ไปต่อ??? (กลับใจเพื่อประชาชน)

ในวันที่ไร้ร่างเงาของ “ทักษิณ” และคนตระกูล “ชินวัตร” หากพรรคเพื่อไทย…คิดจะไปต่อ!! พวกเขาควรต้องทำอย่างไรบ้าง??? แค่ประกาศ “ขอกลับใจเพื่อประชาชน” ก็อาจไม่เพียงพอ? ที่เหลือควรทำอย่างไร? เราไปวิเคราะห์ร่วมกัน…
หลังจากที่ ศาลฎีกา มีคำสั่งจำคุก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 1 ปีเต็ม และ เป็น “นายกฯคนแรก” ที่ติดคุก! จากกรณีพักรักษาตัวชั้น 14 และ ครอบครัวชินวัตร ส่งสัญญาณชัดเจนว่า…อาจยุติบทบาททางการเมืองอย่างถาวร
คำถามสำคัญที่สะท้อนขึ้นมาทันทีคือ พรรคเพื่อไทยจะเดินต่อไปอย่างไรในภูมิทัศน์การเมืองใหม่ที่ไร้ร่มเงาผู้ก่อตั้ง???
พรรคซึ่งเคยมีฐานเสียงมหาศาลและบทบาทเป็น พรรคแกนนำรัฐบาล หลายครั้ง กำลังเผชิญโจทย์ท้าทายครั้งใหญ่ที่สุด นั่นคือ…
การพิสูจน์ว่าตัวเองสามารถยืนหยัดได้ด้วยความเข้มแข็งของพรรค ไม่ใช่เพียงอิทธิพลหรือความทรงจำจากทักษิณและตระกูลชินวัตร
ตลอดสองปีเศษที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า “ผิดพลาด” ทั้งทางการเมืองและการบริหารประเทศ
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ คือ…การหักหลังสัญญาทางการเมืองกับพรรคก้าวไกล ที่ได้คะแนนสูงสุดหลังเลือกตั้ง 2566
การเลือกหันไปจับมือกับกลุ่มอนุรักษนิยมและพรรคเก่าในฝั่งตรงข้าม ทำให้ภาพลักษณ์พรรคที่เคยเป็น “พรรคเพื่อประชาชน” กลายเป็น “พรรคเพื่ออำนาจ”
สิ่งนี้ ได้ทำให้…ความเชื่อมั่นของแฟนคลับดั้งเดิมสั่นคลอนอย่างชัดเจน
และเมื่อเข้าสู่…การบริหารงานจริง นายกรัฐมนตรี 2 ที่สลับกันขึ้นมา (เศรษฐา ทวีสิน และ แพทองธาร ชินวัตร) ก็ไม่อาจสร้างผลงานที่จับต้องได้
นโยบายสำคัญอย่าง..ดิจิทัลวอลเล็ตที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือหาเสียงก็ล่าช้า และถูกมองว่าเป็นเพียงการขายฝัน
เมื่อ ไม่อาจจะฟื้นเศรษฐกิจฐานราก ได้ ขณะที่ ปัญหาปากท้อง ก็ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็น รูปธรรม!
ผลลัพธ์คือพรรคเพื่อไทยสูญเสียทั้งความนิยมและความน่าเชื่อถือ ในคราวเดียวกันไปในทันที!!!
เมื่อพิจารณาจากทุกปัจจัยรอบด้าน พบว่า…พรรคเพื่อไทยได้เผชิญวิกฤตความชอบธรรมเชิงศีลธรรม (moral legitimacy) มากกว่าวิกฤตเชิงโครงสร้าง
พรรคอาจยังมีจำนวน ส.ส. ฐานเสียงในภาคเหนือและอีสาน และแฟนคลับจำนวนมาก แต่สิ่งที่ถูกกระทบ คือ…
ศรัทธาที่ประชาชนเคยมอบให้!!!
ดังนั้น การจะฟื้นพรรคเพื่อไทยให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง! จึงต้องอาศัยการประกาศ กึกก้องว่าพร้อมจะ…“กลับใจเพื่อประชาชน” และ วางกลยุทธ์ใหม่ ที่ไม่ยึดติดอยู่กับ ภาพลักษณ์ครอบครัวชินวัตรเหมือนเดิม
ก้าวแรกที่สำคัญ คือ การสร้างผู้นำการเมืองรุ่นใหม่ ที่สามารถยืนหยัดด้วยตัวเอง ไม่ใด้เป็นเพียง เงาสะท้อนของทักษิณ
พรรคต้องเปิดพื้นที่ให้กับ…คนรุ่นใหม่ ดาวรุ่งทางการเมือง นักวิชาการ และนักปฏิบัติที่มีศักยภาพ
ขณะเดียวกัน ต้องไม่ละทิ้งฐานเสียงเดิมที่เป็นจุดแข็งดั้งเดิมของพรรค ได้แก่ กลุ่มชนบท ภาคเหนือ และอีสาน ซึ่งยังคงจดจำผลงานสำคัญของ รัฐบาลไทยรักไทย ในอดีต เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน พักหนี้เกษตรกร และ OTOP
ทั้งยังจะต้อง…เร่งผสมผสานระหว่าง ฐานเสียงรุ่นพ่อแม่และรุ่นปู่ย่า กับกลยุทธ์ใหม่ที่สามารถเข้าถึงลูกหลานในยุคดิจิทัล อันจะทำให้ พรรคเพื่อไทยกลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างรุ่น
เร่งสร้างภาพลักษณ์ใหม่ว่าเป็นพรรคการเมืองที่ครอบคลุมและทันสมัย
ในทางนโยบาย พรรคจำเป็นต้อง กลับไปหาจุดแข็งดั้งเดิม ที่เคยใช้ตอบโจทย์ ปากท้องคนส่วนใหญ่ แต่เพิ่มมิติใหม่ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาใช้จริงในโครงการพัฒนาประเทศ
ไม่ใช่เพียง…นโยบายประชานิยมแบบดั้งเดิม หากแต่เป็น “ประชานิยมเชิงนวัตกรรม” ที่ทำได้จริงและจับต้องได้ เช่น…
การสร้างแพลตฟอร์มเกษตรดิจิทัล ที่ใช้ AI ช่วยคาดการณ์ผลผลิตและราคาตลาด, การนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพกองทุนหมู่บ้าน, การสร้างระบบการแพทย์ดิจิทัลที่เชื่อมข้อมูลการรักษาทุกจังหวัด หรือแม้แต่การใช้ AI เพื่อออกแบบโครงการฝึกอาชีพใหม่ๆ สำหรับแรงงานในท้องถิ่น ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้จะไม่เพียงทำให้…พรรคเพื่อไทยดูทันสมัย แต่ยังคงรักษาความเป็น “พรรคเพื่อปากท้องประชาชน” เอาไว้ได้อีกด้วย
สิ่งสำคัญที่สุด! คือ พรรคเพื่อไทยต้องยอมรับความผิดพลาดในอดีตอย่างตรงไปตรงมา และสื่อสารเชิงรุกกับประชาชนว่ากำลังปรับทิศทางใหม่
โดยจะต้องไม่ปฏิเสธหรือปกปิดข้อบกพร่อง แต่ต้องใช้ความผิดพลาดเป็นบทเรียนที่สร้างความน่าเชื่อถือ
แน่นอนว่า…บทบาทจากนี้ของพรรคเพื่อไทย จะต้องมุ่งเน้นไปที่ควรเน้นบทบาทการเป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ ตรวจสอบรัฐบาลด้วยข้อมูลจริงอย่างสร้างสรรค์
ใช้เวทีสภาในการแสดงศักยภาพของทีมงานรุ่นใหม่ ให้ประชาชนได้เห็นว่า “เพื่อไทยยังมีประโยชน์ แม้ไม่ใช่พรรครัฐบาล” ก็ตามที
ในห้วงเวลาที่ประชาชนไทย…กำลังค้นหา ความหวังทางการเมือง พรรคเพื่อไทยยังคงมีโอกาส!!?? หากยอมเปลี่ยนผ่านจากพรรคที่อิงอำนาจอดีต สู่พรรคที่มีผู้นำรุ่นใหม่เชื่อมฐานเสียงเดิมกับคนรุ่นใหม่ได้อย่างแนบแน่น
ภาพ “พรรคกลับใจเพื่อประชาชน” อาจกลายเป็นเรื่องจริง!!! ที่ช่วย…กอบกู้ศรัทธา
และหากสามารถ…ผสานผลงานเดิมในอดีตเข้ากับนโยบายดิจิทัลที่ทำได้จริง!
พรรคเพื่อไทย…ก็ยังคงศักยภาพที่จะกลับมาเป็นพรรคขนาดใหญ่และมีบทบาทนำในการเมืองไทย ได้อีกครั้ง!!!.