e golden flower

“รัฐอำนาจนิยม” ทำคนกัมพูชา ตกอยู่ในวังวนแห่งความไม่รู้! “โง่” กลายเป็นสิ่งสะท้อนตัวตนของคนประเทศนี้ไปแล้ว ยิ่งคนถูกทำให้โง่มากเท่าใด? รัฐก็จะยิ่งปกครองง่ายมากเท่านั้น ประชาชนไม่รู้ความจริง ไม่สามารถจะกดดันรัฐ รัฐจะยิ่งโกหกได้ง่ายยิ่งขึ้น และกระบวนการนี้ ก็มีบรรดา e golden flower คอยขับเคลื่อนให้
วลี “ไม่โง่…ไม่ใช่เขมร” หาได้เป็นการ…บูลลี่ หรือดูถูก! ชนชาติกัมพูชา หากแต่มันสะท้อนว่า “ถ้าคุณเป็นคนกัมพูชา คุณก็ต้องถูกทำให้โง่ โดยโครงสร้างของรัฐ”
นั่นเพราะ… “ความโง่” ไม่ได้เกิดจากปัจเจก แต่เกิดจากการที่ รัฐทำให้คนไม่มีโอกาสรู้ความจริง!!!
ปมอันเป็นที่มา นั่นเพราะ…สื่อรัฐทำการผูกขาด ทำประเทศจมอยู่กับ “ระบบสื่อ” ที่ถูกควบคุมอย่างเข้มข้น! และทำให้ข้อมูลที่เข้าถึงประชาชน กลายเป็นเพียง “เวอร์ชันเดียว” จากรัฐบาลกัมพูชา
บุคลสำคัญตั้งแต่…อินฟลูเอนเซอร์ จนถึงโฆษกรัฐบาลและกลาโหม แม่ทัพนายกอง ผู้นำการเมือง ก็คุ้นชินกับคำโกหก และทำการโกหก กันจนเป็นปกติวิสัยของคนในประเทศนี้ไปแล้ว
แม้กระทั่ง ผู้มีสถานะเป็น “ศูนย์รวมจิตใจ” ของพสกนิกรกัมพูชาเอง ก็ยังไม่พ้นวังวนนี้ ถูกขบวนการ “สื่อรัฐผูกขาด” ทำการ Fake news ใส่ร้ายพระองค์ จนต้องรีบชี้แจงและแก้ไขเป็นการด่วน!
การโกหก คือ ปฏิเสธหรือบิดเบือนความจริง เมื่อถูกทำซ้ำ ๆ จนกลายเป็นความคุ้นชินในสังคม ดังนั้น คำว่า “โง่” สำหรับคนเขมร จึงหาใช่…คนปัญญาอ่อน แต่เป็นคนที่ “ถูกทำให้โง่!” หรือ “ทำให้ขาดความสามารถ” จากโครงสร้างของระบบรัฐ
พูดได้ว่า…ความโง่ของคนเขมร จึงเท่ากับผลผลิตของ “รัฐอำนาจนิยม” ที่ต้องการให้ประชาชนไม่ต้องตั้งคำถามใดๆ กับหน่วยงานของรัฐ นั่นเอง
ทั้งหมดทั้งปวงสะท้อนว่า… “รัฐโง่ชอบปล่อยข่าวลวง ประชาชนโง่ชอบเชื่อข่าวลือ”
อีกวลี…ที่เหมือนเป็นการ บูลลี่ หรือคำด่ารุนแรง และ “ปลิวว่อน!” อยู่ในโลกออนไลน์ นั่นก็คือ วลีที่ว่า e golden flower ซึ่งสอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ “สุภาพสตรีชั้นนำ” ของประเทศข้างบ้านดังกล่าว ได้ออกมาป่าวประกาศในทำนอง…
“โกหก ปลิ้นปล้น กระล่อน ตอแหล!!!” แบบสุดๆ
มี “ผู้รู้” ได้ให้คำจำกัดความ e golden flower หมายถึง…“คนที่พูดจาไม่คำนึงถึงศีลธรรมและความถูกต้อง เอาแต่ประโยชน์ของตัวเอง โดยไม่สนใจสายตาสังคม”
วลีข้างต้น จึงมิได้มีความหมายในทางหยาบคาบ แต่คือการสื่อสารเชิงประชด ว่า “นี่คือคนที่หน้าชื่นตาบานแม้พูดสิ่งที่ไม่จริง และไม่อายฟ้าดิน”
ลำพัง “2 พ่อลูกตระกูลฮุน” อย่าง…นายฮุน เซน และนายฮุน มาเนต พูดคำโกหกหลอกลวง ให้ร้ายคนไทยวนเวียนซ้ำๆ และย้ำตลอดเวลา สิ่งนี้…คนไทยและประเทศไทย ก็อยากจะทำใจรับได้อยู่แล้ว
หันมาดูฝั่ง “แม่หญิงเขมร” แต่ละคน…ล้วน “บีบน้ำตา ตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ” เหมือนเตรียมการวางแผนล่วงหน้ากันมาเป็นอย่างดี เล่นดนตรีคีย์เดียวร่วมกัน เริ่มจาก…
สมเด็จบุญราณี ฮุนเซน ภริยาของสมเด็จฮุน เซน และประธานกาชาดแห่งชาติกัมพูชา ถึงกับแสดงบทดาราเจ้าน้ำตา…ร่ำไห้ โหยหวน…ก่อนแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อบรรดา “ทหารกัมพูชา” ที่เสียชีวิตระหว่างการสู้รบที่ชายแดน
แน่นอนว่า…ซีนด่าไทย! ไม่มีไม่ได้ ดังนั้น เธอจึงโบ้ยความผิดให้กับทหารไทย ว่า…เป็นต้นเหตุทำให้ชาวกัมพูชาต้องอพยพออกจากบ้านเรือน และต้องเผชิญกับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส
“เมื่อชาวกัมพูชานอนไม่หลับและเป็นทุกข์ ฉันและท่านสมเด็จโดเช (ฮุน เซน) เป็นทุกข์ยิ่งกว่าและนอนไม่หลับเช่นกัน” สมเด็จบุญราณี ฮุนเซน ตีบทดาราเจ้าน้ำตา
อีกคนที่ “ดังไม่แพ้กัน” และเป็นคนที่ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ของไทย ต้องไปเข้าพบและเยี่ยมคำนับ เมื่อครั้งเดินทางไปเยือนกัมพูชา นั่นคือ…สมเด็จมหารัฐสภาธิการธิบดี ควน โซะดารี ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งกัมพูชา
คนที่ขึ้นไปประกาศบนโพเดียมของเวที การประชุมระดับสูงของสหภาพรัฐสภา นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวหาและให้ร้ายทหารไทย ว่า…เป็นฝ่ายรุกดินแดนและโจมตีกัมพูชาก่อน แถมยังใช้อาวุธเคมีทำร้ายทหารกัมพูชา จนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
จน ประธานสภาฯของไทย อย่าง…นายวัน มูหะหมัดนอร์ มะทา และ โฆษกรัฐบาล เช่น…นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ต้องออกมาประท้วงและประณาม สมเด็จมหารัฐสภาธิการธิบดี ควน โซะดารี อย่างรุนแรงในทำนอง…
ไม่รู้กาลเทศะ – โกหกจนเป็นนิสัย!!!
อีกหนึ่ง e golden flower และ น่าจะตรงอย่างที่สุด! คงไม่พ้น “โฆษกหญิง” แห่งกระทรวงกลาโหมกัมพูชา นาม…พลโทหญิง มาลี โสเจียตา
ชื่อมันฟ้องชัด! “มาลี” หมายถึงดอกไม้ทั่วไป แต่สำหรับ…“มาลี” แห่งกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แล้ว เธอมีค่าไม่ต่างจาก…“สุวรรณมาลี” นั่นก็คือ e golden flower
ตรงตัว…ถูกคน…ถูกตัว อย่างไม่ต้องสงสัย!!!
กับพฤติกรรมและการกระทำของเธอตลอดช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มันสะท้อนว่า…สำนวน “โกหก ปลิ้นปล้น กระล่อน ตอแหล!!!”
มันไม่ได้ห่างไกลความเป็นจริงแต่อย่างใด?
จนถึงบรรทัดนี้ ไม่ว่าจะวลีไหน? คือคำพูดใด? ที่เกี่ยวข้องกับคนใน “ชนชั้นนำ” ของกัมพูชา ประเทศที่เต็มไปด้วย ธุรกิจผิดกฎหมายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น…แหล่งสแกมเมอร์, คอลเซ็นเตอร์, พนันออนไลน์, พนันบ่อน, การค้ามนุษย์ และการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนสูงสุดแห่งหนึ่งของโลก…
ล้วนหาความเป็นจริงได้ยากยิ่งนัก!!!
วงจรความไม่รู้…ได้แผ่กระจายไปทั่วทุกหัวระแหง การที่คนถูกทำให้โง่มากเท่าใด? รัฐก็จะยิ่งปกครองง่ายมากเท่านั้น
เมื่อประชาชนไม่รู้ความจริง ก็ไม่สามารถจะกดดันรัฐ และรัฐจะยิ่งโกหกได้ง่ายยิ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้ ย่อมก่อให้เกิดความเสื่อมของ “เครดิต” ในเวทีโลก เพราะเมื่อ “ประชาคมโลก” เล็งเห็นว่า…ประชาชนชาวกัมพูชา “เชื่อข่าวลวงของรัฐ” มากเท่าใด?
ภาพลักษณ์ประเทศก็จะยิ่งย่ำแย่มากที่สุดมากเท่านั้น!
และที่สำคัญ ก็คือ…เมื่อประชากรได้ถูกทำให้ไม่ต้องตั้งคำถาม ไม่รับข้อมูลหลายด้าน ย่อมจะขาดพลังสร้างสรรค์ และความสามารถแข่งขันในเวทีโลก อย่างช่วยไม่ได้!!!.