รัฐไทยดันสุด ‘เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์’ ยัน! ตัดทิ้ง ‘กาสิโน’ ไม่ได้! เดี๋ยว ‘ทุนนอก’ ไม่สนใจ

รัฐบาลฝันเฟื่อง! เดินหน้าดันเอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ “จุลพันธ์” คาดใช้เวลาพิจารณาร่างกฎหมายใน 2 สภาฯไม่เกิน 2 ปี แต่ทันแน่! ย้ำ! หากกฎหมายไม่ผ่านสภาฯ รัฐบาลไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ เผย! ทุนนอกดอดพบแล้ว 2 ราย จ่อทยอยเข้าพบอีกเพียบ เผย! ไทยจะติดอันดับ 3 ของโลก ยัน! ตัดทิ้ง “กาสิโน” ไม่ได้ เหตุต้องเลี้ยงธุรกิจอื่นๆ ในช่วงแรก ส่วน “รองเลขานายกรัฐมนตรี” ชี้! เป็นโอกาสประเทศที่ไม่ควรเสีย พร้อมจ้างงานจำนวนมาก ดึงเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวมหาศาลได้ทั้งปี ระบุ! ไม่ใช่การพนันออนไลน์ ยืนยัน “คาสิโน” มี กม.ควบคุมเข้มงวด

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม 402 ชั้น 4 อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และ นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมกันแถลงภาพรวมโครงการ Thailand Entertainment Complex : มหานครแห่งประสบการณ์ระดับโลก เพื่อคนไทยทุกคน โดยชี้ให้เห็นถึงโอกาสของการท่องเที่ยวไทยและอธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลต้องทำเอ็นเตอร์เทรนเมนต์ คอมเพล็กซ์

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวตลอด 15 ปีของไทย โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2010 ว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยติดอันดับโลกประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศมาโดยตลอด ถึงแม้ช่วงโควิดนักท่องเที่ยวจะหายไปบ้าง แต่ช่วงปี 2023-2024 ก็ทำสถิติกลับมาติด 10 อันดับโลกใหม่ได้ แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะมีมาก แต่รายได้ต่อหัวที่เข้ามาใช้จ่ายในประเทศกลับไม่เพิ่ม เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งกับดักการท่องเที่ยวของประเทศไทย จึงถึงเวลาที่ต้องสร้างโอกาสครั้งใหม่ พัฒนาการท่องเที่ยวที่ทำให้รายได้ต่อหัวนักท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น
ด้าน นายศึกษิษฏ์ กล่าวว่า เพื่อเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว รัฐบาลเดินหน้าการท่องเที่ยวด้วยการวางเป้าหมายใหม่ๆ กำหนดยุทธศาสตร์ใหญ่ที่จะทำการท่องเที่ยวแบบไม่รอฤดูกาล และเน้นการท่องเที่ยวที่ “สร้างขึ้นใหม่” ไม่ว่าจะเป็นแผนงานการดึงอีเวนต์ระดับโลกเข้ามาในประเทศ เช่น F1 วิจิตรเจ้าพระยา มหาสงกรานต์ Splash FIVB Volleyball Women’s Nations League , การท่องเที่ยวที่เน้นการสร้างคุณค่า เช่น การทำ THACCA, 5 Must Do in Thailand, Health & Wellness Tourism และ Man-Made Destination เช่น กระเช้าภูกระดึง, Cruise Terminal และ Enterainment Complex

โดย เอ็นเตอร์เทรนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เป็นเพียงหนึ่งในกลยุทธ์ที่หลากหลายในหมวดการยกระดับการท่องเที่ยวเท่านั้น เอ็นเตอร์เทรนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่แค่โซนบันเทิง แต่เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ประเทศตลอดปี ทำให้ประเทศไทยไม่มี Low Season อีกต่อไป
นอกจากนี้ เอ็นเตอร์เทรนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ยังเป็น Man-Made Destination ที่จะรวมไว้ตั้งแต่สวนสนุก/สวนน้ำ, พิพิธภัณฑ์, สเตเดียมอเนกประสงค์ในร่ม, พื้นที่สีเขียวเพื่อการพักผ่อนของประชาชน, พื้นที่ส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP, โรงแรม 5 ดาว, ศูนย์นวัตกรรมสำหรับสตาร์ทอัพและธุรกิจแห่งอนาคต, ห้างสรรพสินค้าครบวงจรและโรงภาพยนตร์, คอนเสิร์ตฮอลล์ระดับเวิลด์คลาส, ศูนย์ประชุมและพื้นที่จัดนิทรรศการขนาดใหญ่, ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์, ท่าจอดเรือยอชท์และท่าเรือสำราญ, กาสิโน (ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด) ฯลฯ
“ทั้งหมดนี้ ผู้ประกอบการไทย SME ไทย จะได้รับประโยชน์ตรงนี้อย่างแน่นอน และผมคิดว่านี่คือโอกาสที่ประเทศไทยไม่ควรจะพลาดไป ประเทศไทยไม่ใช่ที่แรก เพราะที่ผ่านมา เอ็นเตอร์เทรนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ถูกพูดถึงและเป็นโครงการที่หลายประเทศกำลังมุ่งไป โดยคาดการณ์โอกาสในตลาดเอ็นเตอร์เทรนเมนต์ คอมเพล็กซ์สูงถึง 54 ล้านล้านบาท/ปี” นายศึกษิษฏ์ กล่าว พร้อมกับยกตัวอย่างว่า…

ข้อมูลรายได้ต่อปีจากสถานบันเทิงครบวงจรปี 2022 ของประเทศเวียดนาม คือ 1.8 แสนล้านบาท/ปี, เกาหลีใต้ 3.2 แสนล้านบาท/ปี, สิงคโปร์ 4.3 แสนล้านบาท/ปี, ญี่ปุ่น ที่กำลังจะเปิดในปี 2030 เป็นต้น ข้อมูลตัวเลขจากประเทศเพื่อนบ้านแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน
ส่วน โมเดลการสร้างเอ็นเตอร์เทรนเมนต์คอมเพล็กซ์ของไทย คือ โมเดลเหมือนสิงคโปร์ UAE และที่ญี่ปุ่นกำลังทำ นั่นคือ จํากัดจํานวน เช่น ให้มีจํานวนน้อย แล้วบังคับให้การลงทุนเป็นการลงทุนขนาด mega size เท่านั้น (XXL 100,000 ล้านบาทขึ้นไปเท่านั้น) ซึ่งโมเดลนี้ จะมาพร้อมกับการลงทุนขนาดใหญ่ที่เข้ามา สิ่งที่เราจะได้คือการยกระดับตัวอุตสาหกรรมขึ้นมาทั้งหมด และมาพร้อมกับมาตรฐานการกํากับดูแลระดับโลกด้วย เพราะเราต้องการดึงมาตรฐานระดับโลก ดึง global best practice เข้ามา ประกอบกับ local governance ของเรา เพื่อสร้างมาตรการในการป้องกัน มาตรฐานในการกํากับดูแลที่เข้มแข็งที่สุด
“ทั้งนี้ จุดที่เราศึกษาอยู่ใกล้กับแหล่งคมนาคมขนส่ง และที่สําคัญคืออยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เพราะเราตั้งใจว่า เมื่อมี Entertainment Complex แล้ว นอกจากเราจะดึงเม็ดเงินลงทุนเข้ามา เราต้องการให้ผู้คนมาเที่ยวที่นี่แล้วก็ไปเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวข้างๆ ด้วย โดยกระจายรายได้ออกไปให้ทุกภาคส่วนกว้างขวางที่สุด” นายศึกษิษฏ์ ระบุและย้ำว่า

Entertainment Complex ไม่ใช่การพนันออนไลน์ เป็นคนละเรื่อง แยกกันอย่างชัดเจน ใน พ.ร.บ. ระบุไว้ชัดเจนว่า พนันออนไลน์ไม่อนุญาตให้เกิดขึ้นในนี้ และรัฐบาลก็เดินหน้าปราบปราม และกําจัดพนันออนไลน์ด้วย ซึ่งเราปิดเว็บไซต์ไป 90,000 กว่าเว็บฯ ปิดบัญชีม้าไปประมาณ 700,000 กว่าบัญชี วันนี้เราต้องการการลงทุนที่เรียกว่า on land คือลงทุนเป็น land-based Entertainment Complex ที่มีการลงทุนเกิดขึ้นจริง ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานจริง มีเงินเข้ามาในประเทศจริง มีการจ้างงานจ้างอาชีพจริงๆ
ส่วนเรื่องของ “กาสิโน” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าได้ และ กาสิโนจะอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดตามกฎหมาย และมาตรฐานการดูแลระดับโลก ตั้งแต่มาตรการดูแลผู้เล่นในกาสิโน, การห้ามเข้า ,มีการลงทะเบียนและติดตามผู้เล่น รวมถึงมีมาตรการดูแลเพื่อสังคม เช่น การสนับสนุนทุนการศึกษา, การทำ CSR เพื่อสังคม และการป้องกันเยียวยาด้วย
“ผมขอยืนยันว่า Entertainment Complex เป็นการลงทุนที่ไม่ต้องใช้เงินภาษีจากพี่น้องประชาชน เพราะเป็นการลงทุนโดยเอกชน แต่สิ่งที่จะได้คือ เราจะเกิดรายได้ตั้งแต่ช่วงก่อสร้าง วัสดุก่อสร้างเกิดขึ้นในไทยแน่นอนสินค้า โต๊ะ ตู้ เตียง ต่างๆ ผ้าห่ม หมอน ต่างๆ ของเมืองไทยแน่นอน และการจ้างงานทุกอย่างเป็นคนไทย 100% ส่วนหลังเปิดให้บริการแล้วก็จะสามารถ ช่วย GDP ไปได้ ถึง 0.2-0.8% ตามการคาดการณ์ ซึ่งผมคิดว่า สามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจได้สูงกว่านี้ด้วยซ้ำ” นายศึกษิษฏ์ กล่าวและว่า…

นอกจากนี้ จะสร้างรายได้ให้การท่องเที่ยว 1-2 แสนล้านบาท จากกิจกรรมที่ที่พูดไปข้างต้น คือ คอนเสิร์ตขนาดใหญ่ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า สวน สวนสนุก มิวเซียม เรือยอร์ช สิ่งเหล่านี้สามารถยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเราได้ชัดเจน จะเกิดการจ้างงาน 9000-15,000 อัตรา เพราะสิงคโปร์ แค่มารีน่าเบย์แซนด์เจ้าเดียว ก็เกิดการจ้างงานกว่า 12,000 เข้าไปแล้ว ทั้งยังเพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ประมาณการว่า 22,300 บาท/คน/ทริป เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวขึ้น 5-20% ต่อปี เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวช่อง Low Season ขึ้น 13% ทำให้การท่องเที่ยวสม่ำเสมอทั้งปี ไทม์ไลน์การลงทุนยังอีกยาวไกล ปัจจุบันเราอยู่ที่จุดเริ่มต้น คือการทำกฎหมายเท่านั้น เฉพาะแผนการทำงานคาดว่าจะกินเวลาราว 3 ปี และทุกนาทีที่เสียไป เท่ากับ ‘โอกาส’ ที่ประเทศไทยเสียไปเช่นกัน

ช่วงตอบคำถามผู้สื่อข่าว ทั้ง นายจุลพันธ์ และ นายศึกษิษฏ์ ยืนยันว่า…ร่างกฎหมาย Entertainment Complex ซึ่งผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีและยื่นเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคาดว่าการเปิดประชุมสภาฯช่วงเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ จะได้พิจารณาในวาระแรก ส่วนการจะปรับเปลี่ยนเนื้อหากฎหมายหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร ที่จะดำเนินการ ซึ่งกว่าจะผ่านครบทั้ง 3 วาระและชั้นการพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภา คาดว่าจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี
รมช.คลัง กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า เรื่องของเวลาก็น่าจะพิจารณาได้ทัน ส่วนที่ประชุมสภาฯ จะพิจารณารับรองผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสมาชิกสภาฯ แต่เชื่อว่ากฎหมายที่เสนอโดย ครม. และมีพรรคร่วมรัฐบาลให้การสนับสนุน ก็น่าจะผ่านการพิจารณาของสภาฯ แต่หากไม่ผ่าน ก็ไม่จำเป็นที่รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบโดยการลาออกแต่อย่างใด ส่วนร่างกฎหมายฉบับนี้ อาจจะตกหรือไม่ตก และหากไม่ตก รัฐบาลชุดใหม่หยิบมาทำต่อก็ได้

ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่า การมี “กาสิโน” จะทำให้เกิดแรงต่อต้านจากสังคมไทย นายจุลพันธ์ ย้ำว่า มันเป็น “โมเดลธุรกิจ” ที่ไม่สามารถจะตัดทิ้งไปได้ และข้อมูลจากต่างประเทศระบุว่า รายได้จาก “กาสิโน” สามารถเลี้ยงธุรกิจอื่นๆ ที่ยังไม่ทำกำไรในช่วงแรกได้เป็นอย่างดี และการที่คนไทยจะเข้ามาได้จะต้องมีเงินฝากไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท รวมถึงมีคุณสมบัติอื่นๆ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
ทั้งนี้ จากการหารือกับ ตัวแทนกลุ่มทุนจากต่างประเทศ 2 รายใหญ่ ได้รับการยืนยันว่า หาก Entertainment Complex ในโมเดลที่รัฐบาลออกแบบไว้เกิดขึ้น จะทำให้มีขนาดธุรกิจใหญ่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก รองจาก ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา และมาเก๊า ประเทศจีน ทั้งนี้ นอกจากตัวแทนผู้ประกอบการ 2 รายใหญ่แล้ว ยังมีอีกหลายกลุ่มให้ความสนใจจะเข้าลงทุนและเตรียมเดินทางมาหารือกับรัฐบาลไทย ถึงโอกาสการลงทุนใน Entertainment Complex ในเร็วๆ นี้
สำหรับ ประเด็นการทำประชามติ นั้น นายจุลพันธ์ ย้ำว่า ต้องขึ้นอยู่กับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ทำประชาพิจารณ์ไปแล้วหลายครั้ง และได้รับการตอบรับที่ดีสูงกว่าร้อยละ 80 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีกว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ ก็น่าจะมีความสมบูรณ์และได้รับความเห็นชอบจากคนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมทำประชาพิจารณ์ก่อนหน้านี้.