จับโบ๊ะ-ไม่โบ๊ะ! ศึกซักฟอก…ดีลแลกประเทศ!!??

ได้ฤกษ์เบิกโรง! สายของวันพรุ่งนี้ (24 มี.ค.) สำหรับ ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน หากไม่มีอะไรเวิ้นเว่อ ล่ะก็…2 วันหลังจากนั้น (26 มี.ค.) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร…ก็จะได้ลงมติ ไว้หรือไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี???
ตามเวลาที่ วิป 3 ฝ่าย ประสานพูดคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ 28 ชั่วโมง เป็นของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ส่วน พรรคร่วมรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีจะได้ 7 ชั่วโมง ที่เหลือ 2 ชั่วโมง เป็นเวลาของประมุขสภาฯ (ประธาน)
ที่น่าจับตามองไม่แพ้…ข้อมูลของพรรคฝ่ายค้าน กับญัตติ “นายกรัฐมนตรีมีพฤติการณ์อันไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป” ก็คือ…การเซ็ททีม “องครักษ์พิทักนายกฯ”
ที่สุด! จะเตะสกัดจังหวะ ระหว่างที่ฝ่ายค้านอภิปราย นายกฯแพทองธาร หรือไม่? โดยเฉพาะ ธีมการซักฟอก ในวันพรุ่งนี้ (24) คือ “ดีลแลกประเทศ”
ฝ่ายค้าน “พรรคประชาชน” จะงัดเอาหลักฐานข้อมูล ข้อเท็จจริงเด็ด! มา “จับโบ๊ะ” นายกฯแพทองธาร และ พรรคเพื่อไทย (พท.) ที่เอา ผลประโยชน์ของชาติมาแลกกับผลประโยชน์ของบุคคลในครอบครัวอย่างไร? และอะไรที่สะท้อนว่า…“นายกฯแพทองธาร” ได้แสวงหาผลประโยชน์ของบุคคลในครอบครัวเป็นตัวตั้ง แทนที่จะเอาผลประโยชน์ของประชาชนของประเทศเป็นตัวตั้ง
แม้จะตัดชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร ออกจากญัตติ และเปลี่ยนไปใช้ “บุคคลในครอบครัว (ชินวัตร)” แทนแล้ว กระนั้น ก็ไม่ทำให้ข้อกล่าวหา “ดีลแลกประเทศ” เบาบาง…จางหายได้
ความต่อเนื่องของการซักฟอก “นายกฯแพทองธาร” และ “บุคคลในครอบครัว (ชินวัตร)” จะเป็นต้นเหตุทำให้เกิดปฏิบัติการ “เตะถ่วง” จากองครักษ์พิทักษ์นายกฯ สักแค่ไหน?
ล่าสุด ฟังน้ำเสียงของ แกนนำองครักษ์ฯ อย่าง… นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่า การอภิปรายวันแรกจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ราบรื่น ในฐานะ “ทีมองครักษ์พิทักษ์ข้อบังคับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ” อยากแนะนำ ส.ส.ไม่ให้ประท้วงพร่ำเพรื่อ เพราะประชาชนจะเบื่อ อะไรนิดๆ หน่อยๆ ต้องอดทนเอา การจะประท้วงต้องดูข้อเท็จจริงกับข้อบังคับการประชุมประกอบกัน
ก่อนจะย้ำว่า…หากมีการเอ่ยชื่อ 2 อดีตนายกฯ (ทักษิณ และยิ่งลักษณ์) ก็ต้องดูคำพูดหน้างาน เจตนา และข้อบังคับการประชุม แล้วมาพิจารณากันว่าจะประท้วงหรือไม่
“ย้ำว่า…ต้องดูหน้างานเป็นหลัก ไม่สามารถบอกได้ว่า พูดประโยคใดแล้วจะประท้วงทันที”
ทางฝั่ง แกนนำพรรคฝ่ายค้าน เอง “หัวเท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ยืนยันว่า…การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ทางพรรคฝ่ายค้านได้มีการจัดกลุ่มการอภิปรายเป็นประเด็นๆ ทั้งปัญหาจากนโยบาย ปัญหาคอร์รัปชั่น และปัญหาอื่นๆ แต่ไม่ได้วางกลุ่มสำหรับอภิปรายบุคคลในครอบครัวโดยเฉพาะ
“ยืนยันว่า เราจะอภิปรายตัวนายกรัฐมนตรี ส่วนเรื่องคนในครอบครัวถือเป็นส่วนเสริมเข้ามาในปัญหาของนายกรัฐมนตรี ขอย้ำว่า เราไม่ได้อภิปรายนายทักษิณ ชินวัตร แต่อภิปราย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ไม่ได้เป็นนายกฯตัวจริง โดยจะวางคิวผู้อภิปรายที่มีข้อมูลระดับหมัดเด็ด กระจายอยู่ตลอด 2 วันของการอภิปราย ยืนยันได้ว่าการอภิปรายครั้งนี้ มีหมัดเด็ดหลายเรื่อง ยืนยันว่า รอบนี้เป็นของจริง มีคนร้อนแน่นอน เก้าอี้อาจจะอยู่ไม่สุข”
ขณะที่ ตัวนายกรัฐมนตรี เอง ก่อนหน้านี้….เคยให้สัมภาษณ์ในทำนอง “เชื่อมั่น” ในสิ่งที่ตัวเองและรัฐบาลได้ทำมาตลอด 6 เดือนของการเข้ารับตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาล ล่าสุด เป็น นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะ “ประธานปรัฐบาล” พูดแทน นายกฯแพทองธาร ประมาณว่า…
“น.ส.แพทองธาร อยู่กับการเมืองมาตั้งแต่เด็ก มีประสบการณ์ทำงานการเมือง ไม่กังวล ตนมั่นใจนายกรัฐมนตรีควบคุมอารมณ์ได้ ไม่มีโกรธ การมุ่งสร้างแต่วาทกรรมไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนชอบเสมอไป ชาวบ้านอยากฟังเหตุผล ข้อเท็จจริงมากกว่าวาทกรรม และอยากให้การเมืองมีความสร้างสรรค์”
แต่ทว่าคำตอบข้างต้น ไม่ได้พูดกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่เป็นการตอบคำห่วงใยของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย ที่เสนอให้ นายกฯแพทองธาร “ควบคุมอารมณ์ให้ดี อย่าอ่อนไหวคำพูดแดกดันของฝ่ายค้าน” มากกว่า…
ก็ต้องลุ้นกันว่า…กับ ญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯแพทองธาร รอบนี้ ภายใต้ธีม “ดีลแลกประเทศ” เมื่อถึงประเด็นต่อยอดจากญัตติ “นายกรัฐมนตรีมีพฤติการณ์อันไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป” ไม่ว่าจะเป็น…
– ขาดคุณสมบัติและความเหมาะสม : ไม่มีคุณสมบัติและไม่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายบริหาร ทั้งขาดภาวะผู้นำ ขาดวุฒิภาวะ ขาดความรู้ความสามารถ และขาดเจตจำนงในการบริหารราชการแผ่นดิน
– ทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น : ส่งผลให้ทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศชาติ จงใจลอยตัวอยู่เหนือปัญหาและไม่มีความรับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่
– เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง : เห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเอง ครอบครัว และพวกพ้องเป็นตัวตั้ง อยู่เหนือผลประโยชน์ของส่วนรวม
– ไม่ซื่อสัตย์สุจริต : ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์เอาเปรียบประชาชน เอาเปรียบสังคม โกหกหลอกลวง ไม่ดำเนินการตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน
– บริหารประเทศล้มเหลว : บริหารบ้านเมืองผิดพลาดล้มเหลวอย่างร้ายแรงทั้งในด้านการเมือง การปฏิรูปกองทัพ ความมั่นคง เศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม ทำลายนิติรัฐ และทำลายระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา
– ปล่อยปละละเลยการทุจริต – ปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นภายใต้การบริหารงานของตนเอง ทุจริตเชิงนโยบายเพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่พวกพ้องและกลุ่มทุน
– แต่งตั้งบุคคลไม่เหมาะสม : แต่งตั้งบุคคลที่ขาดความเหมาะสม ขาดความรู้ความสามารถ หรือไม่ซื่อสัตย์สุจริตไปเป็นรัฐมนตรีหรือตำแหน่งสำคัญอื่น
จนถึงปมสุดท้าย อย่าง…
– การถูกชี้นำจากบุคคลในครอบครัว : สมัครใจยินยอมให้บุคคลในครอบครัวชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง
ที่สุด! มันจะก่อเกิดเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองได้มากน้อยแค่ไหนกัน???.