‘คดีอั้งยี่’ ฮั้วเลือก สว.ระส่ำ!! ‘ไอ้โม่ง?’ จัดชุดใหญ่ข่มขู่พยาน ‘อดีตผู้สมัคร สว.’ จี้ DSI เร่งคุ้มครองพยาน

“นางกุสุมาลวตี” อดีตผู้สมัคร สว. ร้องดีเอสไอขอความคุ้มครอง พบพยานหลายรายถูกข่มขู่ หลังแจ้งความตำรวจ สภ.โกสุมพิสัย มหาสารคาม เอาผิด “แก๊งอั้งยี่” คดีฮั้วเลือก สว.พบการเลือกระดับประเทศผิดปกติ

วันนี้ (2 พ.ค.) เวลา 9.00 น. ณ อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. และ นางจันทร์เพ็ญ ประเสริฐศรี ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย จ.อำนาจเจริญ เดินทางมายื่นเรื่องร้องขอความช่วยเหลือจาก นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค หลังถูกคุกคามข่มขู่ กรณีเข้าแจ้งความข้อหาอั้งยี่ ที่ สภ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม การเลือกฮั้ว สว. ระดับประเทศ
นางกุสุมาลวตี เปิดเผยว่า “ตนเป็นผู้สมัคร สว. ในกลุ่มสตรี โดยเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในการเลือก สว. ระดับประเทศที่มีความผิดปกติ ไม่ชอบธรรม และมีกลไกที่ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้นและเห็นการแทรกแซงของผู้บังคับบัญชาบางคน ซึ่งที่ผ่านมาตนได้เห็นเหตุการณ์หลายอย่างจึงไปร้องเรียนหลายหน่วยงาน ทั้ง ศาล คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และถวายฎีกา รวมทั้ง ตนได้แจ้งความที่ สภ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม กรณีการเลือกตั้งที่มีพฤติการณ์อั้งยี่ ซึ่งหลังแจ้งความก็มีนายอำเภอโกสุมพิสัยโทรศัพท์มาหาตนเพื่อสอบถามว่า “ได้เดินทางไปแจ้งความมาหรือไม่และต้องการขอสำเนาแจ้งความ” ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่นายอำเภอไม่ควรจะมาเกี่ยวข้อง แต่เขาบอกว่ากระทรวงมหาดไทยเป็นผู้สั่งให้มาดำเนินการ”
นางกุสุมาลวตี เผยว่า ตนจึงตั้งคำถามว่ากระทรวงมหาดไทย ทำไมต้องมาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ได้อย่างไร เพราะคดีดังกล่าวเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ กกต. อัยการจะส่งสำนวนไปยังศาล ทั้งนี้ มองว่ามีพรรคการเมืองและกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือก สว. ที่ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม มันผิดกฎหมายและจริยธรรม ตนจึงมาขอดีเอสไอคุ้มครองเพราะเกรงว่าไม่ปลอดภัย โดยมีการใช้อำนาจอ้างว่าเป็นหัวหน้าส่วนราชการภายในอำเภอ มีสิทธิที่จะเข้าไปดูสำนวนการแจ้งความของใครก็ได้ โดยตนมาทราบภายหลังว่านายอำเภอไปขอข้อมูลกับตำรวจ สภ.โกสุมพิสัย แล้ว
“นอกจากนี้ ยังทราบมาด้วยว่ามีพยานหลายคนในคดีที่เคยให้การไปแล้วก็ถูกข่มขู่ให้แจ้งความกลับว่าถูกดีเอสไอบังคับมาให้ปากคำ จนพยานต้องไปแจ้งความกลับหลายคนเนื่องจากเกิดความหวาดกลัว อีกทั้งยังมีขบวนการสั่งการให้นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปพูดจาข่มขู่พยานด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง”
ด้าน นางจันทร์เพ็ญ เปิดเผยว่า ตนเป็นผู้แทนของกลุ่มผู้สมัคร สว. ภายใน จ.อำนาจเจริญ ซึ่งขณะนี้พบว่าถูกข่มขู่ โดย จ.อำนาจเจริญพบ สว. 5 คน ซึ่งการรับรองดังกล่าว ส่วนตัวมองว่าเป็นการรับรองบุคคลที่ขาดคุณสมบัติในสาขาอาชีพต่างๆ โดยให้นักการเมืองท้องถิ่นเป็นผู้รับรอง จึงมองว่าเป็นช่องทางที่นักการเมืองนำมาใช้ในการคัดเลือก สว. ซึ่งใน จ.อำนาจเจริญพบกลุ่มบุคคล 600 – 700 คน ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการฮั้ว สว. โดยมีการถูกข่มขู่จากบุคคลบางกลุ่ม ตนจึงอยากให้กลุ่มบุคคลที่ถูกข่มขู่ให้เข้ามาร่วมเป็นพยานกับดีเอสไอ สำหรับลักษณะการข่มขู่เบื้องต้นพบ มีการส่งข้อมูลหรือข้อความไปถึงกลุ่มผู้สมัครและญาติ ห้ามไม่ให้เข้ามาให้ปากคำในฐานะพยานกับดีเอสไอ อ้างว่ามีการเคลียร์คดีกันแล้ว อีกทั้งยังมีการฝากข้อความมาบอกตัวเองไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับคดีดังกล่าว
ขณะที่ พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่า ผู้ที่เข้ามาร้องทั้ง 2 คน วันนี้ถือเป็นพยานในคดีพิเศษที่ดีเอสไออยู่ระหว่างทำการสอบสวนในคดีอั้งยี่ กรณีฮั้วเลือก สว. ระดับประเทศ ซึ่งหลังจากที่ นางกุสุมาลวตี ไปแจ้งความที่ สภ.โกสุมพิสัย แล้วสำนักตำรวจแห่งชาติก็ได้ส่งเรื่องมาที่ดีเอสไอ เพื่อพิจารณารับเรื่องเป็นคดีพิเศษแล้ว โดยวันนี้ผู้ร้องมีการมาร้องขอว่ามีพฤติกรรมที่อาจจะเกิดความไม่ปลอดภัย ซึ่งรัฐมีหน้าที่คุ้มครองพยานในคดีอาญา โดยคณะกรรมการกรมสอบสวนคดีพิเศษต้องพิจารณาว่ามีพฤติกรรมที่จะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยกับพยานหรือไม่ ผู้ร้องมีความประสงค์ขอรับการคุ้มครองพยานหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีบุคคลอื่นมาร้องขอนำบันทึกประจำวันที่ผู้ร้องไปแจ้งความ ก็ต้องพิจารณาว่าบุคคลดังกล่าวมีอำนาจหรือสิทธิที่จะขอหรือไม่ ซึ่งการแจ้งความร้องทุกข์ถือเป็นเอกสารในสำนวนคดีอาญา ตามหลักกฏหมายแล้วก็มีข้อยกเว้นที่จะไม่เปิดเผยได้ เพราะอาจจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยว่า สำหรับการข่มขู่พยานดังกล่าวไม่ได้เป็นอุปสรรคในการสอบสวนแต่หากมีการมาข่มขู่คุกคามพยานก็ต้องมีการพิจารณาคุ้มครอง โดยเบื้องต้นมีพยานมาร้องว่าถูกข่มขู่หลายร้าย แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นใครบ้าง ส่วนการที่ฝ่ายปกครองไม่ค่อยให้ความร่วมมือตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น ยังไม่พบอุปสรรคในการสอบสวนมากนัก รวมถึง ความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้มีการรวบรวมพยานหลักฐานไปมากพอสมควรแล้วมีการเรียก ทั้ง พยานบุคคล ประจักษ์พยาน และพยานที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารต่างๆ เพื่อพิสูจน์ว่ามีการกระทำจัดตั้งเป็นสมาชิก คณะบุคคล หรือมีการปกปิดวิธีดำเนินการเพื่อกระทำการมิชอบด้วยกฏหมายด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งหรือไม่ โดยหลังจากนี้จะมีการประสานขอความร่วมมือไปยังกระทรวงมหาดไทยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพนักงานสอบสวนอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร
“ส่วนการจำลองเหตุการณ์วันเลือกตั้ง สว. ระดับประเทศที่เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.ต.ยุทธนา บอกว่าได้ข้อมูลรายละเอียดที่เป็นประโยชน์ เพราะนำภาพที่ได้จากการบันทึกภาพเคลื่อนไหวมาวิเคราะห์ว่าบุคคลใดอยู่ในกิจกรรมอะไรบ้าง การเลือก การกาลงคะแนน การแสดงบัตร มีความสอดคล้องกับพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานวัตถุอย่างไรบ้าง”.