อชี้แจงคำพูดนั้น

และ ไม่เพียงแต่ “ผู้นำฯ” เท่านั้น…ที่ต้องรับแรงสะเทือนจากการสื่อสาร เพราะ “คู่ชีวิตของผู้นำฯ” ก็จะถูกดึงเข้าสู่พายุลูกเดียวกัน!…โดยไม่ตั้งใจ???

หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไล่เรียงกัน เมื่อ “คุณจ๋า” น.ส.ธนนนท์ นิรามิษ ภริยาของนายกรัฐมนตรี ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ ผ่านทั้งภาษากายและภาษาพูดที่ว่า….

“ทำไมใจร้ายกับท่านนายกฯ จังเลย เดี๋ยวต่อไปจะจำไว้นะ เกินไปแล้วนะ”

แม้จะเป็นเพียง…คำพูดเล่น ในบรรยากาศส่วนตัว แต่กลับ…สะท้อนภาพของ “อำนาจที่อยู่เหนือการตรวจสอบ” จนกลายเป็นดราม่า แค่ชั่วข้ามคืน…

กระทั้ง เจ้าตัวต้องออกมาขออภัยสื่อมวลชน ผ่าน “สตอรี่อินสตาแกรมส่วนตัว” หลังจากถูกวิจารณ์อย่างหนักจากคำพูดหยอกล้อข้างต้น

ภริยานายกฯ เขียนข้อความขอโทษว่า “จ๋าต้องขออภัยพี่ๆ สื่อมวลชนทุกท่าน สิ่งที่พูดเป็นเพียงการหยอกเล่น ไม่มีเจตนาคุกคามหรือลดคุณค่าการทำงานของสื่อ ขอรับฟังทุกคำวิจารณ์ด้วยความจริงใจ และยังคงให้ความเคารพพี่ๆ สื่อมวลชนเสมอ”

คำขออภัยนั้น สะท้อน “สัญชาตญาณทางการเมือง” ของทั้งคู่ (นายกฯอนุทิน และคุณจ๋า) ที่รับรู้ว่า…การสื่อสารทุกถ้อยคำในยุคนี้ ไม่ได้สะท้อนเพียง “ความรู้สึก” หากแต่ยังสะท้อนถึง “โครงสร้างอำนาจ” ที่สังคมจับตามองอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะเมื่อพูดผ่านสื่อ…

ในอีกมิติหนึ่ง เหตุการณ์ 2 กรณีนี้…“ผู้นำ” พูดผิดพลาดในสถานการณ์ความมั่นคง ขณะที่ “คู่ชีวิต” พูดผิดพลาดต่อหน้าสื่อ…

กลายเป็น “ภาพซ้อน” ของ “ความเปราะบางทางการสื่อสาร” ของผู้นำประเทศ ที่ต้องเผชิญทั้ง…แรงกดดันจากภายในและภายนอก ขณะพยายามที่จะต้อง “รักษาสมดุล” ระหว่าง…ความจริง ความสัมพันธ์ทางการทูต และภาพลักษณ์ต่อสาธารณะ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารทางการเมือง วิเคราะห์ว่า “ผู้นำไม่สามารถสื่อสารเหมือนคนธรรมดาได้อีกต่อไป เพราะทุกคำพูดของเขามีผลต่อค่าเงิน ตลาดหุ้น และท่าทีของประเทศเพื่อนบ้าน”

และเมื่อ โลกออนไลน์…ได้ทำหน้าที่เหมือน “ศาล” ความเห็นสาธารณะ ดั้งนั้น…คำพูดหนึ่งครั้ง! ของนายกรัฐมนตรี หรือภรรยา อาจถูกตีความเป็นนโยบายหรือท่าทีของรัฐโดยอัตโนมัติ

ในทาง ยุทธศาสตร์การเมือง! “ทีมสื่อสาร” ของรัฐบาล ต้องตระหนักว่า…“ความผิดพลาดครั้งนี้ เป็น “จุดอ่อน” ที่คู่แข่งทางการเมือ งจะใช้เป็นเครื่องมือโจมตี ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง…ความไม่รอบคอบ หรือภาพลักษณ์ “ผู้นำที่พูดก่อนคิด” ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังของนักการเมืองไทยหลายยุคหลายสมัย…”

แต่หากมองใน…แง่บวก การออกมาขอโทษทันที! ทั้งจาก…นายกรัฐมนตรีและภริยา ถือเป็นการยอมรับความผิดพลาดอย่างมีสติ และเป็น สัญญาณที่ดี ที่สื่อได้ว่า…เป็น “ผู้นำฯ” ที่เรียนรู้ได้จากความผิดพลาด!

แตกต่างจากยุคที่คำพูดของ “ผู้มีอำนาจ” ถูกมองว่า…“ห้ามแตะ!!!”

สุดท้าย!…บทเรียนจาก ความผิดพลาดของ “คู่รัก…ผู้นำการเมืองไทย” คือคำเตือนว่า…การเมืองยุคใหม่ไม่ได้วัดกันที่ใครเสียงดัง? แต่ที่ใคร “สื่อสารได้โดยไม่พลาด!”

รัฐบาล ควรสร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่มี “ทีมกลั่นกรอง” ถ้อยคำอย่างมืออาชีพ…

พรรคการเมือง ควรฝึก “ผู้นำฯและโฆษกฯ” ให้เข้าใจ “น้ำหนักของคำพูด” มากกว่า “ความดังของเสียง”

และ ประชาชน ควรรักษา “สติในการเสพข่าว” ให้แยกได้ระหว่าง “ข้อเท็จจริง” กับ “ความผิดพลาดทางถ้อยคำ”

ในโลกที่ “คำพูด…เพียงประโยคเดียว” สามารถ “พลิกภาพลักษณ์!” ทั้งรัฐบาลได้…“ผู้นำฯ” ที่มีอำนาจสูงสุดจึงต้องเป็นผู้ที่ “ควบคุมคำพูดได้ดีที่สุด!!!”.