เยียวยา!!!

รัฐบาลเดินหน้ามาตรการเยียวยาเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา ย้ำ! ไม่ให้ใครตกหล่น พร้อมส่ง “7 รมต.” ลงพื้นที่เก็บข้อมูลรอบด้าน

ผลพวงจากเหตุปะทะทางการทหาร ระหว่างกองทัพไทยและกัมพูชา ระหว่างวันที่ 24-28 ก.ค.2568 ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงภาคธุรกิจในพื้นที่ตามแนวชายแดนของ 2 ชาติ

นับตั้งแต่เกิดเหตุ…รัฐบาลไทยได้ประกาศความมุ่งมั่นที่จะดูแลและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างครอบคลุม เพื่อให้ทุกครอบครัวที่เผชิญความเดือดร้อนจากเหตุการณ์นี้ได้รับการช่วยเหลือโดยไม่ตกหล่น

การดำเนินการเยียวยาครอบคลุมทั้งด้านชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน พร้อมทั้งยังได้ออกมาตรการเสริมจากหน่วยงานต้นสังกัด

ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้มอบหมายรัฐมนตรี 7 คน ลงพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน เพื่อพูดคุย รับฟังข้อเท็จจริงและข้อเสนอจากประชาชนในพื้นที่โดยตรง ก่อนกำหนดแนวทางเยียวยารอบที่สองและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ได้กำหนดกรอบการเยียวยาที่ชัดเจนและรัดกุม สำหรับกรณีผู้เสียชีวิตที่เป็นประชาชนทั่วไป รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยรายละ 8 ล้านบาท ส่วนผู้เสียชีวิตที่เป็นข้าราชการทหารหรือตำรวจ จะได้รับรายละ 10 ล้านบาท

ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส บาดเจ็บเล็กน้อย หรือทุพพลภาพ จะได้รับการเยียวยาตามระดับความเสียหาย โดยย้ำว่าจะไม่มีผู้ใดถูกละเลยจากกระบวนการนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการช่วยเหลืออย่างเท่าเทียม และพร้อมติดตามดูแลจนกว่าผู้ประสบเหตุจะสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงปกติที่สุด

นอกจาก การจ่ายเงินเยียวยาตามมติ ครม. แล้ว ทางหน่วยงานต้นสังกัด เช่น กระทรวงกลาโหม ยังได้จัดสวัสดิการเสริมให้กับครอบครัวของข้าราชการทหารที่เสียชีวิต เช่น สิทธิการบรรจุเข้ารับราชการเป็นกรณีพิเศษ การดูแลด้านที่อยู่อาศัยและสวัสดิการพื้นฐาน รวมถึงการสนับสนุนการศึกษาบุตร เพื่อเป็นการตอบแทนคุณความดีที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประเทศ

ทั้งนี้ เพื่อให้มาตรการเยียวยามีความครอบคลุมและสอดคล้องกับความต้องการจริงในพื้นที่ รัฐบาลได้มอบหมายให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ และ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังจังหวัดสุรินทร์ เพื่อพบปะประชาชนและผู้นำท้องถิ่น

การพูดคุยครั้งนี้เน้นการรวบรวมข้อมูลและข้อเสนอแนะ ทั้งในด้านการเกษตร ปศุสัตว์ บ้านเรือน และโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหาย เพื่อจัดทำรายละเอียดการเยียวยารอบที่สองซึ่งครอบคลุมถึงทรัพย์สินและการฟื้นฟูวิถีชีวิต

โดยตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 รัฐบาลได้ส่งรัฐมนตรี 7 คน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิงชั่วคราว 12 แห่ง ใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี เพื่อเร่งรัดมาตรการช่วยเหลือ โดยแบ่งการลงพื้นที่ดังนี้

จ.สุรินทร์ – น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี และ นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.แรงงาน

จ.ศรีสะเกษ – นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา และ นางมนพร เจริญศรี รมว.คมนาคม

จ.บุรีรัมย์ – นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมช.ศึกษาธิการ

จ.อุบลราชธานี – น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย

การลงพื้นที่ดังกล่าว ไม่เพียงเป็นการมอบความช่วยเหลือเร่งด่วน แต่ยังเป็นช่องทางรับฟังเสียงจากประชาชนโดยตรง เพื่อสะท้อนข้อเท็จจริงสู่การประชุม ครม.

ทั้งนี้ การเยียวยาในรอบแรกเน้นบรรเทาความเดือดร้อนเร่งด่วน ส่วนรอบที่สองจะมุ่งฟื้นฟูทรัพย์สิน ความเป็นอยู่ และเศรษฐกิจท้องถิ่นให้กลับมามีเสถียรภาพ โดยรัฐบาลยืนยันว่า จะติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด พร้อมรายงานความคืบหน้าต่อสาธารณชน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าทุกครอบครัวจะได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม

ถึงบรรทัดนี้ ต้องยอมรับว่า…เหตุการณ์ปะทะชายแดนครั้งนี้ ไม่เพียงทดสอบความเข้มแข็งของระบบความมั่นคง แต่ยังทดสอบความสามารถของภาครัฐในการจัดการวิกฤตและฟื้นฟูชีวิตประชาชน

การลงพื้นที่อย่างจริงจังของรัฐมนตรีหลายกระทรวงถือเป็นสัญญาณ ว่า…รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเยียวยาทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ

มาตรการที่ครอบคลุมตั้งแต่…การชดเชยชีวิต การรักษาพยาบาล การฟื้นฟูทรัพย์สิน จนถึง การสนับสนุนระยะยาว

สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง! และพร้อมเดินหน้าไปจนกว่าความปกติสุขจะกลับคืนสู่ชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างสมบูรณ์.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password