แม้เป็นการวางแผน…ทยอยปล่อยคลิปฯ ตั้งแต่ต้น ของ “ฮุน เซน” และ “กัมพูชา” แต่การที่ “สมคิด เชื้อคง” ในฐานะ “รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง” แจ้งจับ อดีตนายกฯกัมพูชา ปมปล่อยคลิปสนทนา “นายกฯแพทองธาร” สิ่งนี้…อาจกลายเป็น “ตัวเร่ง” นำสู่การปล่อยคลิปอื่นๆ จากฝั่งกัมพูชา

คลิปเสียงสนทนา “แพทองธาร ชินวัตร – ฮุน เซน” ความยาว 17 นาทีเศษ ถูกนำมาเผยแพร่ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา ชัดเจนยิ่งกว่าชัดแล้ว ว่าเป็น…แผนที่ฝั่งกัมพูชาวางเกมมาตั้งแต่ต้น

เพราะหลังจากนั้น นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกฯกัมพูชา ก็ทยอยปล่อยคลิปเสียงตามมาอีกอย่างน้อย 2 คลิป! ในวันนี้ (20 มิ.ย.2568)

คลิปหนึ่ง…เป็นเสียงการสนทนากับ “ล่ามคนสนิท” นายเคลียง ฮวด” เพื่อให้ดำเนินการ “ตามล่า” ชาวกัมพูชาที่อาศัยในประเทศไทย ซึ่งได้วิพากษ์วิจารณ์ นายฮุน เซน ไม่ว่าคนๆ นั้น จะเป็นหรือตาย โดยให้ประสานกับทาง ตำรวจไทย

อีกคลิป…มาทั้งภาพและเสียง กรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสามี เมื่อครั้งเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 23-24 เม.ย.2568 โดยพาเข้าไปเยี่ยมชม “ห้องพักทักษิณ” และ “ยิ่งลักษณ์” ซึ่งเป็น 2 ห้องนอนของ 2 อดีตนายกฯไทย เมื่อครั้งลี้ภายไปอาศัยอยู่ภายในบ้านของ นายฮุน เซน ในกัมพูชา…

ก่อนจะโพสต์คลิปดังกล่าวลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ตามมาด้วยข้อความที่ระบุว่า…

“ความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่าง 2 ครอบครัวที่มีมานานกว่า 30 ปี ถูกทำลายลง เมื่อคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์เกิดการรั่วไหล โดยเจ้าหน้าที่กัมพูชาคนหนึ่ง ซึ่งรู้สึกโกรธเคืองที่ตัวอมและ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถูกดูหมิ่น โดยกล่าวหาว่าไม่มีความเป็นมืออาชีพ…”

หลายคนเชื่อว่า…นอกจาก 1 + 2 คลิปข้างต้นแล้ว ก็น่าจะมีอีกหลายคลิปที่ นายฮุน เซน สั่งให้ทีมงานฯทำการบันทึกทั้งภาพและเสียงของบุคคลสำคัญในประเทศ ส่วนจะนำมาเผยแพร่หรือไม่? อย่างไร? และเมื่อใด? นั้น คงต้องลุ้นกันใจระทึก

โดยเฉพาะ ข้อมูลสำคัญบางอย่าง…ที่อาจเป็นหรือไม่เป็นคลิป ซึ่ง ทางฝั่งไทยเองก็อยากได้รับรู้ นั่นคือ…ข้อมูลเกี่ยวกับ “ไทยเทา” และผลประโยชน์ที่มีในดินแดนกัมพูชา

ล่าสุด ต่อเนื่องจากคลิปแรก เสียงการสนทนา ระหว่าง “แพทองธาร ชินวัตร – ฮุน เซน” ได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในฝั่งไทย แล้วก็น่าจะดังไปไกลถึงฝั่งกัมพูชาด้วย และ อาจกลายเป็น “ตัวเร่ง” การนำคลิปอื่นๆ มาเปิดเผย กล่าวคือ…

กรณีที่ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เดินทางมาที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี ในวันนี้ (20 มิ.ย.) โดยได้เข้าพบกับ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายฮุน เซน กรณีคลิปเสียงพูดคุยกับ นายกรัฐมนตรีหลุด!

เพราะสิ่งนี้…มันคือ การ “ด้อยค่า” ผู้นำของอีกประเทศ และ ยังเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ โดยเป็นการกระทำที่เรียกว่า “เสียมารยาทในทางการเมือง” อย่างมาก

แม้ นายสมคิด จะอ้างว่า ตนเดินทางมาในนามส่วนตัว ในฐานะประชาชนคนไทย ทว่ากับอีกบทบาท ในฐานะ รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง แล้ว สิ่งนี้…คงไม่ทำให้ นายฮุน เซน และฝ่ายกัมพูชา คิดเช่นนั้น

“ปัจจุบัน ผมเองยังไม่ได้เรียนให้ นายกฯทราบว่าจะมาแจ้งความ มีเพียงปรึกษากับคนใกล้ชิดเท่านั้น แต่มีข่าวออกไปแล้ว จึงไม่ทราบว่านายกฯทราบหรือยัง สำหรับการที่คลิปเสียงหลุด ผมมองว่า สมเด็จฮุน เซน ได้ประโยชน์ สร้างความได้เปรียบทางการเมืองของตัวเอง โดยการเอาดีและเหยียบหัวคนอื่น ส่วนนายกฯไทย เป็นผู้ถูกกระทำ ทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่านายกฯอ่อนข้อต่อกัมพูชา ซึ่งทำให้เสียเกียรติยศและชื่อเสียงของประเทศไทย ผิดมารยาทการทูต อาณารยประเทศเขาไม่ทำกัน จึงต้องการใช้กฎหมายไทยในการดำเนินคดี” นั่นคือ เหตุผลของการแจ้งความดำเนินคดีกับ อดีตนายกฯกัมพูชา

ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุตอนหนึ่งว่า ข้อกฎหมายสามารถเอาผิดนายฮุน เซนได้ ไม่ว่าการกระทำดังกล่าวจะเกิดขึ้นในหรือนอกราชอาณาจักร รวมทั้งเป็นคนไทยหรือต่างชาติก็ตาม หากมีการทำลายความมั่นคงส่งผลกระทบในราชอาณาจักร ก็สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายไทยได้ อย่างกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ทำความผิดอยู่ต่างประเทศ หรือยูทูบเบอร์กัมพูชา 2 ราย ที่ถูกออกหมายจับก่อนหน้านี้ ก็สามารถดำเนินคดีได้

ส่วนขั้นตอนต่อไป ตำรวจจะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน และสืบค้นว่าแหล่งที่มาของต้นโพสต์อยู่ที่ใด และหากพบว่าอยู่ต่างประเทศก็สามารถหารือกับอัยการสูงสุด และประสานไปยังสถานทูตประเทศนั้นๆ เพื่อให้ส่งเอกสารไปยังประเทศปลายทางของผู้ที่ถูกออกหมายจับ

 สำหรับ “คอการเมือง…แนวซาดิสก์” นั้น คงอดใจรอกันอีกไม่นาน เชื่อว่า…หลังจากข่าวนี้ ถูกเผยแพร่ไปในฝั่งกัมพูชา และถึงหู นายฮุน เซน แล้ว

เรื่องคงไม่จบง่ายๆ!!!

ส่วนจะยากถึงระดับไหน? และลากใคร? เข้ามาเกี่ยวข้องกับเกมการเมืองระหว่างเทศ รอบนี้…

บางคน? คงได้นั่งลุ้นกันจน…ฉี่เหนียว! กันเลย.