ไทยกลับสู่เวทีโลก! ‘อนุทิน’ ชี้! ผู้นำหลายชาติตอบรับดี ส่วนสัมพันธ์ ‘ไทย–กัมพูชา’ เป็นไปทางบวก

“นายกฯอนุทิน” เผย! ไทยได้รับการยอมรับจากนานาชาติหลังกลับสู่เวทีโลกอีกครั้ง ระบุ! หลายประเทศให้ความร่วมมืออย่างอบอุ่น ส่วปม “ไทย–กัมพูชา” เชื่อ! มีแนวโน้มดี สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสื่อสารประชาชนในพื้นที่สร้างความเข้าใจร่วมกัน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เปิดเผยระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32 ที่เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี ว่า รู้สึกดีใจที่ประเทศไทยภายใต้รัฐบาลใหม่กลับมามีบทบาทบนเวทีโลกอีกครั้ง โดยได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากผู้นำหลายประเทศ ทั้งการพูดคุยอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ บรรยากาศเป็นไปด้วยมิตรไมตรี สามารถสื่อสารโดยตรงโดยไม่ต้องอาศัยล่ามหรือคนกลาง สะท้อนทัศนคติที่ดีต่อกัน แม้ในกรณีประเทศที่เคยมีความขัดแย้ง ต่างแสดงเจตนารมณ์ที่จะหาทางออกสู่สันติภาพร่วมกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา ว่า ขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายได้เริ่มดำเนินการตามข้อตกลงที่ลงนามไว้ แม้อาจมีอุปสรรคเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้น แต่ภาพรวมเป็นไปในทิศทางที่ดี การเจรจาและประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองทัพไทยซึ่งรับผิดชอบในภาคปฏิบัติ ได้รายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องสำหรับสถานการณ์พื้นที่อ้างสิทธิ์บริเวณบ้านหนองจาน–บ้านหนองหญ้าแก้ว
นายอนุทิน ย้ำว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบต้องสื่อสารและทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อบริหารสถานการณ์ให้เป็นไปตามข้อตกลงสันติภาพไทย–กัมพูชา ซึ่งกำหนดให้ตั้งคณะทำงานร่วมภายใต้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) โดยมีเป้าหมายเพื่อหาข้อยุติที่ชัดเจนและเป็นธรรมกับทั้ง 2 ประเทศ.กล่าวถึงกรณีความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชาว่า ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มดำเนินการตามข้อตกลงที่ลงนามไว้ แม้อาจมีอุปสรรคเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้น แต่ภาพรวมเป็นไปในทิศทางที่ดี การเจรจาและประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะ กองทัพไทยซึ่งรับผิดชอบในภาคปฏิบัติ ได้รายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องสำหรับสถานการณ์พื้นที่อ้างสิทธิ์บริเวณบ้านหนองจาน–บ้านหนองหญ้าแก้ว นายอนุทินย้ำว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบต้องสื่อสารและทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อบริหารสถานการณ์ให้เป็นไปตามข้อตกลงสันติภาพไทย–กัมพูชา ซึ่งกำหนดให้ตั้งคณะทำงานร่วมภายใต้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) โดยมีเป้าหมายเพื่อหาข้อยุติที่ชัดเจนและเป็นธรรมกับทั้ง 2 ประเทศ.






